Macbook Air รุ่นล่าสุด ที่จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊กราคาถูกที่สุดของแอปเปิ้ลจะใช้งานได้ดีขนาดไหน คลิปนี้รู้กัน แบไต๋ซื้อเอง ใช้เอง รีวิวเอง เพราะแอปเปิ้ลไม่เคยสปอนเซอร์!

ที่หลายคนต้องว้าวเกี่ยวกับ MacBook Air รุ่นปี 2019 นี้คือราคาถูกกว่ารุ่นเดิมที่ออกมาในปี 2018 เยอะครับ โดย MacBook Air 2018 รุ่นเริ่มต้นมีราคา 42,900 บาท ส่วน MacBook Air 2019 รุ่นเริ่มต้นมีราคาแค่ 35,900 บาทเท่านั้น หรือถูกกว่ากัน 7,000 บาท ผมเลยได้โอกาสจัดมาให้ทีมงานใช้ทำงานคุณภาพให้คุณ ๆ ได้อ่านกัน

ด้านในกล่อง

เปิดกล่องออกมา เจอตัวเครื่องและเอกสาร สติกเกอร์ตามสไตล์ และหัวชาร์จแบบ USB-C กำลัง 30 Watt พร้อมสายแบบ USB-C to USB-C ยาว 2 เมตร

ซึ่งหัวชาร์จนี้สารพัดประโยชน์นะครับ เพราะจ่ายไฟได้ 20v 1.5a, 15v 2a, 9v 3a, 5v 3a คือชาร์จไฟได้ถึง 4 ระดับ ทำให้ชาร์จ MacBook ได้ ชาร์จ Nintendo Switch ก็ได้ ชาร์จ iPad Pro ก็ชาร์จเร็ว ชาร์จ Android ก็เป็นโหมดชาร์จไวเหมือนกัน “แต่ชาร์จ iPhone ไม่ได้จ้า” ต้องซื้อสาย USB-C to lighting มาเพิ่มถึงจะชาร์จได้นะ

สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Macbook Air 2018 และ Macbook Air 2019

  • จอที่เพิ่มเทคโนโลยี True Tone เข้าไป ทำให้จอปรับสีตามสภาพแวดล้อมได้
  • แป้นคีย์บอร์ดแบบปีกผีเสื้อเวอร์ชั่นล่าสุด ที่แอปเปิ้ลหวังว่าจะแก้ไขปัญหาคีย์บอร์ดเสียของ Macbook รุ่นก่อนๆ ได้ (ซึ่งแก้มานานหลายปีแล้วยังไม่หาย จนมีข่าวว่าแอปเปิ้ลกำลังจะกลับไปใช้คีย์บอร์ดกลไกแบบกรรไกรเหมือนเดิม เหมือนที่ยี่ห้ออื่นๆ ใช้แล้ว)

เท่ากับว่าแทบไม่ต่างจากรุ่นปีที่แล้วทั้งสเปก ความแรง คุณภาพหน้าจอเหมือนกันหมด นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม Macbook Air 2019 ถึงถูกกว่ารุ่น 2018 ได้ถึง 7000 บาท เพราะแทบไม่ได้ปรับอะไรเลยนี่เอง

ดีไซน์

โดย MacBook Air 2019 ก็ยังเป็นดีไซน์เดียวกับ Macbook Air 2018 ครับ ไม่เปลี่ยนหน้าตาแม้แต่นิดเดียว ส่วนถ้าเทียบกับ Macbook Air 13 นิ้ว รุ่นก่อนหน้านั้นไปอีก เครื่องรุ่นใหม่จะเบากว่าประมาณ 1 ขีด คือหนักแค่ 1.25 กก. และขนาดเครื่องเล็กลงในทุกด้าน แม้จะมีหน้าจอ 13.3 นิ้วเท่ากัน เพราะมีขอบหน้าจอที่บางลง และจอละเอียดขึ้นกว่ารุ่นเดิมมากด้วย
ซึ่งหน้าจอของ Macbook Air 2019 นั้นจัดว่าเป็นจอ Retina มีความละเอียด 2560 x 1600 pixel สัดส่วน 16:10 นะครับ ซึ่งก็แสดงภาพให้สีสันได้ดีมาก แต่ไม่ใช่จอสัมผัสนะ เพราะแอปเปิ้ลไม่มีโน้ตบุ๊กรุ่นไหนที่เป็นจอสัมผัสเลย

