สหัฐอเมริกาถูกกล่าวหาว่าไปเปลี่ยน จุดหมายปลายทางของสินค้าที่จำเป็นที่สุดในเวลานี้ นั่นคือหน้ากากอนามัยที่ประเทศเยอรมนีสั่งซื้อ แต่ให้ไปส่งที่สหรัฐอเมริกาแทน เกิดอะไรขึ้นสหรัฐอเมริกาทำจริงหรือเปล่า กวางจะมาเล่นให้ฟังในแบไต๋วีคลีค่ะ

โดยจุดเริ่มต้นของข่าวนี้มาจาก BBC สำนักข่าวของอังกฤษ ถึงขั้นใช้คำว่าโจรสลัดยุคใหม่หรือ Modern Piracy ในก่อนนห้านี้มีกระแสตื่นตัวมากในหลายประเทศทั่วโลก เรื่องของการสั่งซื้อหน้ากากอนามัยเข้ามา แต่ปรากฏว่าถูกขโมยหายไปในระหว่างทางถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ ทั่วโลกเรามีข้าศึกคนเดียวกัน การที่ต้องออกไปสู้รบกับ COVID-19 ยุทโธปกรณ์ที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้เลยคือหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประเทศไหนมีเพียงพอก็จะอุ่นใจปลอดภัย และมั่นคงมากกว่า

ทาง BBC รายงานว่ากระทรวงมหาดไทยของเยอรมนี ได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัย N95 เข้ามาสองแสนชิ้น หน้ากากอนามัยชนิด N95 ผลิตโดย 3M ที่เป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกา มีฐานผลิตในประเทศจีนปรากฏว่าหน้ากากล็อตนี้ถูกยึดเอาไว้ที่กรุงเทพฯ ระหว่างการนำส่งไปที่ประเทศเยอรมนี ทางเยอรมนีก็เลยตั้งข้อสงสัยว่าหน้ากากล็อตนี้ถูกย้ายจุดหมายปลายทางในการส่งไปยังสหรัฐอเมริกาแทนหรือไม่

ซึ่งเหตุผลที่เยอรมนีเขาตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้มาจากนโยบายอมริกาเฟิสต์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ไปหยิบ พ.ร.บ. ควบคุมการผลิตนำกลับมาใช้อีกรอบหนึ่งครั้งล่าสุดที่ใช้ พ.ร.บ. ฉบับนี้คือช่วงสงครามเกาหลี ค.ศ.1950 ซึ่งความพิเศษของ พ.ร.บ. ฉบับนี้คือการให้อำนาจประธานาธิบดีในการควบคุมการผลิตหรือส่งสินค้าจำเป็นของภาคเอกชนเอาไว้ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของประเทศ โดยจะอ้างผลเสียหายต่อธุรกิจเป็นข้ออ้างไม่ได้เลย ย้ำนะคะว่านี่เป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยของเยอรมนีเท่านั้น แต่เดี๋ยวกวางจะให้ข้อมูลของแต่ละประเทศประกอบกันค่ะ

ไปดูข้อมูลจากฝั่งสหรัฐอมริกาบ้าง เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข นายอเล็กซ์ อาซาร์ ออกมาให้ข้อมูลเรื่องหน้ากากอนามัยเอาไว้เหมือนกัน สหรัฐอเมริกาได้ระบุเอาไว้ว่า สถานการณ์การรับมือ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา มีคลังของหน้ากากอนามัยอยู่เพียง 30 ล้านชิ้นแต่ความต้องการมีมากถึง 300 ล้านชิ้น ดังนั้นนอกจากจะเร่งการผลิตของบริษัทผลิตหน้ากากอนามัยยักษ์ใหญืสัญชาติอเมริกา ทั้ง 3M และ ฮันนีเวลล์ แล้วเขายังต้องรวบรวมการผลิตที่เกิดขึ้นจากสัญญาก่อนหน้านี้ทั้งหมด เอาไว้กับตัวด้วยเพื่อเพียงพอต่อการรับมือการระบาดในประเทศ

นอกจาก BBC แล้วหนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษก็ได้ออกมาพูดถึงสงครามการแย่งชิงหน้ากากอนามัยในระดับนานาชาติเอาไว้เหมือนกันโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้บริหารท้องถื่นของฝรั่งเศสได้ระบุว่ามีขบวนการซื้อหน้ากากอนามัยตัดหน้าในสนามบินขณะกำลังส่งสินค้าจากจีนมายังฝรั่งเศส โดยให้ราคาสูงกว่าถึง 3 เท่าแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าใครทำ แต่ผู้บริหารท้องถิ่นของฝรั่งเศสเขาปักใจเชื่อไปแล้วว่าหน้ากากล็อตนี้ถูกฉกไปจากพ่อค้าและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายประเทศทั่วโลกกังวลกับปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกระทบต่อกันไปหมด อย่างประเทศแคนาดาโดยนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลและออกมากำชับเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้ติดตามหน้ากากอนามัยที่เป็นของแคนาดาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้บราซิลยังได้อ้างถึงรายงานที่สหรัฐอเมริกาส่งเครื่องบิน 23 ลำไปขนหน้ากากอนามัย 1.2 ล้านชิ้นจากจีนโดยตรงนี่อาจจะส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อของบราซิลที่ต้องล่าช้าออกไปอีก

จนบราซิลเองต้องหันมารณรงค์ให้ประชาชนทำหน้ากากผ้าใช้ทดแทนไปก่อน จากรายงานของหนังสือพิมพ์เบลเยียมและอิตาลีก็ระบุว่าหน้ากากอนามัยที่สั่งผลิตจากตุรกีถูกระงับการส่งแล้วและเป็นไปได้สูงว่าคำสั่งซื้อแม้จะจ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว จะถูกปฏิเสธการส่งสินค้าด้วย รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ในตุรกีเองก็รายงานข่าวว่า กระทรวงมหาดไทยของตุรกีเองได้ออกมาตรการเข้มข้น ในการคุมโรงงาน ผลิตหน้ากากอนามัย ถ้าเอกชนรายไหนไม่ให้ความร่วมมือจะถูกทหารเข้าไปยึดโรงงานเลย

และอิตาลียังได้รับผลกระทบเพิ่ม เมื่อหน้ากากอนามัยที่จีนส่งมาช่วยมีข่าวว่าถูกยึดเอาไว้ระหว่างการจัดส่งผ่านทางสาธารณรัฐเช็ก ถึงแม้ว่าต่อมารัฐบาลเช็กออกมาปฏิเสธแล้วก็ตาม แต่ทั้งหมดทั้งปวงแสดงให้เห็นความหวาดระแวงในการกักตุนหน้ากากอนามัยของแต่ละประเทศตอนนี้กลายเป็นปัญหาอันดับ 1 จนถึงวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคนเข้าไปแล้วซึ่งกวางว่าโลกของเรา หลังวิกฤต COVID-19 จะเปลี่ยนแปลงไปในหลายมิติเลย

สุดท้ายแล้วการดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง รักษาความสะอาดเว้นระยะห่างนอกบ้านและในบ้านด้วยแล้วก็ปฏิบัติตามคำสั่งของภาครัฐอย่างเคร่งคัด เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะคะ สู้ ๆ ค่ะ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส