นี่คือ Mi 10T Pro สมาร์ตโฟนที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 13,990 บาท แต่ใช้ชิปรุ่นท็อปอย่าง Snapdragon 865 พร้อมจอ 144 Hz และกล้อง 108 ล้านพิกเซล หลังเราใช้งานจริงมานานนับสัปดาห์ เราสรุปให้ฟังว่ามือถือรุ่นนี้เจ๋งยังไงบ้าง

ดีไซน์

สัมผัสแรกของ Mi 10T Pro คือเป็นมือถือที่ให้สัมผัสพรีเมี่ยมเกินราคาเลย ด้วยการใช้กระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งด้านหลังนี้เป็นกระจกโค้งรับฝ่ามือด้วย ส่วนชุดกล้องหลัง 3 ตัวจะอยู่มุมบนซ้ายตรงนี้ ซึ่งชุดกล้องนี้จะหนาขึ้นมาจากฝาหลังเครื่องพอสมควรครับ ทำให้เวลาวางเครื่องบนโต๊ะอาจจะมีกระดก ๆ บ้าง แต่ก็สามารถใส่เคสที่แถมมาในกล่องเพื่อลดความนูนของกล้องได้ครับ ซึ่งเคสที่แถมมาตัวนี้ดีไซน์พิเศษ ลดแบคทีเรียที่เกาะกับเคสได้ด้วยนะ

ความพรีเมียมอีกอย่างของ Mi 10T Pro นั้นอยู่ที่มอเตอร์สั่นแบบ Linear ซึ่งให้การสั่นแบบผู้ดี สั่น-หยุดได้กระชับกว่ามือถือราคาประหยัดที่มักใส่มอเตอร์สั่นแบบย้วยๆ มา เวลาใช้งานจะรู้สึกเรื่องนี้ได้ดีครับ เวลากดคีย์บอร์ดแล้วเครื่องสั่นได้สั้น ๆ นี่ให้ความรู้สึกดีมาก

ซึ่ง Mi 10T Pro นั้นมีให้เลือก 3 สีคือ Cosmic Black ที่เรารีวิวนี้ แล้วก็สี Lunar Silver และ Aurora Blue ให้เลือกตามสไตล์ที่ต้องการเลยครับ

รอบ ๆ เครื่อง Mi 10T Pro นั้นน่าสนใจครับ จุดที่แตกต่างจากสมาร์ตโฟนทั่วไปคือเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือมาอยู่ที่ปุ่มเปิดปิดเครื่องตรงนี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สแกนนิ้วโป้งได้รวดเร็วมาก ใช้แล้วชอบเลย นอกจากนี้ด้านบนยังมีช่อง Infarred เพื่อส่งสัญญาณรีโมตควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้านจากมือถือเครื่องเดียวก็ได้ นอกจากนี้ยังมีไฟ LED แสดงสถานะอยู่ด้านบนเครื่องนี้ด้วย ซึ่งมือถือยุคปัจจุบันจะไม่ค่อยมีไฟนี้แล้ว

ส่วนเรื่องเสียง มือถือเครื่องนี้ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm แล้วนะครับ ใช้ช่อง USB-C เพื่อเสียบเอาเสียงออกได้ ใครอยากใช้หูฟัง 3.5 mm ก็มีหัวแปลงมาให้ในกล่องครับ พร้อมรองรับเสียงระดับ Hi-Res ด้วย

และลำโพงของเครื่อง ยังเป็นลำโพงคู่ให้เสียงออกทั้งด้านบนและด้านล่างแบบสเตอริโอ ซึ่งก็ให้เสียงดังชัดเจน มีเบสให้แน่นพอสมควรด้วย

หน้าจอ

หน้าจอของ Mi 10T Pro นั้นมีขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อม Refresh Rate ระดับ 144 Hz ที่เรียกว่า 144Hz AdaptiveSync Display ใช้จริงก็ลื่นตามสเปกครับ เคลื่อนไหวได้นุ่มแบบไม่เกรงใจราคาเลย แถมผู้ใช้สามารถเลือกความนุ่มของจอได้ 3 ระดับคือ 60 Hz เท่ากับมือถือทั่วไป แต่ประหยัดแบตที่สุด 90 Hz ที่ให้ภาพนุ่มแบบรู้สึกได้ แต่ไม่กินแบตมาก และ 144 Hz เพื่อให้ความลื่นไหลของภาพสูงสุดครับ ซึ่งแม้เราจะปรับ Refresh Rate เป็นระดับสูงสุด แต่จอก็สามารถปรับ Refresh Rate ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้เองเพื่อประหยัดแบตเตอรี่