ส่วนด้านบนนี้ก็เป็นกล้อง Facetime HD ความละเอียด 720p เอาไว้คุย Video Call พร้อมไมค์ 3 ตัวเพื่อรับเสียงให้คมชัด โดยตัวคีย์บอร์ดด้านล่างนี้แป้นใหญ่ ปุ่มกดตื้นตามสไตล์คีย์บอร์ดแบบ Butterfly คือถ้าไม่ชอบก็เกลียดเลย มันเป็นคีย์บอร์ดที่ให้สัมผัสเฉพาะซึ่งจะหาได้บน Macbook เท่านั้น ถ้าไม่นับว่าที่ผ่านมามีกรณีคีย์บอร์ดเสียเยอะ จนแอปเปิ้ลต้องทำโครงการเปลี่ยนคีย์บอร์ดให้ฟรี ก็เป็นคีย์บอร์ดที่พิมพ์แล้วสนุกมือใช้ได้

ด้านบนตรงมุมนี้เป็น Touch ID ใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่อง หรือปลดล็อกแอปต่างๆ อย่างแอป Password ได้รวดเร็ว แต่ยังไม่มี Face ID นะ

ข้างคีย์บอร์ดก็เป็นลำโพงสเตอริโอครับ ซึ่งให้เสียงได้ดังและคุณภาพดีด้วย

ด้านล่างนี้เป็น Trackpad ที่ใหญ่มาก ทำให้ควบคุมได้ง่าย และ Trackpad ตัวนี้เป็นแบบ Force Touch คือไม่ได้กดลงไปได้จริงๆ แต่ใช้การสั่นเลียนแบบว่ากดลงไป ซึ่งถ้าปิดเครื่องจะไม่มีสัมผัสว่ากดลึกลงไปเหมือนตอนเปิดเครื่องแล้วนั่นเอง

ส่วนพอร์ตข้างเครื่องก็มีน้อยตามสไตล์ Macbook ด้านซ้ายจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 3 ที่ส่งข้อมูลได้สูงสุด 5 GB/s และยังทำหน้าที่เป็นพอร์ต USB-C 3.1 Gen 2 ที่ส่งข้อมูลได้สูงสุด 1.2 GB/s ด้วย โดย 2 พอร์ตนี้เป็นพอร์ตสารพัดประโยชน์ ชาร์จไฟได้ ต่อหูฟังได้ ส่วนถ้าจะต่ออุปกรณ์ USB อื่นๆ หรือต่อออกจอในรูปแบบ HDMI ก็ต้องใช้ฮับแปลงออกมาครับ ก็เป็นของคนที่ผู้ใช้ MacBook Air ต้องมีเลยนะ USB Hub เนี่ย ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm ไม่ได้ตัดออกไปไหน

ประสิทธิภาพเครื่อง

MacBook Air 2019 นั้นใช้ซีพียูเป็น Intel core i5-8210Y ซึ่งก็เป็นตัวเดียวกับรุ่นปี 2018 แถมอัปเกรดเปลี่ยนตัวอื่นไม่ได้ด้วยนะ รุ่นเริ่มต้นให้แรมมา 8 GB มี SSD ความจุ 128 GB ซึ่ง 2 อย่างนี้ต้องอัปเกรดตั้งแต่ซื้อเครื่องนะครับ ไปเพิ่มแรมหรือความจุเครื่องทีหลังไม่ได้

เราวัดประสิทธิภาพของ CPU ด้วย Geekbench 4.0 ได้คะแนนแบบ Multicore ออกมา 7865 คะแนน ซึ่งก็พอๆ กับ MacBook 12 นิ้วปี 2017 ที่ใช้ Core m ตัวท็อป และกับ MacBook Pro 13 นิ้ว ปี 2016 ที่ใช้ Core i5

