นี่คือ Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS ทีวีระดับ 8K รุ่นล่าสุดของซัมซุง ที่มาปีนี้ 8K เริ่มจับต้องได้ง่ายขึ้นแล้ว! ซึ่งจอนี้แสดงภาพได้ 8K หรือแสดง 33 ล้านพิกเซลบนจอนี้ด้วยความละเอียด 7,680 x 4,320 pixel ซึ่งมีจำนวนพิกเซลมากกว่าจอระดับ 4K เดิมที่แสดงภาพ 8.3 ล้านพิกเซล ถึง 4 เท่า

ความหนาแน่นของ 33 ล้านพิกเซล กับ 8.3 ล้านพิกเซลแตกต่างกันยังไง ผมถ่ายภาพด้วยเลนส์มาโครที่ระยะเท่ากันมาเปิดให้ดูครับ จะเห็นว่าฝั่งของจอ 8K นั้นมีพิกเซลที่ละเอียดกว่ามาก จำนวนพิกเซลที่มากขนาดนี้ก็ทำให้ภาพที่แสดงบนจอ Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS คมชัดเหมือนภาพจริงๆ ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าครับ ถ้าต้นฉบับภาพเป็น 8K แท้ๆ จะเห็นว่ารายละเอียดภาพนั้นแสดงได้เยอะมาก ภาพคมกริบจริงๆ ขอบจอแบบ Infinity Q Screen ก็บาง ทำให้เหมือนภาพหลุดออกมาตรงหน้าเลย

จากชื่อรุ่นเราก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าจอนี้เป็นแบบ QLED ซึ่ง Q ก็มาจาก Quantum dot อนุภาคขนาดเล็กที่อยู่ในแผงหน้าจอ ซึ่งสามารถรับแสงจากหลอด LED ด้านหลังมาเปล่งแสงได้สว่างสดใสกว่าจอ LED ตามปกติ ทำให้จอแบบ QLED นั้นเป็นจอที่ให้สีได้สดใสที่สุดในปัจจุบัน หรือที่ซัมซุงเรียกว่า 100% Color Volume สีจากวิดีโอต้นฉบับจัดมาเท่าไหร่ จอ QLED จัดสีสันให้เต็มๆ ส่วนเรื่องมุมมองของภาพ ซัมซุงก็มีการใส่ฟิลเตอร์พิเศษเข้าไปที่หน้าจอ ทำให้แสดงภาพได้กว้างขึ้น มองมุมไหนภาพก็ยังสวยสดใสอยู่ดี

อย่างจอ Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS นี้สามารถเร่งความสว่างสูงสุดได้ถึง 2750 nit ซึ่งเรื่องนี้จะเห็นผลกับเนื้อหาแบบ HDR ครับที่ต้องการความสว่าง มาระเบิดรายละเอียดของภาพในส่วนมืดกับส่วนสว่างให้ชัดเจน ซึ่งจอรุ่นนี้ก็รองรับมาตรฐาน HDR10+ ครับ ซัมซุงพัฒนาเทคโนโลยี Full Array Local Dimming ในรุ่น Q950TS ที่แบ่งพื้นที่ในจอละเอียดถึง 480 โซนเพื่อควบคุมความสว่างของแสงไฟ Backlit ในจุดต่างๆ อย่างอิสระ โซนไหนภาพมืด ก็จะหรี่หรือปิดหลอดด้านหลังไปเลย ก็ทำให้ภาพจากจอ 8K รุ่นนี้มี Contrast สูง แถมยังไม่มีปัญหาจอเบิร์นด้วยนะ

ส่วนการนำเนื้อหาความละเอียด Full HD หรือ 4K มาเล่นบนจอ 8K นี้ ก็มีความสามารถ 8K AI Upscaling ที่ใช้ AI มาวิเคราะห์ภาพและเพิ่มรายละเอียดในแต่ละจุดอย่างเหมาะสม ทำให้แม้ต้นฉบับเป็น Full HD หรือ 4K ก็จะถูกแปลงเป็นภาพ 8K ที่แสดงผลได้คมชัด จึงใช้จอ 8K นี้ได้เต็มประสิทธิภาพครับ แต่ความสามารถนี้ไม่รองรับใน Game Mode ที่ต้องการภาพแลคน้อยที่สุดนะครับ และไม่รองรับกับการต่อ PC ด้วย แต่การต่อกับ PC ก็มีข้อดีตรงรองรับเทคโนโลยี Freesync 120 Hz ด้วย ทำให้สามารถปรับ Refresh Rate ตามแหล่งที่มาได้ ลดปัญหาภาพฉีกได้

แน่นอนว่าเป็นทีวีจากซัมซุง ก็ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen อันเป็นเอกลักษณ์ของค่าย ซึ่งความลื่นไหล ความเร็วในการตอบสนองก็ทำได้ดีเลย แล้วใน Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS ก็จัดฟีเจอร์มาเต็มครับ ทั้งแอป Youtube ที่สามารถเล่นคลิปแบบ 8K ได้เลย หาเนื้อหาแบบ 8K มาเล่นได้ง่ายขึ้น

ส่วนแอปความบันเทิงต่างๆ ก็มีให้ครบอย่าง Netflix, Viu, HBO Go, Amazon Prime ที่สำคัญคือรองรับ Apple AirPlay ในตัว สามารถยิงภาพจาก iPhone มาขึ้นบนทีวีได้ เปิดหนังจาก iTunes Store หรือ Apple TV+ ก็ได้ หรือฟังเพลงจาก Apple Music ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อกล่อง Apple TV เพิ่มอีก

แล้วสมาร์ตโฟนในฝั่ง Android ก็สามารถยิงภาพไร้สายไปขึ้นที่ทีวีได้เช่นกัน แถมแสดงผลได้แบบ Multi-view คือชมเนื้อหาไปพร้อมเนื้อหาจากมือถือบนจอทีวีเดียวกัน

AIS Play ก็มาอยู่ในทีวีซัมซุงเรียบร้อย ทำให้คุณสามารถดูช่องทีวีปกติของไทยได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เสาอากาศ แถมยังดูเนื้อหาอื่นๆ ที่ AIS คัดมาได้ด้วย ทั้งหนังดี ละครดี คอนเสิร์ตเด่น การ์ตูนสนุก ซึ่งลูกค้า AIS สามารถรับชมเนื้อหาได้ฟรีส่วนหนึ่งเลย

และทีวีเครื่องนี้ยังเป็นศูนย์กลางของระบบ IoT ในบ้านได้ด้วยระบบ SmartThings ของซัมซุง ที่สามารถสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่รองรับ SmartThings

ดีไซน์

จบเรื่อง 8K มาดูที่การออกแบบทีวี Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS กันบ้างครับ เราเห็นขอบ Infinity Q Screen สุดบางแค่ 2 mm ของเครื่องกันไปแล้วว่าทำให้ได้ภาพที่น่าตื่นตาได้แค่ไหน งานดีไซน์โดยรวมของทีวียังสวยงามมากครับ ตัวจอทีวีนั้นจะเงยนิดๆ ให้ได้องศาที่สวยงาม แต่มุมก้มเงยจุดนี้ไม่สามารถปรับได้นะครับ

ขาตั้งของ Q950TS นั้นก็ถือว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดจอ ทำให้สามารถจัดวางบนโต๊ะได้ไม่ยากเย็น และด้วยความที่ทีวียกสูงขึ้นจากโต๊ะก็ทำให้สามารถวาง Sound Bar เสริมได้โดยไม่ไปบังจอทีวีครับ แต่ถ้าเลือกที่จะติดตั้งทีวีโดยแขวนกับผนังก็สามารถติดตั้งได้แบบ No Gap Wall-Mount หรือตัวทีวีเข้าไปชิดกับผนังเลย ก็ยิ่งให้ความรู้สึกว่าเป็นหน้าต่างสวยๆ ในห้องเข้าไปใหญ่

ดีไซน์เด่นของซัมซุงที่มีอยู่ใน Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS ด้วยคือ One Invisible Connection สายที่ต่อกับกล่องเชื่อมต่อตัวนี้ครับ ทำให้ตัวทีวีไม่ต้องมีพอร์ตเชื่อมต่ออะไรเลย เพราะย้ายพอร์ตทั้งหมดมาอยู่ที่กล่องนี้แทน แค่เชื่อมสายเส้นเล็ก ๆ นี้กับทีวีโดยไม่ต้องมีสายไฟแยกด้วย ก็ใช้ได้แล้วซึ่งอันนี้ดีงามมากโดยเฉพาะกับคนติดทีวีแบบแขวนผนัง ที่เก็บสายรกรุงรังที่จะต่อกับจอทิ้งไป มารกที่ตัวกล่องนี้ที่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้ครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อ

แล้วที่กล่องมีพอร์ตอะไรบ้าง บอกเลยว่าครบครับ มี HDMI 4 ช่อง ซึ่งเป็น HDMI 2.1 ช่องหนึ่ง เพื่อรองรับสัญญาณภาพระดับ 8K ได้ พร้อมช่อง HDMI ที่รองรับ eARC สำหรับต่อกับซาวน์บาร์ นอกจากนี้ก็มีพอร์ต LAN, Optical มีช่อง USB อีก 3 ช่อง แล้วก็ช่องเสาอากาศครับ

Remote

ตัวรีโมทแบบ One Remote Control ก็ออกแบบได้สวย และเป็นรีโมทสมัยใหม่ที่ปุ่มน้อย ใช้ง่ายๆ เลยครับ
แล้วรอบกรอบทีวีด้านซ้าย-ขวา-บน นี้คือลำโพงรอบตัว ซึ่งซัมซุงบอกว่าเป็นระบบเสียงแบบ 4.2.2 คือลำโพงเสียงกลาง 2 ตัวยิงจากด้านบน, ข้างซ้าย-ขวามีลำโพงเสียงแหลมอีกคู่ แล้วก็มีลำโพงเสียงกลางกับเสียงต่ำที่ให้เสียงออกด้านล่างอีก ทำให้ได้ระบบเสียงแบบ Object Tracking Sound+ หรือ OTS+ ที่เสียงจะเคลื่อนที่ตามวัตถุ สร้างเสียงที่ทำให้คุณเหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ซึ่งเราทดลองฟังแล้วก็เสียงดีใช้ได้เลยแหละครับ เพียงแต่ว่าเบสอาจจะไม่ลึกเท่าไหร่เพราะทีวีมีพื้นที่ติดตั้งลำโพงน้อย

ลำโพง

ส่วนใครที่คิดว่าลำโพงจากทีวียังกระหึ่มไม่พอ เบสไม่แน่น ไม่ได้เสียงรอบทิศทางอย่างที่ตั้งใจไว้ ก็สามารถซื้อ Sound Bar มาเสริมได้ โดยเฉพาะซาวน์บาร์ของซัมซุงในกลุ่ม Q Series ปี 2020 อันนี้ผมแนะนำเป็นพิเศษ เพราะจะใช้ความสามารถ Q-Symphony ที่เอาลำโพงของทีวีมามัดกับลำโพงจากซาวน์บาร์ ให้เสียงออกพร้อมๆ กันทั้งที่ทีวีและซาวน์บาร์ ได้มิติ ความหนักแน่น และความกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม แถมซาวน์บาร์บางรุ่นก็รองรับ Dolby Atmos ด้วย

แล้วทีวี Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS นั้นเหมาะกับใคร ก็เหมาะสำหรับคนที่จริงจังกับคุณภาพภาพมากๆ สนใจเทคโนโลยี 8K และมีแหล่งเนื้อหา 8K แล้วจึงอยากได้จอที่รองรับคุณภาพสูงสุดมาเปิดชม ส่วนคนทั่วไป ก็ถ้างบประมาณถึง ก็สามารถซื้อจอ 8K ของซัมซุงแล้วอาศัยเทคโนโลยี 8K AI upscaling เพื่อปรับปรุงเนื้อหาเดิมให้คมชัดขึ้นสำหรับจอ 8K ก็ได้ครับ

ราคา

รีวิวที่ดีต้องมีราคา Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS นั้นมี 3 ขนาด 3 ราคาเปิดตัวคือ
65 นิ้ว – 159,990 บาท
75 นิ้ว – 249,990 บาท
85 นิ้ว – 359.990 บาท

ซึ่งก็ลองถามราคาจากหน้าร้านอีกทีนะครับ ราคาทีวีเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ขายจริงจะถูกกว่าราคาเปิดตัวพอสมควรเลย