27 กันยายน 2562 ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของวงการบล็อกเชนไทย กระทรวงการคลังนำทีม 5 กรม 4 สำนัก 1 ธนาคารภายใต้กำกับ เข้าร่วมโครงการ MOF Digital Platform is Now เพื่อนำร่อง ‘บล็อกเชน’

เทคโนโลยีบล็อกเชน เป็นหนึ่งในสิ่งที่เรามั่นใจได้ว่ามันจะถูกต้อง ชัดเจน โปร่งใส และที่สำคัญคือโกงไม่ได้ อะไรก็ตามที่เป็นข้อมูลวิ่งผ่านบล็อกเชน ระบบคอมพิวเตอร์ที่ไร้ศูนย์กลาง จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบือนข้อมูลได้เลย

สำหรับโครงการบล็อกเชนที่ทางภาครัฐเริ่มดำเนินการได้แก่

  • การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

  • การออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล

  • การคืนภาษีของนักท่องเที่ยว

  • การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร

  • โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

  • สิทธิการรักษาพยาบาลของราชการ

  • ระบบราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์

ว้าว! สมกับเป็น Thailand 4.0 จริง ๆ

ตัวอย่างการนำบล็อกเชนมาใช้ ถ้าอธิบายง่าย ๆ ก็คือ การจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งถึงซัพพลายเออร์ และผู้รับบริการ จะไม่มีใครสามารถบิดเบือนข้อมูลบนบล็อกเชนได้เลย เพราะดูจากความน่าเชื่อถือ (Credit Score) หรือ ถ้ามีการแบนหรือแบล็กลิสต์ใครไว้ บางครั้งข้อมูลผ่านกระดาษไม่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทันที แต่บล็อกเชนเห็นนะ!

นอกจากนั้นบล็อกเชนยังรวมไปถึงด้านระบบการเงินของชาติไม่ว่าจะเป็น

  • การออมผ่านพันธบัตรรัฐบาลด้วยอิเล็กทรอนิกส์หรือ Scripless Bond ที่นำบล็อกเชนมาช่วยในลดต้นทุนการเดินทางของประชาชน เพื่อเดินทางมายังสาขา ลดระยะเวลาในการออกใบพันธบัตรจากเดิม 4 วัน เหลือเพียงไม่ถึงวัน
  • ระบบ (First Come First Serve) ในการจัดจำหน่าย ซึ่งจะเป็นการสร้างรากฐานของ Digital Thai Baht ในอนาคต
  • การคืนภาษีของนักท่องเที่ยวหรือ VAT Refund ที่นำบล็อกเชนมาใช้ต้องเรียกว่า ปฏิวัติการระบบการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวไปเลย ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงทั้งกับระบบ Payment ของต่างประเทศ ทั้ง AliPay, WeChat, Visa, Master Card และ UnionPay และรอรับเงินภาษีคืนภายใน 3 วันทำการ ซึ่งจากเดิมใช้ 34 วันทำการ

และสุดท้ายสิ่งที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมของเราโดยตรง คือ บล็อกเชนช่วยลดการใช้กระดาษได้สูงสุด 10 ล้านใบต่อปี #beartai ขอคารวะ!