ส่วนความเร็วของ SSD เราใช้โปรแกรม Disk Speed Test ของ Black magic design วัดความเร็วการอ่านได้ประมาณ 1.3 GB/s ในจุดนี้ถือว่าน่าผิดหวัง เพราะ Apple ลดความเร็วลงเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2018 ที่วัดได้ถึง 2 GB/s แถมในปัจจุบัน SSD ราคาถูกลงมามาก ซึ่งตอนนี้เราสามารถหาการ์ด SSD ความจุ 256 GB (มากกว่าของ MacBook เท่าตัว) ที่ความเร็วประมาณนี้ ในราคาประมาณแค่ 1,500 บาทเท่านั้น (ปล. ถ้าอัปเกรดจากหน้าเว็บแอปเปิ้ลจะต้องเพิ่มเงิน 7000 บาทสำหรับความจุเท่านี้)

ส่วนการใช้งานจริงก็ต้องบอกว่าลื่นไหลตามสไตล์แมคอยู่ดี พิมพ์งาน ท่องเว็บลื่นหมด แต่ถ้าเปิดหน้าเว็บเยอะ ๆ แบบ 20 หน้าขึ้นไปก็อาจจะมีปัญหาต้องโหลดหน้าเว็บใหม่บ้างเพราะแรม 8 GB ไม่พอครับ

แล้วงานยากๆ อย่างการตัดวิดีโอ 4K ล่ะ MacBook Air ร่นถูกที่สุดนี้ล่ะ ทำไหวไหม ลองเปิดโปรเจก 4K บน Final Cut Pro X กด play ดูก็ลื่นดี เหมาะสำหรับไทม์ไลน์การตัดต่อที่ไม่ซับซ้อน ถ้าวิดีโอซ้อนกันหลาย ๆ ชั้นก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน แล้วก็จะใช้เวลา Render นานหน่อยเท่านั้นเอง

สำหรับการเล่นเกม ก็พอเล่นได้ระดับหนึ่งครับ แต่ก็ไม่แนะนำสำหรับคอเกมนะ

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่แอปเปิ้ลเคลมว่าใช้ท่องเว็บได้ 12 ชั่วโมง ซึ่งเราใช้จริงก็ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งก็นานพอสำหรับการใช้งานทั้งวันโดยไม่ต้องพกหัวชาร์จไปครับ แต่หัวชาร์จมันก็ไม่หนักนะ และพกไปแค่ตัวเดียวก็ชาร์จได้ทุกอย่างที่เป็น USB-C เลย

ราคา

สรุปครับสรุป Macbook Air 2019 คุ้มไหมกับราคา 35,900 บาท ที่เป็นราคาที่ถูกที่สุดที่คุณจะซื้อโน้ตบุ๊กจากแอปเปิ้ลได้ตอนนี้นะ ส่วนถ้าซื้อราคานักศึกษาจะถูกลงไปอีกเหลือแค่ 31,900 บาทเท่านั้น

คือแบบนี้ครับ ถ้าคุณเอาสเปก MacBook Air ไปเทียบกับ Notebook ทั่วไป มันก็ถือว่าแพงครับ CPU ก็เป็นแค่ Dual-core ความเร็ว 1.6 GB หน่วยความจำก็น้อย แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าที่เราซื้อแมคก็เพื่อใช้ macOS ที่เชื่อใจได้ว่าจะทำงานได้เสถียร และรวดเร็ว ซึ่ง MacBook Air ก็ตอบโจทย์เรื่องการทำงานได้เป็นอย่างดี แถมมีจอที่สวยงามกว่าโน้ตบุ๊กทำงานทั่วไปด้วย

แต่ถ้าคุณจะหาคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกม คอมพิวเตอร์ Workstation สำหรับงานโปรดักชั่น Macbook Air ก็ตอบสนองได้ระดับหนึ่งครับ แต่คงสู้ Windows ในเรื่องเกมไม่ได้ สุดท้ายแล้วผมว่าคุ้มถ้าคุณซื้อมาทำงาน พรีเซนต์ หรือทำธุรกิจ แต่ไม่คุ้มถ้าคุณซื้อมาเล่นเกมหรือทำงานครีเอทีฟโหด ๆ ครับ