ถึงจอนี้จะไม่ใช่จอ OLED แต่ก็ให้คุณภาพภาพและสีสันได้ดีเยี่ยมครับ การันตีด้วยค่า ∆E ≈ 0.63 และ JNCD ≈ 0.39 ที่ตีความหมายคือสีในจอเพี้ยนจากความเป็นจริงน้อยมาก ระดับคนทั่วไปมองไม่ออก ผลคือเราได้จอที่แสดงภาพได้คมชัด สีสันสดใสตามความเป็นจริง

ซึ่งจอนี้แสดงวิดีโอระดับ HDR บน Youtube ได้ชัดเจนสวยงาม พร้อมรองรับมาตรฐาน Widevine ระดับ L1 ครับ

อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจของจอนี้คือ Reading Mode โหมดสบายตาทำให้ใช้จอในที่แสงน้อยได้เป็นมิตรกับดวงตามากขึ้น แถมยังมีโหมด Paper เพื่อใส่ Texture กระดาษลงในจอ ให้เหมือนเราอ่านหนังสืออยู่ เก๋จริง ๆ

กล้องหลัง

กล้องหลัง 3 ตัวของ Mi 10T Pro นั้นน่าสนใจตรงกล้องหลัก เลนส์ใหญ่ที่สุดตัวนี้ครับ ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.69 พร้อมเซนเซอร์ขนาด 1/1.33” ที่ดูหน้าตาเลนส์ก็น่าเกรงขามแล้ว ส่วนเลนส์ตัวถัดมานี้คือเลนส์มุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล f/2.4 และเลนส์มาโคร 5 ล้านพิกเซล f/2.4

คุณภาพภาพถ่ายจาก Mi 10T Pro ถือว่าทำได้ดีเกินราคาไปเยอะมากครับ ด้วยเลนส์หลัก 108 ล้านพิกเซลที่ถ่ายจริงจะรวบ 4 พิกเซลเป็น 1 ได้ภาพ 25 ล้านพิกเซล ซึ่งถ่ายได้ดีในทุกสภาพแสง ระบบ HDR อัตโนมัติก็ทำงานได้ดี ชดเชยส่วนมืดส่วนสว่างจนได้ภาพที่เหมือนตาเห็น นอกจากนี้ยังมี AI ในการปรับการตกแต่งภาพตามซีนต่าง ๆ แค่แชะภาพก็ได้ภาพที่สวยเลย

การถ่าย Portrait ก็ให้ภาพออกมาได้สวยงาม การตัดฉากหลังทำได้ดูเนียนตาดี สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ มีเอฟเฟกจัดการแสงสำหรับการถ่ายภาพมากมาย แถมสามารถเลือกระดับการแต่งหน้าสวยได้ แต่เปลี่ยนรูปแบบ Bokeh ฉากหลังไม่ได้นะ

การซูมภาพ เนื่องจากว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ไม่มีเลนส์ซูมโดยเฉพาะ อาศัยเพียงเลนส์หลักมาประมวลผลเท่านั้น ทำให้การซูมภาพในระดับ 2 เท่านั้นยังให้ผลงานที่ดีอยู่ แต่การซูมระดับที่สูงกว่านี้จะเห็นภาพแตกแล้ว

กล้องหลักของมือถือรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้ดีเลยครับ เราสามารถเปิด Night Mode เพื่อให้ถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างขึ้นจนน่าพอใจ หรือถ่ายโหมดธรรมดาแล้วเปิด AI ให้ช่วยจัดการก็ได้ แต่สำหรับเลนส์มุมกว้าง อันนี้แพ้ทางกับที่แสงน้อยเลยครับ ไม่สามารถใช้ Night Mode มาช่วยถ่ายได้ด้วย

เนื่องจากเลนส์หลักของ Mi 10T Pro นั้นมีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ ทำให้มีปัญหาเวลาถ่ายภาพวัตถุใกล้ๆ เพราะมีระยะชัดตื้น ทำให้ภาพเกิดความฟุ้งได้ง่าย มือถือรุ่นนี้จึงมีเลนส์มาโครติดมาให้ถ่ายภาพในระยะ 2 ถึง 10 cm ซึ่งก็ให้คุณภาพภาพที่ดีเลย สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้ได้อย่างชัดเจน แต่เราว่าในโหมด AI กล้องควรจะสลับจากเลนส์หลักมาเป็นเลนส์มาโครให้อัตโนมัติเพื่อลดโอกาสถ่ายภาพเบลอนะครับ

การถ่ายวีดีโอ

การถ่ายวิดีโอก็เป็นอีกเรื่องที่ Mi 10T Pro ทำได้ดี โดยสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 8K แต่โหมดนี้ระบบกันสั่นจะทำงานน้อยกว่าโหมดอื่น ๆ เราจึงแนะนำให้ลดความละเอียดลงมาเหลือ 4K 60 fps ระบบกันสั่นจะทำงานมากขึ้น และถ้าเป็น 4K 30 fps ลงมาก็จะได้ภาพเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล ไม่สั่นไหวครับ นอกจากนี้ยังมีโหมด Steady Video ที่ใช้เลนส์ Ultra Wide มาถ่ายวิดีโอแทนด้วย ซึ่งสามารถลดการสั่นไหวได้มากที่สุด แต่คุณภาพวิดีโอก็จะสู้เลนส์หลักไม่ได้ และการถ่ายวิดีโอด้วย Mi 10T Pro จะไม่สามารถสลับระหว่างเลนส์มุมกว้างมาก กับเลนส์หลักระหว่างถ่ายวิดีโอได้นะครับ ต้องเลือกก่อนถ่ายเท่านั้น

ลูกเล่นที่น่าสนใจของกล้องจาก Mi 10T Pro คือ Clone ที่สามารถถ่ายคนเดียวกันได้สูงสุดถึง 4 ครั้ง มีคนเดียวอยู่ในรูปได้ถึง 4 คนในรูปเดียว ไม่ต้องเอามาตัดต่อเองภายหลัง แถมยังสามารถถ่ายแบบวิดีโอได้ 2 ครั้ง คือมีคนเดียวกันอยู่ในวิดีโอเดียวกันได้ 2 คน เทพไปเลย! นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ Vlog ที่เหมือนเป็นการถ่ายวิดีโอตาม Templete ที่เราเลือก ให้ได้วิดีโอที่เท่ แต่ทำง่าย ใครๆ ก็ทำได้ครับ นอกจากนี้ยังถ่ายวิดีโอแบบดูดสีฉากหลังได้ด้วยนะ

กล้องหน้า

ส่วนกล้องหน้าที่อยู่มุมบนซ้ายของจอนี้มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f/2.2 แต่ไม่มีระบบ Auto focus นะครับ

คุณภาพของกล้องหน้าตัวนี้จัดว่าดีเลย ถ่าย Selfie ได้สวยงาม ในโหมด Portrait ก็สามารถละลายฉากหลังได้เนียนตา เลือกระดับการแต่งหน้าสวยของใบหน้าตามที่ต้องการได้ ส่วนการถ่ายในช่วงกลางคืนก็ทำออกมาได้ดีครับ สามารถใช้จอหน้าเป็นแฟลชก็ช่วยให้ใบหน้าสว่างขึ้นแต่ก็ยังเก็บแสงเบื้องหลังได้อย่างชัดเจน

ส่วนการถ่ายวิดีโอจะได้สูงสุดที่ 1080p 30 fps ซึ่งให้ผลวิดีโอกล้องหน้าตามวิดีโอที่เราเปิดให้ดูนี้ ส่วนความสามารถยอดฮิตอย่างถ่ายกล้องหน้ากล้องหลังพร้อมกัน Mi 10T Pro ก็ทำได้ สามารถถ่ายใบหน้าเราไปพร้อมกับสิ่งที่อยากถ่ายได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเอามาตัดต่ออีก

การตกแต่งรูปภาพของ Mi 10T Pro มีเครื่องมือที่น่าสนใจคือ AI SkyScaping 3.0 ที่เราสามารถเปลี่ยนท้องฟ้าในภาพได้ง่ายๆ อยากได้ท้องฟ้าที่สดใส ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวยามค่ำคืน หรือท้องฟ้าที่เคลื่อนไหวได้ ก็ทำได้ทั้งนั้นครับ

ประสิทธิภาพ

อย่างที่เราเกริ่นไว้ว่า Mi 10T Pro นั้นมีประสิทธิภาพดีมากครับ รองรับ 5G ในไทยเรียบร้อย แถมใช้ชิปตระกูลท็อป Snapdragon 865 พร้อมแรม LPDDR5 อีก 8 GB ซึ่งมาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool ก็ทำให้เครื่องแรงได้ต่อเนื่องครับ

เริ่มต้นจากคะแนน Geekbench 5 ที่ทำคะแนน Multi-core ไปได้ 3273 คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนค่อนไปทางสูงของกลุ่มมือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 865 ส่วนการวัดประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3D Mark ชุด Sling-Shot Extreme ก็ได้คะแนนไป 6869 คะแนน และผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วยชุดทดสอบ Wild Life ใหม่ล่าสุดก็คว้าคะแนนไปได้ 3765 คะแนน ซึ่งก็เป็นคะแนนกลุ่มสูงสุดในโลก Android แล้ว

ส่วนการทดสอบ Wild Life Stress Test ที่ทดสอบประสิทธิภาพต่อเนื่อง 20 รอบ ก็พบว่าเครื่องเริ่มอุ่นขึ้นในช่วงประมาณรอบที่ 10 สุดท้ายเมื่อเทสต์จบ 20 รอบ ก็ได้ผลที่น่าพอใจครับ ประสิทธิภาพตกมาประมาณ 300 คะแนน ระหว่างรอบที่ 10 เมื่อระบบจัดการความร้อนเริ่มทำงาน แต่ก็ได้คะแนนประมาณ 3450 คะแนนเสถียรไปจนจบการทดสอบ

ส่วนการทดสอบกับเกม Genshin Impact ที่ตั้งคุณภาพภาพสูงสุด พร้อมตั้งเฟรมเรตที่ 60 fps ก็เล่นเกมได้ลื่นไหลดี ไม่มีกระตุกครับ

ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ก็เป็นเรื่องที่เราประทับใจมาก เพราะ Mi 10T Pro อัดแบตเตอรี่มาให้ถึง 5,000 mAh ซึ่งทำให้การใช้งานเครื่องอยู่ได้เกินวันสบายๆ แม้จะใช้จอเต็มประสิทธิภาพที่ 144 Hz ซึ่งสามารถชาร์จได้รวดเร็วด้วยหัวชาร์จ 33 วัตต์ที่แถมมาในกล่องด้วย ยังแถมที่ชาร์จอยู่นะ แม้จะราคาไม่ถึงหมื่นสี่ก็เถอะ! แต่เครื่องนี้ไม่มีชาร์จไร้สายนะ

ข้อสังเกต

คือเครื่องนี้เราจะหาว่าอะไรเป็นข้อสังเกต มันก็มีเรื่องราคากลับมาค้ำคอทุกที เพราะราคา 13,990 บาท อัดสเปกกับกล้องมาขนาดนี้ ถ้าจะมีข้อสังเกตอะไรบ้าง ก็ต้องยอม Xiaomi เค้าแหละครับ

ข้อแรกคือเครื่องหนัก จับแล้วรู้เลยด้วยน้ำหนัก 218 กรัม เพราะอัดแบตเตอรี่มาให้เยอะ 5000 mAh ข้อต่อมาคือพอร์ต USB-C นี้ต่อภาพออกจอด้วยสายออกจอไม่ได้ครับ ก็ต้องต่อภาพแบบไร้สายเอา นอกจากนี้ Xiaomi ยังไม่ได้ระบุระดับการกันน้ำมาด้วย เพราะฉะนั้นก็ควรอยู่ห่างๆ น้ำไว้ครับ และในกล่องไม่มีหูฟังมาด้วยนะ

ราคา

Mi 10T Pro นั้นมี 2 ราคา 2 ความจุครับ ตัวที่เรารีวิวมีแรม 8 GB และความจุเครื่อง 128 GB ราคา 13,990 บาท ส่วนอีกรุ่นที่มีแรม 8 GB เหมือนกัน แต่เพิ่มความจุเป็น 256 GB จะขายราคา 15,990 บาท ส่วนใครอยากได้รุ่นที่ประหยัดกว่านี้ ก็ยังมี Mi 10T ธรรมดาเป็นทางเลือก ซึ่งสเปกส่วนใหญ่จะเหมือนรุ่นโปรเลย ต่างที่กล้องหลักจะมีความละเอียด 64 ล้านพิกเซลครับ ซึ่งรุ่นเล็กนี้มีแรม 8 GB พร้อมหน่วยความจำ 128 GB ราคา 12,990 บาท

ซึ่งซื้อเครื่องตอนนี้ได้รับประกันจอแตก 1 ครั้ง พร้อมสิทธิ์ชม Netflix Mobile Plan ไปเลย 6 เดือนเต็ม สเปกเครื่องจัดหนัก ของแถมจัดเต็มขนาดนี้ จะรออะไรครับ

สนใจสั่งซื้อได้ที่

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส