Dyson เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ต้อนรับปี 2019 ชูคอนเซปต์การใช้ชีวิตประจำวันในบ้านที่ดีที่สุด มีทั้งเครื่องกรองอากาศ เครื่องดูดฝุ่น และโคมไฟที่ถือว่าเป็นไลน์อัปใหม่ของ Dyson เรามาดูกันว่าผลิตภัณฑ์แต่ละตัวทำอะไรได้บ้างที่นี่เลย

Dyson V11

เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V11™ รุ่นล่าสุด ที่ถูกพัฒนามานานกว่า 5 ปี รวมถึงการพัฒนาดิจิตอลมอเตอร์ จากทีมวิศวกรถึง 315 คน ด้านไมโครโปรเซสเซอร์ทั้งสามตัวของเครื่องดูดฝุ่น Dyson V11™ ถูกนำมาใช้เพิ่มความสามารถในการทำความสะอาดไปอีกขั้น สามารถตรวจสอบได้สูงสุดถึง 8,000 ครั้งต่อวินาที ติดตั้งอยู่ในตัวหัวแปรงทำความสะอาดแรงบิดสูง ภายใน Dyson ดิจิตอลมอเตอร์ V11 และในตัวแบตเตอรี่ เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเหล่านี้ช่วยให้ระบบการดูดฝุ่นเปลี่ยนโหมดได้โดยอัตโนมัติตามประเภทของพื้น โดยผู้ใช้สามารถเห็นระยะเวลาใช้งานที่เหลืออยู่ได้ เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนชอบทำความสะอาดบ้านทั้งมือเก่าและมือใหม่แบบสุด ๆ

ความสามารถต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นของ Dyson V11

  • สามารถทำความสะอาดได้นานสูงสุด 60 นาที
  • มาพร้อม ดิจิทัลมอเตอร์ V11 ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเร็วรอบสูงถึง 125,000 RPM ทำให้มีพลังดูดเพิ่มขึ้นกว่า Dyson Cyclone V10™ ถึง 20%
  • มีหน้าจอ LCD แสดงโหมดการทำความสะอาดต่าง ๆ พร้อมให้สลับโหมดการทำงานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น Eco, Auto และ Boostand
  • หัวทำความสะอาดแรงบิดสูงพร้อมระบบเซ็นเซอร์โหลดแบบไดนามิก (DLS) สามารถปรับเปลี่ยนระบบการทำงานระหว่าพื้นพรมและพื้นแข็งได้โดยอัตโนมัติ
  • สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอน (PM2.5) ได้ถึง 99.97%

หัวแปรงทำความสะอาดแรงบิดสูงพร้อมเซ็นเซอร์โหลดแบบไดนามิก (DLS)

ระบบ DLS ทำให้หัวทำความสะอาดมีเอกลักษณ์ สามารถตรวจจับแรงต้านทานของแถบแปรงได้ถึง 360 ครั้งต่อวินาที และจะทำการสื่อสารแบบอัตโนมัติไปยังตัวไมโครโปรเซสเซอร์ของมอเตอร์และแบตเตอรี่เพื่อทำการปรับเปลี่ยนโหมดพลังดูดระหว่าพื้นพรมและพิ้นแข็ง ช่วยให้การทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ นั้นเป็นไปอย่างตรงจุด

สำหรับหัวแปรงทำความสะอาดเป็นขนแปรงไนล่อนแข็งที่สามารถทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ลึกในพื้นพรม มีเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์อีกด้วย

หน้าจอ LCD ปรับง่าย บอกแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ได้ Realtime

หน้าจอออนบอร์ดแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานปัจจุบัน รวมทั้งโหมดพลังที่ใช้งาน และเวลาทำงานที่เหลืออยู่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมแผนการทำความสะอาดได้ 3 โหมดคือ

  • โหมด Eco ที่ทำงานทั่วไป จะอยู่ได้มากกว่า 60 นาที
  • โหมด Auto ที่จะคอย Balance งานที่ทำเพื่อให้การทำความสะอาดบ้านเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย แบตเตอรี่จะอยู่ได้ประมาณ 45 นาที
  • และโหมด Boosted ที่จัดเต็มสุดพลัง แต่กินแบตเตอรี่แบบจัดหนักเช่นกัน จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 20 นาที

นอกจากนี้ หน้าจอยังสามารถช่วยเตือนผู้ใช้เมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำความสะอาดตัวกรอง เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า และจะเตือนผู้ใช้หากมีสิ่งอุดตันใดๆเกิดขึ้น รวมทั้งวิธีการแก้ไข และต้องขอบคุณตัวแม่เหล็กเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ในตัวกรอง ทำให้หน้าจอสามารถรายงานผู้ใช้ได้ หากตัวกรองปิดไม่สนิท

แบตเตอรี่ของ Dyson V11 ออกแบบมาบนเซลล์ความจุสูงโดยใช้นิกเกิล – โคบอลต์ – อลูมิเนียม แคโทด ซึ่งแบตเตอรี่ของเครื่องดูดฝุ่น Dyson V11™ และระบบการตรวจสอบจะทำงานร่วมกัน แถมยังมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ว่าเครื่องดูดฝุ่นถูกใช้งานแบบไหน บนพื้นผิวประเภทใด และใช้เวลาประมาณเท่าไร เพื่อคำนวณเวลาใช้งานที่เหลืออยู่ได้อีกด้วย

พลังดูดที่มากกว่าเครื่องดูดฝุ่น Dyson Cyclone V10™ ถึง 20%

วิศวกร Dyson ได้วิเคราะห์ทุกรายละเอียดของ Dyson ดิจิตอลมอเตอร์ V10 รุ่นก่อนหน้า โดย Dyson ดิจิตอลมอเตอร์ V11 นี้ สามารถหมุนได้สูงถึง 125,000 รอบต่อนาที ซึ่งมีการใช้ตัวกระจายถึงสามจุด ตัวกระจายสองจุดแรกจะช่วยทำให้อากาศไหลอย่างป็นระเบียบ ลดความปั่นป่วนของกระแสลม จึงช่วยเพิ่มพลังการดูด ในขณะที่ตัวกระจายจุดที่สามช่วยลดเสียงที่ดังรบกวนและปรับปรุงเสียงขณะที่เครื่องทำงานให้ดียิ่งขึ้น

การกรองขั้นสูง

การสัมผัสกับฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพเราได้ เครื่องดูดฝุ่น Dyson V11™จะมีระบบการกรองที่ปิดผนึกอย่างแน่นสนิททั้งเครื่อง สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอนได้ 99.97% กรองอากาศให้สะอาดขึ้น นอกจากนี้ ไซโคลนทั้ง 14 ตัวจะช่วยสร้างพลังมากกว่า 79,000g เพื่อดักจับอนุภาคขนาดที่เล็กพิเศษที่มองเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์ เช่น เกสร และแบคทีเรียเข้าไปในถังฝุ่น

ราคา

เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V11™ จะวางจำหน่าย 3 รุ่นด้วยกัน เริ่มต้นที่ 25,900 บาท

  • Dyson V11 Fluffy ราคา 25,900 บาท
  • Dyson V11 Absolute ราคา 27,900 บาท
  • Dyson V11 Absolute+ ราคายังไม่เปิดเผย

Dyson Pure Cool Me

เปิดตัวเทคโนโลยีพัดลมกรองอากาศส่วนตัวเครื่องแรก Dyson Pure Cool Me ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีกรองอากาศและปล่อยกระแสลม ภายในเครื่องกรองที่มีรูปทรงทันสมัยกะทัดรัดเหมาะสำหรับการสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้พื้นที่ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน โต๊ะทำงาน หรือห้องเด็กเล็ก เทคโนโลยีใหม่ Core Flow™ เปลี่ยนการปล่อยอากาศบริสุทธิ์ กลไกควบคุมอากาศสร้างกระแสลมบริสุทธิ์ที่สม่ำเสมอช่วยให้คุณกำหนดการปล่อยกระแสลมในทิศทางที่ต้องการได้อย่างเที่ยงตรงตามต้องการ Dyson Pure Cool Me™ สร้างขึ้นจากการความเชี่ยวชาญด้านพลศาสตร์ของไหล การกรองอากาศ การตรวจจับแสง และประสิทธิภาพด้านเสียง เพื่อช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มอบอากาศสะอาดและลมเย็นให้คุณได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

ทำไมถึงต้องใช้เครื่องกรองอากาศ?

เพราะพวกเราคือกลุ่มคนในยุคอินดอร์ ใช้เวลาทำงาน เรียน รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย ผ่อนคลายและหลับนอนภายในอาคารมากถึง 90% บรรยากาศในอาคาร ที่หายใจเข้าประกอบด้วยฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ และอุณหภูมิที่เราสัมผัส มีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิต ถ้าอากาศแย่ เราก็จะป่วยได้ง่าย

Dyson ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการท้าทายตัวเองถึงวิธีในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างและดีกว่า Dyson Pure Cool Me™ พัดลมกรองอากาศส่วนตัวถูกพัฒนาขึ้นสำหรับพื้นที่ส่วนตัว ให้คุณได้ควบคุมคุณภาพอากาศและอุณภูมิได้อย่างสะดวกสบาย”

เทคโนโลยี Core Flow™

สำหรับพัดลมกรองกากาศส่วนตัว กระแสลมที่สม่ำเสมอมีความสำคัญอย่างยิ่ง  เทคโนโลยี Core Flow™ มีระบบเปลี่ยนวิถีการปล่อยอากาศบริสุทธิ์ไปยังพื้นที่ส่วนตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากลักษณะอากาศพลศาสตร์ของอากาศยาน Harrier Jump Jet  โดยวิศวกร Dyson และนำมาพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ควบคุมกระแสลมที่เที่ยงตรงและมีความพุ่งตรงเพื่อให้ทำความเย็นหรือสร้างคุณภาพอากาศที่สะอาดขึ้นได้ตลอดทั้งปีโดยใช้การปรับโดมที่ตั้งอยู่ส่วนบนของเครื่องจะช่วยคุมมุมการไหลของกระแสลมให้มีความแม่นยำมากขึ้น

ฟิลเตอร์ HEPA ดักจับมลพิษอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 99.95%

ฟิลเตอร์ HEPA ที่มีประสิทธิภาพดักจับมลพิษอนุภาคขนาดเล็กพิเศษ หรือสารก่อภูมิแพ้ ได้ถึง 99.95% นอกจากนี้ยังเปิดการทำงานของคาร์บอนเพื่อดูดซับและดักจับสสารที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ ทั้ง แก๊ส กลิ่น และควันภายในครัวเรือนเช่นสาร VOCs

ฟิลเตอร์ HEPA มีความสามารถในการดักจับมลพิษอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน หรือมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมถึง 300 เท่า

ผลิตขึ้นด้วยความใส่ใจในเรื่องเสียงเพื่อการทำงานสำหรับพื้นที่ส่วนตัว

Dyson Pure Cool Me ออกแบบมาเพื่อทำงานสำหรับพื้นที่ส่วนตัวด้วยความใส่ใจในเรื่องเสียงให้เงียบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยมีการติดตั้งโฟมลดทอนเสียงภายในเครื่องเพื่อลดเสียงที่เกิดขึ้นจากการทำงานของมอเตอร์

เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานเครื่องในระยะใกล้ วิศกรเสียงได้ทำการทดสอบกว่า 100 ครั้ง ในห้องทดสอบเสียงเพื่อตรวจวัดปริมาณและคุณภาพของเสียง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาโครงสร้างเสียงใหม่เพื่อสะท้อนถึงปฏิกิริยาของคนเมื่อได้รับเสียงจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานจริง

เซ็นเซอร์แสงอัจฉริยะเพื่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

Dyson Pure Cool Me มีระบบเซ็นเซอร์แสงอัจฉริยะในการวัดสภาวะแสงโดยรอบ และทำงานอัตโนมัติเพื่อหรี่หรือเพิ่มความสว่างของจอ LCD ที่ผังอยู่ในตัวเครื่องแบบเรียลไทม์เพื่อปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศขณะใช้งาน เมื่อระบบเซ็นเซอร์รับรู้ว่าพื้นที่มืดลง จะทำการปิดแสงของจอ LCD โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ สามารถตั้งโหมดการนอนหลับเพื่อให้เครื่องทำงานปิดอัตโนมัติโดยสามารถกำหนดเวลาได้ล่วงหน้า 30 นาที ถึง 8 ชั่วโมง

ราคา

ปิดท้ายด้วยราคา 13,900 บาท โดยมี 2 สีคือ สี White/Silver และ Gunmetal/Copper พร้อมวางจำหน่ายเดือนมิถุนายนนี้

Dyson Lightcycle™

ปิดท้ายด้วยโคมไฟสุดล้ำแห่งอนาคตที่ Jake Dyson ลูกชายแท้ ๆ ของ James Dyson เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา เพื่อมอบแสงสว่างที่เหมาะสมและสัมพันธ์กับเวลาใช้งานของแต่ละวัน เพื่อการใช้งานโคมไฟส่วนตัว Dyson Lightcycle™ นวัตกรรมใหม่ที่ถูกพัฒนามามากกว่า 2 ปี จากเครื่องต้นแบบมากกว่า 892 ตัว โดยทีมนักวิศวกรกว่า 90 คน

Features

  • ออกแบบเพื่อรองรับนาฬิกาชีวิต พร้อมระบบตรวจวัดเวลาท้องถิ่นอัจฉริยะ สามารถปรับอุณหภูมิสีและความสว่างอย่างต่อเนื่องให้สัมพันธ์กับเวลาและความสว่างของตำแหน่งที่ใช้งาน
  • ออกแบบเพื่อลดความเมื่อยล้าทางสายตา ด้วยความสว่างมากกว่า 1,000 ลักซ์ ป้องกันแสงสะท้อนและแสงที่มีความสั่นไหวต่ำ
  • เทคโนโลยีท่อความร้อนช่วยให้คงคุณภาพแสงได้ยาวนานถึง 60 ปี
  • เชื่อมต่อเพื่อการใช้งานเฉพาะตัว: ความสามารถปรับใช้งานให้เข้ากับอายุและกิจวัตรประจำวันอย่างอัจฉริยะ ด้วยแอปพลิเคชั่น Dyson Link
  • โหมดออกไปข้างนอก แสงไฟจะถูกตั้งให้ปิดและเปิดตามเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีคนอยู่ในบ้าน ใช้เป็นไฟเพื่อความปลอดภัยได้
  • เซ็นเซอร์วัดแสงรอบข้างในตัวโคมไฟ Dyson Lightcycle หมายถึง หากแสงสว่างเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน ระดับแสงเอาต์พุตจะถูกปรับโดยอัตโนมัติเพื่อให้พื้นที่ของคุณมีความสว่างที่คงที่

การติดตามแสงสว่างของพื้นที่ใช้งาน

โคมไฟสำหรับการทำงาน Dyson Lightcycle™ จะปรับอุณหภูมิสี (color temperature) และแสงสว่างอย่างต่อเนื่องให้สัมพันธ์กับแสงสว่างในเวลาท้องถิ่น ช่วยให้ผลิตแสงสว่างที่เหมาะสมตามช่วงเวลาในแต่ละวันโดยนำข้อมูลพื้นที่ใช้งานทั้งเวลา วันที่ และสถานที่ ผ่านอัลกอริทึม เพื่อคำนวณอุณหภูมิสีและความสว่างของแสงของพื้นที่การใช้งานในขณะนั้นไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งใดบนโลก มีการตรวจสอบความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยข้อมูลจากการตรวจวัดสภาพแสงผ่านดาวเทียมกว่าล้านครั้งในชั้นบรรยากาศของโลก ในเวลาที่ต่างกันของแต่ละวัน

ไม่เมื่อยตา

อีกจุดเด่นคือ โคมไฟ Dyson Lightcycle™ ผลิตแสงสว่างที่มีคุณภาพสูงและมีพลังที่มีความสว่างมากกว่า 1,000 ลักซ์ รวมทั้งสามารถป้องกันแสงสะท้อนและกระพริบ แถมมีแผ่นสะท้อนแสงรูปทรงเจ็ดเหลี่ยมจะแยกตามชั้นของฟิล์ม PMMA สามารถผสมสีของแสงได้อย่างสม่ำเสมอ และช่วยสร้างแหล่งกำเนิดของแสงสีเดียวเพื่อทำให้เงามีคุณภาพสูง แผ่นสะท้อนแสงแบบต่ำถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงที่สว่างจ้า และแสงโฟกัสอย่างไฟที่ส่องสว่างสม่ำเสมอโดยมีแหล่งกำเนิดของแสงซ่อนอยู่

ระบบ Heat Pipe ที่ทำให้หลอดอยู่นานถึง 60 ปี!

แสงสว่างในแต่ละวันมีประโยชน์หลากลาย แต่หากแสงสูญเสียความสว่างหรืออุณหภูมิสีไปตามกาลเวลา ความสามารถในการแทร็คแสงสว่างก็จะลดลงเช่นกัน หลอดไฟหรือโคมไฟที่มีอายุการใช้งานสั้นจึงเปรียบเสมือนความสิ้นเปลือง เมือไฟ LED ร้อนเกินไป อาจทำให้แสงจางหายและเปลี่ยนสี วิศวกร Dyson คำนึงถึงเรื่องนี้จึงใช้เทคโนโลยีที่มักใช้ในดาวเทียม การใช้ท่อทองแดงปิดผนึกสุญญากาศเพื่อดึงความร้อนออกไป ภายในท่อ หยดน้ำระเหยช่วยกระจายความร้อนไปตามท่อขณะที่มีการควบแน่น ก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปตามท่อ (capillary action) กลับไปยังไฟ LED กระบวนการนี้เป็นวัฎจักรการลดความร้อนที่ไม่ใช้พลังงานแบบไม่มีที่สิ้นสุด จึงทำให้สามารถรักษาความสว่างและคุณภาพแสงได้นานถึง 60 ปี!

ราคา

ปิดท้ายด้วยราคาโคมไฟ Dyson Lightcycle แบ่งเป็น 2 แบบคือ

  • Dyson Lightcycle แบบตั้งโต๊ะ ราคา 19,900 บาท
  • Dyson Lightcycle แบบตั้งพื้น ราคา 28,900 บาท

โดยปัจจุบันยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่าย รอติดตามกันได้เร็ว ๆ นี้

ก็เรียกได้ว่าสินค้าของ Dyson ประจำปี 2019 นั้นมาพร้อมเทคโนโลยีแบบจัดเต็มอย่างแท้จริง สมกับเป็นบริษัทที่มีวิศวกรเยอะมากระดับโลก และเงินลงทุนด้าน R&D เยอะมากจริง ๆ ครับ