รีวิว Dell Latitude 9510 โน้ตบุ๊กยุคใหม่ พกพาง่าย ดีไซน์สวย เรียบหรู ดูดี แถมมี AI คอยช่วยเหลือ เป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ที่พับได้แบบ 360 องศาแบบนี้ จะน่าใช้ขนาดไหนเดี๋ยวเมย์เล่าให้ฟัง

ดีไซน์

รูปลักษณ์ภายนอก เราจะเห็นตรงฝาหลังนี้เป็น Logo Dell สีเงินเงางาม บนสี Titan Gray ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ส่วนทางด้านวัสดุใช้เป็นอลูมิเนียมเกรดพรีเมียม มีความแข็งแรงทนทานดีเลยค่ะ และถ้าสังเกตดี ๆ ตรงสันขอบรอบ ๆ ของ Dell Latitude 9510 นี้จะมีการเจียระไนแบบขอบเพชรด้วย เรียกว่าหรู ดูดีมีสไตล์เลยล่ะค่ะ

ส่วนความกว้างของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 34 เซนติเมตร และยาว 21 เซนติเมตร และจุดที่หนาที่สุดจะอยู่เพียง 1.4 เซนติเมตรเท่านั้นเองค่ะ ส่วนน้ำหนักของเครื่อง เมย์ลองยก ๆ ดูก็ถือว่าไม่หนักมากนะคะ ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.538 กิโลกรัมค่ะ แต่ถ้าเราพกพาพร้อมอะแดปเตอร์ ก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.861 กิโลกรัมเท่านั้นเองค่ะ

แล้วพอเรากางเครื่องออกมา เราก็จะเห็นแป้นพิมพ์ตรงนี้เป็นภาษาอังกฤษล้วนค่ะ ส่วน Touchpad เราก็จะเห็นการเจียระไนแบบขอบเพชรเช่นเดียวกัน ซึ่งออกแบบมาเป็นแบบแผ่นเดียวเรียบ ๆ แบบนี้ โดยการใช้งานค่อนข้างสะดวกดีค่ะ จะคลิกซ้ายก็แค่แตะลงไปเบา ๆ พอจะลากคลุม ก็แค่ใช้นิ้วนึงกดลงไป แล้วอีกนิ้วนึงลากคลุม และถ้าเราอยากคลิกขวาก็แค่กดตรงมุมขวาล่างเท่านั้นเองค่ะ

และนอกจากนี้เราจะเห็นลำโพงที่อยู่ตรงด้านบนทั้ง 2 ข้างนี้ก็เป็นแบบ 4 Channel ที่ใช้ระบบเสียง MaxxAudio® ที่ปรับจูนให้เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าเสียงดีขนาดไหน เดี๋ยวเราไปทดสอบกันทีหลังนะคะ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไมค์ถึง 4 ตัวด้านบนของหน้าจอ เป็นไมค์แบบ Noise Canceling ด้วยนะ เหมาะมากกับการใช้ประชุมออนไลน์ค่ะ

มาดูในส่วนของด้านล่างตัวเครื่อง เราจะเห็นแค่ช่องสำหรับดูดเอาอากาศข้างนอกเข้ามา แล้วทำการระบายความร้อนออกที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั่นเอง

ซึ่งระบบระบายความร้อนของ Dell Latitude 9510 รุ่นนี้ก็มีความพิเศษตรงที่จะใช้ท่อส่งความร้อน 2 ตัวและพัดลมใบมีดคาร์บอนเพื่อทำให้ระบายความร้อนได้เงียบแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้เวลาเรานั่งทำงานแบบวางตักนี่ก็ไม่ต้องห่วงว่าเครื่องจะร้อนเกินไปค่ะ

และด้วยความที่ Dell Latitude 9510 ตัวนี้เป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ทำให้เราสามารถใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบเลย ไม่ว่าจะเป็นแบบ Laptop ปกติแบบนี้ หรือจะพับเป็นตัววีกลับหัวตั้งเป็นแบบ Tent แบบนี้ หน้าจอก็จะกลับด้านให้อัตโนมัติ หรือจะพับจนสุด กลายเป็น Tablet ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

โดย Dell Latitude 9510 มาพร้อมกับระบบการปลดล็อคอัตโนมัติผ่าน Windows Hello ทั้งการสแกนใบหน้าผ่านกล้อง IR Camera หรือจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power มุมขวาของเครื่อง อันนี้เหมาะมากเวลาออกไปข้างนอกแล้วต้องใส่แมสก์ ก็ใช้สแกนลายนิ้วมือแทนได้ เรียกว่าสะดวกแถมยังรวดเร็วดีเลยค่ะ

มาดูกันที่หน้าจอบ้าง Dell Latitude 9510 มาพร้อมหน้าจอ FullHD ขนาด 15 นิ้วแบบ Infinity Edge ซึ่งมีขอบจอที่บางมาก ๆ จนทำให้ขนาดตัวเครื่องเล็กลง แต่หน้าจอชัดเจนเต็มตาสุด ๆ แถมเป็นจอแบบ Touchscreen ที่รองรับปากกา Dell Active Pen ได้อีกด้วย

โดยจุดเด่นของหน้าจอนี้คือ เป็นกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 6 DX ซึ่งสามารถป้องกันการสะท้อนแสงและรอยเปื้อนได้เป็นอย่างดี ทำให้เราใช้งานนอกสถานที่ได้โดยที่เรายังคงมองเห็นรายละเอียดอยู่พอสมควร แถมยังเป็นจอแบบ 100% sRGB อีกด้วย ก็ให้ภาพสีสันที่สมจริงกว่าหน้าจอทั่วไปอยู่ระดับนึงเลยค่ะ
ไปดูในส่วนของการใช้งานกันบ้าง Dell Latitude 9510 ที่เมย์ใช้อยู่นี้มาพร้อม Windows 10 Pro ตัวนี้ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น BitLocker ที่จะทำการเข้ารหัสข้อมูลของ Hard Disk เอาไว้เผื่อกรณีใครจะเอา Thump Drive มาเสียบเพื่อดูดข้อมูลออกไปได้ หรือแม้แต่ถอดเอา Hard Disk จากเครื่องเราไปเปิดที่อื่น ก็จะไม่สามารถทำได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีระบบ WIndows Information Protection ที่ช่วยแยกข้อมูลธุรกิจกับข้อมูลส่วนตัวออกจากกัน ทำให้เราสามารถสั่งลบข้อมูลสำคัญจากเครื่องได้ในกรณีที่เครื่องหายหรือถูกขโมยได้อีกด้วย

โดยเมย์ได้เอาเครื่องนี้ไปใช้งานมาประมาณ 1 สัปดาห์นะคะ ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างลื่นไหลดีเลยค่ะ ส่วนการใช้งานเว็บไซต์อื่น ๆ รวมไปถึงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็เรียกได้ว่าลื่นไหลดีเลยค่ะ

ถัดมาเราไปทดสอบการรับซีรีส์ผ่าน Netflix กันบ้าง ภาพที่ออกมาก็เรียกว่าค่อนข้างชัดเจนดีเลยค่ะ อย่างซีรีส์ Queen Gambit นี่ดูแล้วติดมาก ลองฟังเสียงดูก็เรียกได้ว่ามีการแยกเสียงได้ค่อนข้างดีสมกับที่ใช้ลำโพงแบบ 4 Channel ค่ะ และด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นแบบ 2-in-1 เราจึงไม่ต้องปิดเครื่องเวลาลุกไปไหนมาไหน แค่พับเครื่องเป็นแบบ Tablet Mode ก็เรียกว่าดูต่อเนื่องไปได้แบบยาว ๆ เลย ฟินสุด ๆ

ส่วนของลำโพงนี่เมย์ขอลองกับ Spotify ผ่านเพลง BGM ของเกม Genshin Impact ที่เรียกว่าจัดเต็มด้วยเครื่องดนตรีระดับวงออเคสตร้า Shanghai Symphony Orchestra ก็เรียกได้ว่าให้เสียงที่ฟังเพลินแบบสุด ๆ แถมเสียงก็ค่อนข้างกระหึ่มเลยทีเดียวค่ะ

ซึ่ง Dell Latitude 9510 มีเมย์ใช้อยู่นี้มาพร้อมกับ CPU Intel Core i7 รหัส 10810U เป็นแบบ 6 แกนสมอง 12 เทรด ความเร็วสูงสุด 4 GHz ส่วน Ram ให้มา 16 GB แบบ LPDDR3 onboard และ SSD ขนาด 512 GB แบบ Gen 3 PCI express x4 NVMe ค่ะ ส่วนระบบการเชื่อมต่อก็ใช้เป็น Wi-Fi 6 ที่ให้ความเร็วสูงกว่า Wi-Fi 5 ถึง 3 เท่า และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth 5.1

Dell Latitude 9510 มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 720p ให้ภาพค่อนข้างชัดในระดับหนึ่งค่ะ ส่วนเสียงจากไมค์ทั้ง 4 ตัวแบบ Noise Canceling ที่อยู่ด้านบนขอบหน้าจอตรงนี้ ก็เก็บเสียงได้ชัดเจนดีตามที่ได้ยินนี้เลยค่ะ แถมตัดเสียงรบกวนให้ด้วยนะ

กลับมาดูในส่วนของพอร์ตต่าง ๆ รอบตัวเครื่องกันดีกว่าค่ะว่ามีพอร์ตอะไรบ้าง เริ่มจากทางซ้าย พอร์ตแรกเป็น HDMI 2.0 สำหรับต่อมอนิเตอร์แยก ถัดมาทั้ง 2 พอร์ตนี้เป็นพอร์ต USB-C Thunderbolt™ 3 Power Delivery and Display Port สามารถชาร์จไฟเข้าได้ทั้งคู่ และชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้ด้วยนะคะ ถัดมาเป็นพอร์ตสำหรับเสียบ microSD ค่ะ ส่วนอีกด้านก็มีพอร์ต USB 3.2 Gen 1 ที่สามารถชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้เช่นเดียวกัน ต่อมาคือพอร์ต 3.5 มิลฯ สำหรับต่อหูฟังหรือไมค์นอกได้ แต่เอาจริง ๆ ไมค์ของเครื่องนี้ก็จัดมาค่อนข้างเต็ม

ความพิเศษของ Dell Latitude 9510 ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะเขามีระบบ Dell Optimizer ที่เรียกได้ว่าเป็นระบบผู้ช่วยอัจฉริยะที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมากเลยค่ะ

โดยเขาจะมีให้เลือกอยู่ 4 ฟีเจอร์ด้วยกัน เริ่มจาก ExpressResponse ที่ใช้ AI ในการเรียนรู้โปรแกรมโปรดของเรา ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ถัดมาเป็น Intelligent Audio อันนี้เมย์ว่าดีมากสำหรับคนที่ต้องทำงานหลากหลายสถานที่ อย่างเช่นตอนนี้เมย์อยู่ข้างนอก ก็เลือกไปที่ Noisy Office ระบบจะช่วยลดเสียงรบกวน ตัดเสียงสะท้อนเวลาเราทำการ Video Conference ได้อีกด้วย อันนี้เมย์ชอบ

ต่อมาเป็น ExpressCharge ระบบช่วยในการปรับปรุงการใช้พลังงานของโน้ตบุ๊ก ทำให้การชาร์จไฟและการใช้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ใช้งานแต่ละคน ทำให้เราสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันเลยค่ะ

สุดท้ายคือ ExpressSign-In อันนี้เมย์ชอบมาก ๆ นี่เป็นระบบปลดล็อคเครื่องแบบอัจฉริยะ จะฉลาดขนาดไหนเดี๋ยวเมย์ทำให้ดู นี่ไง แค่เมย์ลุกขึ้นมา แล้วเดินออกจากเครื่องไปประมาณครึ่งนาที ตัวเครื่องจะทำการล็อคให้อัตโนมัติเลย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะแอบมาขโมยข้อมูลตอนเราลุกไปทำธุระแล้ว

แถมพอเดินกลับมาใช้งานเครื่อง เราก็ไม่ต้องมานั่งกดปุ่มเพื่อเปิดหน้าจอนะคะ โดยหน้าจอจะเปิดขึ้นมาด้วยตัวเองพร้อมสแกนหน้าเราทันทีที่มาถึง ปลอดภัยแถมยังสะดวกอีกด้วย

การทดสอบประสิทธิภาพ

เริ่มจากการทดสอบ CPU ผ่านโปรแกรม Geekbench 5 ก็ได้คะแนนออกมาที่ 1,023 คะแนนสำหรับ Single-Core และคะแนน 2,910 คะแนนสำหรับ Multi-Core ค่ะ ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมผ่าน PCMark 10 ก็ได้คะแนนอยู่ที่ 3,579 คะแนน โดยมีคะแนนในหมวดการใช้งานทั่วไปที่สูงถึง 8,606 คะแนน ส่วนการทดสอบด้านกราฟิกผ่าน 3DMark โหมด Night Raid ก็ได้คะแนนอยู่ที่ 4,617 คะแนน และสุดท้ายคือทดสอบประสิทธิภาพ SSD ผ่านโปรแกรม CrystalDiskMark ก็ได้ความเร็วในการอ่านที่ 2,353 MB/s และความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 1,552 MB/s ค่ะ ถือว่าค่อนข้างรวดเร็วเลยค่ะ

Dell Latitude 9510 ตัวนี้มาพร้อมแบตเตอรีขนาด 52 WHr หรือถ้านับแบบมือถือก็จะอยู่ที่ประมาณ 5860 mAh ค่ะ โดยมาพร้อมกับระบบ ExpressCharge Boost ที่ชาร์จแบตเตอรีได้ 35% ในเวลาเพียง 20 นาที หรือชาร์จ 1 ชั่วโมงได้แบตเตอรีประมาณ 80% ก็สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันแล้วล่ะค่ะ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าหนักหน่วงขนาดไหน แต่ถ้าใช้ปกติทั่ว ๆ ไป เมย์ลองแล้วทั้งวันสบาย ๆ ค่ะ

อันนี้แถมให้ สำหรับใครที่พกพาอุปกรณ์หลาย ๆ ตัวออกนอกบ้าน ตัวอะแดปเตอร์ชาร์จไฟยังสามารถนำไปชาร์จไฟกับสมาร์ตโฟนที่เป็น Fast Charge รวมไปถึงเครื่องเกมพกพาอย่าง Nintendo Switch ได้ด้วยนะ เรียกว่าพกแค่ตัวเดียวก็ชาร์จอุปกรณ์ได้ครบถ้วนเลยค่ะ

จุดสังเกต

Dell Latitude 9510 ที่เมย์ใช้งานมาก็พบว่า พอร์ต USB-A ที่ให้มานี่ค่อนข้างน้อยไปซักนิดค่ะ ถ้าให้มา 2 พอร์ตนี่เมย์ว่าน่าจะพอดี ๆ กับการต่อพ่วงอุปกรณ์เพิ่มเติมเช่น External Harddisk กับ Mouse แยกได้พร้อมกัน ซึ่งถ้าใครอยากทำแบบนี้ Dell เขาก็มี Dell Thunderbolt Dock วางจำหน่ายแยกให้คุณเอาไปต่อพ่วงได้เต็มที่ แถมต่อจอแยกได้อีก 2 จอแบบ 4K ด้วยนะคะ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

Dell Latitude 9510 ตัวที่เมย์ใช้อยู่นี้มาพร้อมราคา 69,900 บาท ราคานี้รวม VAT แล้วนะคะ โดยรุ่นนี้เรายังสามารถเลือก Customize สเปคเครื่องได้ตามความเหมาะสมของตัวเองอีกด้วย อยากได้แบบแรงจัดเต็ม หรืออยากได้แบบย่อมเยาว์ เราเลือกได้หมด!

สำหรับใครสนใจก็สามารถติดต่อผ่านช่องทาง VST ECS (Thailand) Co., Ltd. ผ่านเบอร์โทรและอีเมลข้างใต้นี้ได้เลยค่ะ

Dell Latitute 9510 ตัวนี้ สามารถตอบโจทย์คนวัยทำงานยุคใหม่ที่ใช้โน้ตบุ๊กเป็นทั้งอุปกรณ์ทำงาน และความบันเทิงแบบพกพาได้แบบจัดเต็ม เรียกว่าครบเครื่องแบบสุด ๆ เลยค่ะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส