ทีวีจาก Xiaomi บุกตลาดไทยจริงจังแล้ว หลังจากปล่อยให้พวกเรากรี๊ดกร๊าดกับข่าวจากต่างประเทศมานาน ใครอยากหาทีวีประสิทธิภาพดี ใช้ Android TV แถมราคาดี ลองดู Mi TV P1 วันนี้จะรีวิวเจาะลึกให้ดูกัน

Mi TV P1 ตัวที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นรุ่นท็อปสุดคือขนาดจอ 55 นิ้ว ตั้งราคาขายไม่ถึง 16,000 บาท ถือว่าทำตลาดเดือดได้เลย แต่ถ้าใครอยากได้ถูกกว่านี้ จอเล็กกว่านี้ ซีรีส์นี้ก็จะมีอีก 2 ขนาดคือ 32 นิ้ว และ 43 นิ้ว ให้เลือกครับ ใช้ Android TV ทั้งหมด ลงแอปได้ทุกตัว

ดีไซน์

ด้านหน้าจอของ Mi TV P1 นั้นใช้ดีไซน์แบบ Limitless คือทำกรอบทีวีให้บางที่สุด ขอบด้านบน-ซ้าย-ขวา หนาไม่ถึง 1 cm ส่วนขอบด้านล่างจะหนาขึ้นมาหน่อย ดูรวม ๆ แล้วก็ถือเป็นกรอบทีวีที่บางสำหรับระดับราคานี้

ส่วนขาตั้งใช้ดีไซน์ขาตั้งแบบกิ่งไม้เพื่อวางทีวี แต่ถ้าต้องการแขวนผนังก็สามารถถอดขาตั้งออกเพื่อใช้กับตัวแขวนผนังได้เลย

แม้ว่าวัสดุทั้งหมดของทีวีจะเป็นพลาสติกสีดำเงา แต่เป็นดีไซน์ที่ทำให้ภาพในจอโดดเด่น สวยงามกว่าตัวทีวี
ด้านหลัง ต้องบอกว่า Mi TV P1 ไม่ได้เน้นดีไซน์ด้านหลังเท่าไหร่ เพราะงั้นติดตั้งให้ชิดเข้ากำแพงไปเลยจะดีกว่า

ส่วนพอร์ตหลังเครื่องก็ให้มาครบมาก ๆ ตั้งแต่ HDMI 3 พอร์ตที่มี 1 พอร์ตเป็นแบบ ARC สำหรับต่อ Soundbar ช่อง USB 2.0 ให้ 2 พอร์ต, ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 mm และช่องเสียงแบบ Optical ก็มีให้ พร้อมช่องเสียบสาย LAN, ช่องเสียบสาย AV 3 สีแบบโบราณ และช่องเสียบสายอากาศครับ จัดเต็มแบบไม่ขาดตกพอร์ตสำคัญไหนไปเลย

หน้าจอ

Mi TV P1 รุ่น 55 นิ้วถือว่าเป็นจอที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในตระกูล P1 ทั้งหมดนะครับ ด้วยความละเอียด 4K ที่ 60 Hz พร้อมรองรับ Dolby Vision และ HDR10+ ด้วยสีพันล้านเฉด และมีขอบเขตสี 88% ของขอบเขตสี NTSC ซึ่งปกตินี่จะเป็นสเปกของทีวีที่มีราคาแพงกว่านี้

ดูภาพในทีวี ถ้าเนื้อหาไหนรองรับ Dolby Vision ใน Netflix ก็จะแสดงโลโก้ชัด ๆ ลองเปิดเข้าไปดู จะเห็นว่า Netflix สามารถเล่นภาพระดับ 4K แบบ Dolby Vision ได้เลย

ซึ่งก็ให้ภาพออกมาสวยงามเกินราคาทีวีไปเลย สีสันอิ่มแน่น รายละเอียดส่วนมืดส่วนสว่างออกมาได้ดี แม้ว่า Mi TV P1 จะไม่ได้ใช้แผงหน้าจอที่มี Local Dimming ที่ทำให้แสงด้านหลังมืดเป็นโซน ๆ แต่แต่ก็ยังให้ Contrast ของภาพได้ดูดี แล้วก็มีระบบ Global Dimming ที่ทั้งหน้าจอจะลดแสงเองเมื่อแสดงฉากมืด ทำให้รู้สึกจอแสดงสีดำได้ลึกขึ้น

ทดลองกดโหมด “การทำการเคลื่อนไหวให้ราบลื่น” หรือ MEMC ก็จะเห็นว่าทีวีสามารถแทรกเฟรมภาพให้เป็น 60 fps ได้อย่างนุ่มนวล

ซึ่งเราสามารถปรับการแทรกเฟรมนี้ได้ 3 ระดับ จะให้นุ่มนวลมาก ๆ หรือจะให้ดูคมชัดก็ได้ ซึ่งโหมดนี้ผู้ใช้ทีวีน่าจะชอบเลยแหละ เพราะขนาดภาพระดับ 4K Dolby Vision จาก Netflix ยังปรับให้เคลื่อนไหวนุ่มขึ้นแบบไม่หลอกตาได้

Youtube ก็แสดงวิดีโอ 4K HDR ได้อย่างสมบูรณ์ดีเหมือนกัน ซึ่งรายละเอียดจาก Youtube ก็บอกว่ารองรับ AV1 Codec แล้วด้วย ก็ทำให้ส่งวิดีโอความละเอียดสูงได้ดีขึ้นด้วยการใช้อัตราข้อมูลน้อยลง ทำให้มีปัญหาคลิปกระตุกจากอินเทอร์เน็ตช้าน้อยลง

เสียง

ส่วนเรื่องเสียง Mi TV P1 มีลำโพงสเตอริโอ 10 Watt 2 ตัว ติดตั้งอยู่ด้านล่างของทีวี ยิงเสียงสะท้อนโต๊ะออกมา รองรับ Dolby Audio และ DTS-HD ให้เสียงได้คมชัดสดใส เปิดเพลงฟังก็ไพเราะเพราะพริ้งอยู่ ให้เสียงดีพอและดังพอสำหรับการใช้งานตามบ้านทั่วไป

แต่สำหรับคอหนัง เบสยังน้อยไป และมิติเสียงซ้าย-ขวายังแคบไปหน่อย ก็แนะนำให้ซื้อ Soundbar มาเสริมจะทำให้ได้อรรสรสขึ้น

ฟีเจอร์อื่น ๆ

ขึ้นชื่อว่าผลิตภัณฑ์จาก Xiaomi มันก็ต้องมีระบบอัจฉริยะมาด้วยอยู่แล้ว Mi TV P1 เลยใช้ Android TV 10 ที่สามารถลงแอปเพิ่มได้มากมาย แอปความบันเทิงดัง ๆ ในไทยนั้นมีหมด ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Youtube, Viu, HBO, LINE TV, True ID Mono Max, iQiyi, WeTV หรือ Disney+ ที่จะให้บริการในไทยเร็ว ๆ นี้ ก็โหลดมาลงได้ทั้งนั้นครับ แอปฟังเพลงอย่าง Spotify, Tidal ก็ใช้ได้

นอกจากนี้ยังสามารถส่งภาพจากมือถือขึ้นจอแบบไร้สายได้ด้วย Chromecast หรือ Miracast นะครับ ถ้าเป็น Android ก็ยิงภาพขึ้นได้ง่าย ๆ เลย แต่ไม่รองรับ Apple AirPlay นะครับ ถ้าจะส่งภาพจากอุปกรณ์แอปเปิลต้องซื้อ Apple TV มาต่อนะ

ส่วนความลื่นไหลของระบบปฏิบัติการ ถือว่าทำได้ดีเลยครับ การสั่งงานนั้นตอบสนองรวดเร็วมาก ๆ สั่งแล้วไม่หน่วง ส่วนพื้นที่ในเครื่องมีมาให้ 16 GB เหลือใช้งานได้ราว 12 GB ก็เพียงพอสำหรับการลงแอปต่าง ๆ ครับ
และพอเป็น Android TV เราก็สามารถใช้งาน Google Assistant ได้ กดปุ่มแล้วพูดภาษาไทยสั่งเข้าไปที่รีโมตได้เลย เช่น “สภาพอากาศวันนี้” “เล่าเรื่องตลกให้ฟังหน่อย”

หรือใช้สั่งอุปกรณ์ IoT ในบ้านที่อยู่บนระบบของ Google Home ได้ด้วย สั่งไปถึงอุปกรณ์ของ Xiaomi เองได้ด้วย เช่น “เปิดเครื่องฟอกอากาศ” เท่านี้เราก็มีทีวีเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสั่งงานอุปกรณ์ในบ้าน

ซึ่ง Mi TV P1 รุ่นขนาดหน้าจอ 55 นิ้ว และ 43 นิ้ว ยังมีไมโครโฟนที่ตัวเครื่อง จึงสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ทันที โดยไม่ต้องถือรีโมตคอนโทรล เสมือนมี Smart Speaker อีกตัวหนึ่ง พูด Hey Google แล้วสั่งงานได้เลย หรือถ้าไม่ต้องการใช้ก็เลื่อนสวิตซ์ปิดไมค์ได้

ตัวรีโมตของ Mi TV P1 นั้นเป็นรีโมต Bluetooth เลยสามารถทำงานแบบ 360 องศา ไม่จำเป็นต้องหันรีโมตเข้าทีวีก็สั่งงานได้ ซึ่งหน้าตารีโมตชัด ๆ ปุ่มไม่เยอะเกินจนดูโบราณ แล้วสัมผัสในการใช้งานก็แน่นหนา กดสนุกดี

จุดสังเกต

อย่างแรกที่เราใช้แล้วรู้สึกขัด ๆ คือมันไม่มีทางลัดในการเข้าเมนูเลือกโหมดภาพหรือเลือกโหมดเสียงครับ ต้องกดปุ่ม Settings แล้วก็เลื่อนเมนูไกลและหลายชั้น กว่าจะปรับได้ ซึ่งสำหรับเราที่ปรับจูนภาพบ่อย ๆ เช่น ปรับอัตราการแทรกเฟรมภาพให้นุ่ม หรือปรับความสว่างภาพ รวมถึงปรับโหมดเสียงให้เหมาะกับเนื้อหาแต่ละเครื่อง ก็แอบเหนื่อยบ้าง

ราคา

โดยรุ่น 55 นิ้ว ที่เรารีวิวตัวนี้ ตั้งราคาเปิดตัวไว้ที่ 15,990 บาท ส่วนรุ่นรอง จอ 43 นิ้ว ที่เป็นจอ 4K HDR Dolby Vision คล้าย ๆ กันแต่สเปกจอด้อยกว่านิดหนึ่ง ก็มีราคาเปิดตัวแค่ 11,490 บาท และรุ่นเล็กสุด 32 นิ้ว ที่เป็นจอ HD ความละเอียด 1366 x 768 pixel และไม่รองรับ HDR ใด ๆ เลย ก็มีราคาแค่ 6,990 บาทครับ ซึ่ง Mi TV P1 จะเริ่มต้นจำหน่ายที่ Lazada, JD Central, Shopee, และร้าน Mi Stores ที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนนี้

ส่วนใครอยากได้ทีวีพรีเมียมไปเลย Xiaomi ประเทศไทยยังวางขาย Mi TV Q1 ทีวีจอ QLED ที่สามารถหรี่แสงด้านหลังเป็นโซนได้ในขนาด 75 นิ้ว แค่ 44,990 บาท ถือว่าถูกมากสำหรับทีวีจอใหญ่ขนาดนี้ แล้วแผงหน้าจอเป็น QLED

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส