แบไต๋ขอสรุปเน้น ๆ หลังจากใช้ Samsung Galaxy S21 และ S21 Ultra สมาร์ตโฟนที่ซัมซุงเคลมว่าเป็นสุดยอดสมาร์ตโฟนสำหรับสายทำคอนเทนต์ ในชีวิตจริงมากกว่า 3 สัปดาห์ เราชอบอะไร และไม่ชอบอะไร

5 เรื่องที่ชอบ

กล้องภาพนิ่ง

เรื่องแรกกล้องภาพนิ่ง ที่ถ่ายยังไงก็สวย อธิบายก่อนว่าตระกูล Samsung Galaxy S21 นั้นมี 3 รุ่นคือ Samsung Galaxy S21 Ultra, Galaxy S21+ และ Galaxy S21 แต่แบ่งชุดกล้องเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ S21+ กับ S21 จะเป็นกล้อง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล Hybrid Zoom 3 เท่า ด้านบนเป็นเลนส์ Ultra Wide 0.5 เท่า ส่วน S21 Ultra จะเป็นกล้อง 4 เลนส์ เลนส์หลัก 108 ล้านพิกเซล มีเลนส์ซูม 3 เท่า และเลนส์ซูม Periscope 10 เท่า

เริ่มจากกล้องของกลุ่ม Samsung Galaxy S21 และ S21+ กันก่อนครับ แม้สเปกจะด้อยว่ารุ่นพี่ แต่ใช้จริงก็กดถ่ายแล้วสวยเลย Scene Optimizer กับ HDR ทำงานผสานกันได้ดี ให้ภาพที่สดใส เก็บรายละเอียดส่วนมืด ส่วนสว่างมาได้ครบ ๆ ถ่ายภาพบุคคลก็ออกมาดูดี ทำหลังเบลอได้สวย ถ่ายภาพกลางคืนก็สวยแจ่มครับ

ส่วนการซูมภาพก็ออกมาดีพอสมควร เลนส์มุมกว้างมากถ่ายได้กว้างขวางสะใจ การซูม 3 เท่าก็ออกมาดูดี แต่การซูมที่เจาะลึกกว่านี้ จะเริ่มเห็นริ้วรอยในภาพแล้ว ซึ่งการซูมของ Galaxy S21 และ S21+ นั้นจะแปลกกว่ามือถือที่มีเลนส์ซูมโดยเฉพาะทั่วไป คือเลนส์ซูมของมือถือ 2 รุ่นนี้ไม่ได้ซูมได้ 3 เท่าตั้งแต่แรก แต่เป็นเลนส์ซูม 1.1 เท่าหรือเลนส์ระยะ 29 mm ที่มีความละเอียด 64 ล้านพิกเซลครับ แล้วอาศัยจำนวนพิกเซลที่เยอะ มาเจาะซูม 3 เท่าให้ได้รายละเอียดภาพที่ดี

เครื่องมือลบวัตถุสุดเจ๋งของ OneUI 3.0 ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดของซัมซุง แค่กด Edit รูปที่ต้องการ กดตรงมุมบนขวาตรงนี้ เลือก Labs แล้วเปิดใช้ Object Eraser ก็จะมีเครื่องมือใหม่ออกมาเป็นปุ่มสุดท้าย กดเข้าไป แล้วแตะวัตถุที่ต้องการจะลบออกจากภาพได้เลย ไม่ต้องป้าย ๆ ระบาย ๆ ในภาพเองเหมือนแอปอื่น ๆ จะลบอะไรออก แตะ แตะ แตะ แล้วกด Erase ก็จะหายไปเลย ซึ่งก็เนียนพอสมควร

แต่ต้องการกล้องที่ดีที่สุดของซัมซุงในปัจจุบันนี้ ก็ต้องไปจบที่ Samsung S21 Ultra เลย ซัมซุงอัดเทคโนโลยีภาพที่ดีที่สุดของตัวเองอยู่ในรุ่นนี้ ตั้งแต่กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซลที่มีเซนเซอร์ใหญ่ที่สุดของซัมซุงคือ 1/1.33 นิ้ว ถ่ายโหมดอัตโนมัติยังไงก็สวย

ส่วนโหมด Pro ก็สามารถถ่ายไฟล์ RAW ระดับ 12-bit ได้ เก็บสีสันได้มากกว่า 68,000 ล้านสี จากไฟล์ RAW ปกติ 10-bit ที่เก็บสีสันได้พันล้านสี ได้ไฟล์ DNG ขนาดใหญ่กว่า 20 MB เอาไปแต่งต่อด้วยแอปอย่าง Lightroom หรือ Snapseed ก็ดึงรายละเอียดได้อีกเพียบ

จุดเด่นของกล้อง Galaxy S21 Ultra อยู่ที่ระยะการถ่าย คุณสามารถถ่ายมาโครใกล้ ๆ แล้วเลือก Focus Enhancer เพื่อสลับไปใช้กล้อง Ultra Wide ถ่ายมาโครให้ชัดขึ้นได้ ซึ่งก็ให้ภาพวัตถุระยะใกล้ที่ใหญ่และคมชัดเกินพอสำหรับการเอาไปใช้ แต่กล้องตัวนี้ถ่ายตีลังกาไม่ได้นะ อาจจะถ่ายภาพบางมุมยากหน่อย ส่วนถ้าคุณไม่เปิดโหมด Focus Enhancer ก็จะได้ภาพมาโครแบบที่มีโฟกัสฟุ้ง ๆ หน่อย ก็สวยไปอีกแบบ เอาไปถ่ายอาหารนี่กำลังงามเลย พูดถึงถ่ายอาหาร Galaxy S21 ทุกรุ่นก็มีโหมดถ่ายอาหารโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการปั่นเบลอให้ภาพชัดเฉพาะจุด และสีสันสดขึ้น ถ่ายอาหารสวย

นอกจากถ่ายมาโครใกล้ ๆ ชัดแล้ว ถ่ายระยะไกลมาก ๆ ก็ยังชัดครับ ด้วยเลนส์ซูม 2 ตัว ตัวแรก 3 เท่า และอีกตัวเป็นเลนส์ Periscope ซูม 10 เท่าครับ ทำไมต้องมีเลนส์ซูม 2 ตัว ก็เพราะว่าถ้าซูมจากเลนส์หลัก 1x ไป 10x โดยไม่มีเลนส์ช่วงตรงกลางมาช่วย เวลาเราซูมภาพ 3 เท่า 5 เท่า ภาพจะแตก เพราะใช้ข้อมูลจากเลนส์ 1 เท่ามาขยายอย่างเดียว ภาพไปชัดอีกทีตอนซูม 10 เท่าเลย ซึ่งดูผลงานการซูมของ S21 Ultra ก็น่าประทับใจ ซูม 10 เท่ายังชัดมากอยู่เลย แล้วยังสามารถใช้ Space Zoom ไปได้ถึง 100 เท่าเลยนะ คุณภาพก็ยังโอเค เห็นรายละเอียดอยู่

กล้องหน้าของ Samsung Galaxy S21, S21+ จะเป็นกล้อง 10 ล้านพิกเซลครับ ส่วน Galaxy S21 Ultra เป็นกล้อง 40 ล้านพิกเซล ซึ่งถึงตัวเลขจะดูแตกต่างกัน แต่ถ่ายจริงก็ออกมาเป็น 10 ล้านพิกเซลทั้งคู่ครับ แล้วก็สีสัน ความคมชัดไม่ต่างกันเลย เป็นกล้องที่ถ่าย Selfie และสามารถเลือกละลายฉากหลังได้สวยงามทั้งคู่
เล่ามาละเอียดมาก เพิ่งจบไปหัวข้อเดียว กล้องภาพนิ่ง

กล้องวีดีโอ

เรื่องที่ชอบเรื่องที่ 2 คือกล้องวิดีโอที่ทำออกมาเน้นสำหรับงาน Creator หรือสำหรับนักสร้างสรรค์ผลงานเลย พกไปเครื่องเดียวก็ถ่ายคลิปดี ๆ กลับมาได้แล้ว คือ Samsung Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่น สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 8K ได้หมด ด้วยเลนส์หลังตัวหลัก แต่กล้องของ S21 Ultra จะถ่าย 8K ได้นิ่งกว่า ระบบกันภาพสั่นไหวดีกว่า ถ่ายเอาไปเปิดในจอ 8K นี่สวยอย่างกับตาเห็น

แต่ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าจะถ่าย 8K ไปเปิดกับจออะไร Galaxy S21 Ultra ก็จัดเต็มมาตรฐานปัจจุบันคือ 4K 60 fps ที่ถ่ายได้ทุกเลนส์ ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วย จะถ่ายมุมกว้างหรือซูมภาพก็เป็น 4K 60 fps หมดเหมาะมากสำหรับการทำเนื้อหาในยุคนี้ที่ผู้ชมเรียกร้องแต่ 4K 60 fps แต่สำหรับ S21 รุ่นน้อง จะถ่าย 4K 60 fps กับเลนส์ซูมไม่ได้่ แต่ถ้ากับเลนส์มุมกว้าง เลนส์หลัก แล้วก็กล้องหน้าได้

นอกจากนี้ Galaxy S21 ทุกรุ่นยังถ่ายวิดีโอแบบ HDR10+ ที่เก็บส่วนมืดส่วนสว่างของแสงได้กว้างขึ้นด้วยเฉดสีพันล้านสี เหมาะมากสำหรับการเก็บซีนวิดีโอย้อนแสง หรือซีนที่มีความแตกต่างของแสงเยอะ ๆ เช่นการถ่ายท้องฟ้าสวย ๆ ไปพร้อมกับคน และจะแสดงผลได้สวยเมื่อเอาไปเล่นบนจอที่รองรับ HDR โดยวิดีโอ HDR10+ จะถ่ายได้สูงสุดที่ระดับ 4K 30 fps แต่ผมแสดงตัวอย่างคลิปแบบ HDR ให้ดูตรง ๆ ในคลิปรีวิวแบบ SDR ที่เราเผยแพร่ปกติไม่ได้

สามารถถ่ายวิดีโอด้วย Galaxy S21 Ultra พร้อมบันทึกเสียงด้วยไมค์ของมือถือได้เลย โดยถ่ายเป็นวิดีโอ 4K 30 fps แบบ SDR ปกติ แต่เปิดฟีเจอร์ Auto HDR ไว้เพื่อให้ Galaxy S21 เกลี่ยแสงให้เหมาะสำหรับวิดีโอที่เผยแพร่กันทั่วไป ซึ่งก็เก็บแสงสีได้สวยงามอยู่ดี แม้จะไม่ได้เก็บสีและแสงได้ลึกแบบวิดีโอ HDR10+ แต่วิดีโอแบบนี้ก็แชร์ต่อได้ง่ายกว่า ระบบกันภาพสั่นไหวก็ดีจนเดินไปถ่ายไปได้

ฟีเจอร์ใหม่สนุก ๆ คือ Director’s View ที่เป็นการอัปเกรดการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า-กล้องหลังพร้อมกันให้ล้ำกว่าเดิม ทำให้เราเห็นภาพจากกล้อง 4 ตัวพร้อมกัน ให้ได้จัดเฟรมภาพให้เรียบร้อยก่อนตัดสลับภาพซูมเข้าไป ให้ความรู้สึกเป็นผู้กำกับมากกว่าเดิม แถมถ้าใช้รูปแบบที่หน้าเราอยู่ในกรอบเล็ก ยังสามารถลากเฟรมภาพใบหน้าของเราไปมาระหว่างถ่ายได้ด้วย

สุดท้ายที่ Creator ทุกคนต้องการคือความสามารถในการใช้ไมค์แยกภายนอก คือวิดีโอภาพสวย แต่เสียงฟังไม่รู้เรื่อง คนก็ปิดคลิปเราไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน โดย Samsung Galaxy S21 ทุกรุ่นก็สามารถใช้โหมด Pro Video เพื่อเลือกใช้ไมค์ bluetooth รับเสียงแยกได้ หรือจะให้เสียงผสมกับไมค์ที่ตัวเครื่องก็ได้ ยืดหยุ่นมาก

หน้าจอ

เรื่องที่ชอบเรื่องที่ 3 คือหน้าจอGalaxy S21 ทุกรุ่นใช้จอ Dynamic AMOLED 2X จอเกรดท็อปของซัมซุง ให้สีสันสดใส เอาไปเปิด Youtube หรือ Netflix ก็แสดงภาพแบบ HDR ได้สวยงามทั้งหมด ใช้กระจก Gorilla Glass Victus ทั้งหมดด้วย พร้อม Refresh Rate สูงสุด 120 Hz ทุกตัว เลื่อนหน้าจอได้ลื่นไหลทั้งหมด แถมถ้าจังหวะที่จอไม่ต้องการการเคลื่อนไหวมาก ก็สามารถปรับ Refresh Rate ให้ลดลงได้เองเพื่อประหยัดพลังงานด้วย

แต่รายละเอียดของจอทั้ง 3 รุ่นนี้ก็ต่างกันอยู่นิดหน่อย โดยจอของ Galaxy S21 ที่มีขนาด 6.2 นิ้วกับ Galaxy S21+ ที่มีขนาด 6.7 นิ้ว นั้นเป็นจอแบน ความละเอียด Full HD+ มีความสว่างสูงสุด 1300 nit สู้แสงแดดได้ ส่วน Galaxy S21 Ultra เป็นจอ 6.8 นิ้ว ที่มีขอบโค้งนิด ๆ ความละเอียด QHD+ ความสว่างสูงสุด 1500 nit ให้ Contrast 3 ล้าน : 1

ดีไซน์

เรื่องที่ 4 ที่ชอบคือดีไซน์เครื่อง ที่จุดนี้ก็คงนานาจิตตัง มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ที่เราชอบเพราะดีไซน์กล้องหลังแบบ Contour Cut Camera Design นี้แตกต่างจากมือถืออื่น ๆ ในตลาด คือถ้าเห็นทรงกล้องหลังแบบนี้ก็รู้ทันทีว่านี่คือตระกูล Samsung Galaxy S21 แถมยังให้งานประกอบดีด้วย จับแล้วรู้สึกว่านี่แหละคือมือถือเรือธง โดยใน Galaxy S21 Ultra และ S21+ ฝาหลังจะเป็น Gorilla Glass Victus ส่วนของ S21 จะเป็นกลาสติก หรือพลาสติกที่ให้สัมผัสแบบกระจกนะครับ ซึ่งถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่ามันคือพลาสติก

จุดอื่น ๆ ในดีไซน์คือลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงก้องกังวานและดังใช้ได้ทุกรุ่น แต่ใน S21 Ultra จะให้เสียงที่แน่นกว่า และฟุ้งน้อยกว่ารุ่นอื่นครับ ส่วนตัวสแกนนิ้วในหน้าจอของ Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่นก็ปรับปรุงให้พื้นที่สแกนใหญ่ขึ้น สแกนได้ง่ายและเร็วกว่ารุ่นเดิมด้วยครับ ใส่หน้ากากมันสแกนหน้าลำบาก ใช้สแกนนิ้วนี่แหละดี

S-Pen

เรื่องที่ 5 คือ Samsung Galaxy S21 Ultra รุ่นเดียวนะ มันใช้ S-Pen ได้ด้วย ถือเป็นจุดบรรจบระหว่าง S-Series กับ Note-Series สักที โดยคุณสามารถเอาปากกาจาก Galaxy Note หรือ Galaxy Tab ที่มีปากกา S-Pen มาใช้ได้เลย หรือจะซื้อเคสของ S21 Ultra ที่มาพร้อมปากกาก็ได้ทั้งนั้นครับ ซึ่งก็เขียนลื่น เขียนสบาย จดสะดวก แต่ฟีเจอร์บางอย่างพวก Air Gesture ที่วาดอากาศเพื่อสั่งงาน จะต้องใช้กับปากกา S Pen Pro ที่มาพร้อมแบตและ Bluetooth ในตัว ซึ่งซัมซุงจะขายเร็ว ๆ นี้

3 จุดสังเกตอะไรบ้างถ้าจะซื้อ Samsung Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่นมาใช้

  • จุดแรกสำหรับ Samsung Galaxy S21 Ultra เลยครับ คือความหนักของมัน 227 กรัม แล้วยิ่งถ้าใส่เคสก็น่าจะหนักได้ถึง 3 ขีดเลยทีเดียว ก็เป็นจุดชั่งใจว่า ถ้าต้องการกล้องและจอที่ดีที่สุดของซัมซุงอยู่ใน S21 Ultra แต่มันก็เป็นเครื่องที่ใหญ่และหนักที่สุดในตระกูลเหมือนกันครับ
  • จุดที่ 2 คือความร้อนครับ Samsung Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่นนี้ใช้ชิป Exynos 2100 นะครับ เราเทสต์กับชุดทดสอบ 3Dmark Wild Life Stress Test ทดสอบกราฟิก 20 รอบ นาน 20 นาที Galaxy S21 ได้คะแนนกราฟิกสูงสุด 5907 ในการทดสอบรอบแรก และต่ำสุดที่ 3841 คะแนน ตั้งแต่การทดสอบในรอบที่ 6 ครับ และระหว่างทดสอบนั้นเครื่องร้อนใช้ได้เลย ซึ่ง Galaxy S21 Ultra ก็ได้กราฟคะแนนมาในลักษณะนี้ และเครื่องก็ร้อนเหมือนกัน แต่คะแนนสูงสุดทำได้ราว 5000 คะแนนเท่านั้น จึงตีความจากคะแนนได้ว่า เมื่อใช้เล่นเกมไปสักพัก เครื่องจะร้อน และเฟรมจะดรอปได้ครับ นอกจากนี้เวลาถ่ายรูปเปิดกล้องได้ไม่นาน จะรู้สึกว่าฝาหลังร้อนขึ้นมาชัดเจน โดยเฉพาะกับ Galaxy S21 รุ่นเล็กที่ร้อนขึ้นมาเร็วกว่ารุ่น S21 Ultra ครับ
  • จุดที่ 3 แบตเตอรี่ไม่ได้อึดมาก โดยเฉพาะกับ Galaxy S21 รุ่นเล็กสุด เพราะมีแบตมาให้น้อยที่สุดในกลุ่มคือ 4,000 mAh ซึ่งก็ใช้งานจบวันได้ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ ก็อาจจะเอาไม่อยู่ครับ ส่วน Galaxy S21 Ultra มีแบตมาให้ 5,000 mAh ก็สามารถใช้จบวันได้สบาย ๆ ครับ แต่ไม่ได้อึดมากขนาดเอาไปใช้ต่ออีกวันได้นะ

และในกล่องของ Samsung Galaxy S21 ทุกรุ่นนั้นไม่มีหัวชาร์จและหูฟังจาก AKG แถมให้แล้ว แต่ตัวหัวชาร์จนี่อาจจะไม่ยากมาก เพราะ S21 ใช้หัวชาร์จแบบ USB-C ก็สามารถใช้หัวชาร์จแบบ USB-C แบรนด์ไหนก็ได้มาชาร์จ ใช้หัวชาร์จของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ มาชาร์จก็ได้ การอยู่กับโลก USB-C ทำให้เราสามารถใช้หัวชาร์จหัวเดียวชาร์จได้ทุกอุปกรณ์ครับ ได้ชาร์จเร็ว 25 Watt ด้วยนะ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

Samsung Galaxy S21 รุ่นเล็กสุดนี้ราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท ส่วน Galaxy S21+ รุ่นที่สเปกและกล้องเหมือนกับ S21 แต่ปรับหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น มีราคาเริ่มต้น 33,900 บาท และ S21 Ultra รุ่นท็อปสุด กล้องและหน้าจอดีที่สุดก็มีราคาเริ่มต้น 39,900 บาทครับ

โดยราคาเริ่มต้นที่ว่านี้คือความจุ 128 GB นะครับ ก็สามารถเลือกความจุที่เหมาะสมได้เลย เพราะ S21 ทุกรุ่นใส่ MicroSD ไม่ได้แล้วนะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส