โน้ตบุ๊ก Dell Latitude 7410 ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ เครื่องบาง สเปกดี ปรับแต่งได้เต็มที่ มีผู้ช่วยอัจฉริยะ จะน่าใช้ขนาดไหน

ดีไซน์

รูปลักษณ์ของ Dell Latitude 7410 ความรู้สึกตั้งแต่แรกเห็นคือตัวเครื่องดูเล็กมาก ส่วนตรงฝาหลังเราจะเห็น Logo Dell สีเงินเด่นชัดและใช้ลายแบบ Kevlar สะท้อนแสงสวยงามเลยค่ะ วัสดุที่ใช้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เกรดพรีเมียม จึงมั่นใจได้เรื่องความแข็งแรงทนทาน

พลิกมาดูด้านใต้เครื่องกันต่อ จะเห็นช่องใหญ่ ๆ ตรงนี้คือช่องสำหรับระบายอากาศ ซึ่งจะเชื่อมเข้ากับระบบระบายความร้อนของเครื่อง จากนั้นจึงเป่าลมออกตรงช่องเล็ก ๆ ด้านหลังเครื่องตรงนี้ ส่วนรูข้างล่าง 2 ฝั่งนี้คือช่องลำโพงซึ่งเป็นแบบสเตอริโอค่ะ

ดูรอบเครื่องไปแล้ว เรามาลองชั่งน้ำหนักกันซักหน่อยดีกว่า เมย์ลองชั่งดูแล้วเครื่องหนักเพียง 1.33 กิโลเท่านั้น ส่วนความกว้างของตัวเครื่องเมย์ขอลองเทียบกับกระดาษ A4 ดู ก็ใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ นี่ไง ขนาดเมย์ยังถือมือเดียวสบาย ๆ เลย

จุดที่เมย์ชอบอย่างแรกเลยคือ พอเรากางเครื่องออกมาปุ๊ป เครื่องก็จะติดอัตโนมัติพร้อมใช้งานเลย สะดวกมาก ๆ ค่ะ แถมปลดล็อกก็ง่ายผ่าน Windows Hello สแกนผ่าน IR Camera ด้านบนนี้ได้เลยค่ะ หรือถ้าใครไม่สะดวกเช่นทำงานข้างนอกต้องปิดแมสก์ตลอดเวลา เขาก็มีสแกนลายนิ้วมือให้ด้วยนะ สแกนเร็วดีด้วย

โดย Dell Latitute 7410 ที่เมย์ใช้อยู่นี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด FullHD 1080p ค่ะ ซึ่งรุ่นนี้พิเศษตรงที่เราสามารถเลือกปรับแต่งสเปกหน้าจอได้ด้วยนะ โดยเลือกได้สูงสุดระดับ 4K แบบ 100% sRGB เลย แถมหน้าจอทุกรุ่นจะมาพร้อมกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass ด้วยนะ ดีอ่ะ

ประสิทธิภาพการใช้งาน

ไปดูในส่วนของการใช้งานกันบ้าง โดยรวมถือว่าใช้งานลื่นไหลดีเลยค่ะ เอางี้ เมย์ขอเริ่มจากการเข้าเว็บไซต์ beartai.com ผ่าน Chrome ดูก่อนเลย ก็เห็นได้ว่าโหลดไวดีค่ะ กดเข้าไปอ่านแต่ละข่าวก็ค่อนข้างไวดีเลย ลองเข้าเฟซบุ๊ก ไถ Feeds ดูก็เรียกว่าค่อนข้างเร็วดีเลย ส่วนเรื่องของเสียงจากลำโพงทั้ง 2 ข้างด้านใต้นี้ก็ฟังชัดเจนดี แถมเสียงดังใช้ได้เลยค่ะ

การที่หน้าเว็บต่าง ๆ สามารถโหลดได้รวดเร็วทันใจเพราะ Dell Latitute 7410 ตัวนี้มาพร้อม WiFi 6 ที่เร็วกว่า WiFi 5 เดิมถึง 3 เท่าเลยค่ะ แถมยังมาพร้อม Bluetooth 5.1 ด้วยนะ

เมย์ลองสลับ Tab ไปมาก็รวดเร็วดี ไม่มีสะดุดเลยค่ะ ซึ่งเครื่องที่เมย์ใช้อยู่นี้เป็น CPU Intel Gen 10th Core i5 รหัส 10310U ความเร็วสูงสุด 4.4 GHz เป็นแบบ 4 แกนสมอง 8 เทรด มาพร้อมชิป Intel UHD Graphics แถมจัดเต็ม Ram ขนาด 16 GB แบบ DDR 4 และ SSD ขนาด 256 GB แบบ Gen 3 PCIe x4 NVMe ค่ะ อันนี้เหมือนหน้าจอตรงที่เราปรับแต่งได้ตามที่ต้องการเลย

ดูหนัง ฟังเพลงไปเยอะแล้ว ไปดูเรื่องกล้องสำหรับใช้ในการประชุมออนไลน์กันบ้าง เมย์ทดสอบด้วยโปรแกรม Camera พร้อมอัดเสียงให้ฟัง ภาพที่ได้ก็ดีในระดับนึงบนความละเอียด 720p ค่ะ ส่วนเสียงจากไมค์ที่ได้ก็ค่อนข้างชัดเจนดีตามที่ได้ยินเลยค่ะ

พอร์ตการเชื่อมต่อ

อีกเรื่องที่เมย์ชอบคือเรื่องของพอร์ตรอบตัวเครื่องที่ครบครันมาก เริ่มตั้งแต่พอร์ต HDMI 2.0 สำหรับต่อมอนิเตอร์แยกได้ ถัดมาเป็นพอร์ต Thunderbolt™3 with Power Delivery and DisplayPort (USB Type-C™) ทั้ง 2 พอร์ตเลย จะชาร์จเสียบสายชาร์จช่องไหนก็ได้ ถัดมาเป็นช่องใส่ microSD ค่ะ ส่วนทางขวาเป็นพอร์ต Kensington สำหรับป้องกันการโจรกรรม แต่ต้องซื้อตัวล็อคแยกต่างหากนะ ถัดมาเป็นพอร์ต USB 3.2 Gen ทั้ง 2 ช่อง และช่องหูฟัง 3.5mm สำหรับต่อหูฟังหรือไมค์แยก และสุดท้ายคือช่องใส่ Usim ซิมพิเศษสำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยตรง ไม่ต้องใช้ WiFi ค่ะ

สิ่งที่เมย์ชอบมาก ๆ เลยคือระบบผู้ช่วยอัจฉริยะของ Dell ในชื่อโปรแกรม Dell Optimizer ตัวนี้เลย ซึ่งตัวนี้จะมีฟีเจอร์ให้เลือกอยู่ 3 ตัวด้วยกัน อันแรกคือระบบ ExpressResponse ที่ใช้ AI ในการเรียนรู้โปรแกรมโปรดของเรา ทำให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเลยค่ะ

ถัดมาเป็น Intelligent Audio อันนี้เมย์ว่าดีมากสำหรับคนที่ต้องทำงานหลากหลายสถานที่ เพราะเราสามารถเข้าไปปรับได้ว่า ตอนนี้เราอยู่ตรงไหน ระบบก็จะปรับแต่งเสียงและไมค์ให้เหมาะสมตามที่เราต้องการได้เลย

สุดท้ายคือ ExpressSign-In อันนี้เมย์ชอบมาก ๆ นี่เป็นระบบปลดล็อกเครื่องแบบอัจฉริยะ แค่เมย์ลุกขึ้นมา แล้วเดินออกจากเครื่องไปประมาณครึ่งนาที ตัวเครื่องจะทำการล็อคให้อัตโนมัติเลย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะแอบมาขโมยข้อมูลตอนเราลุกไปทำธุระแล้ว

แถมพอเดินกลับมาใช้งานเครื่อง เราก็ไม่ต้องมานั่งกดปุ่มเพื่อเปิดหน้าจอนะคะ โดยหน้าจอจะเปิดขึ้นมาด้วยตัวเองพร้อมสแกนหน้าเราทันทีที่มาถึง ปลอดภัยแถมยังสะดวกอีก ดีอ่ะ

ทดสอบประสิทธิภาพ

เริ่มจากการทดสอบ CPU ผ่านโปรแกรม Geekbench 5 ก็ได้คะแนนออกมาที่ 1,068 คะแนนสำหรับ Single-Core และคะแนน 3,356 คะแนนสำหรับ Multi-Core ค่ะ ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกผ่าน 3DMark โหมด Night Raid ก็ได้คะแนนอยู่ที่ 5,304 คะแนน และสุดท้ายคือทดสอบประสิทธิภาพ SSD ผ่านโปรแกรม CrystalDiskMark ก็ได้ความเร็วในการอ่านที่ 2,053 MB/s และความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 966 MB/s ค่ะ ก็ถือว่าค่อนข้างเร็วดีเลยนะคะเนี่ย

รีวิวจัดเต็มไปแล้ว มาลองเช็คแบตเตอรีดูก็ถือว่ายังเหลือ ๆ เลยค่ะ เพราะ Dell Latitute 7410 มาพร้อมแบตเตอรีขนาด 52 WH เป็นแบบ 4 Cells ก็เรียกว่าใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน แถมชาร์จไฟก็เร็ว เพราะมีระบบ ExpressCharge Boost ที่ชาร์จแบตเตอรีได้ 35% ในเวลาเพียง 20 นาที หรือจะชาร์จ 1 ชั่วโมงก็ได้แบตเตอรีถึง 80% เลย เร็วมาก!

จุดสังเกต

หลังจากที่ลองใช้งานมาซักพัก เมย์พบว่าตัวเครื่องจะค่อนข้างอุ่น ๆ เมื่อเราออกไปทำงานนอกสถานที่ โดยเฉพาะที่ไม่มีห้องแอร์ค่ะ ส่วนฟีเจอร์ ExpressResponse ที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ถ้าเป็นแอปที่เราไม่เคยใช้ ระบบจะไม่แสดงขึ้นมา เราต้องไปค้นหาเอง ซึ่งแอบหายากมาก!

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

Dell Latitute 7410 ตัวที่เมย์ถืออยู่นี้มาพร้อมราคาเริ่มต้นที่ 43,990 บาท

สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อผ่านช่องทาง SiS Distribution (Thailand) Co., Ltd. โทร 02-020-3000

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส