วันนี้จะพามารู้จักเทคโนโลยีใหม่ของเครื่องฟอกอากาศ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์ ที่ชื่อ Two Pole Active หรือ TPA ซึ่งอยู่ใน Airdog ชื่อแปลกมาก แล้วแตกต่างจากเครื่องฟอกอากาศแบบเดิมที่เรารู้จักอย่างไร วันนี้จะมาแบไต๋หมดเปลือก

ดีไซน์

Airdog ไม่ใช่แอร์ของสุนัข แต่เป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้าสภาพอากาศให้เราต่างหาก รูปลักษณ์ภายนอกก็สวยงาม นี่คือ Airdog X5 มาพร้อมตัวเครื่องสีขาว พร้อมแถบดำที่มีจอแสดงสถานะการทำงาน รวมถึงค่าของคุณภาพอากาศด้วยซึ่ง Airdog เค้าใช้การวัดคุณภาพอากาศมาตรฐาน AQI Air Quality Index ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกก็ให้คุณมั่นใจได้ในคุณภาพอากาศที่ แสดงค่าได้ละเอียดกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป

ส่วนด้านบนจะมีปุ่มแบบ One Button Operation คือ 1 ปุ่มควบคุมทั้งเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นระดับความแรงของพัดลม เปลี่ยนการทำงานเป็น Sleep Mode ได้ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในห้องนอนเพราะทำงานเงียบ ไม่มีเสียงรบกวนขณะคุณนอนหลับด้วย ส่วนสัญลักษณ์ที่อยู่บน Sleep Mode คือ Child Lock เป็นฟังก์ชันที่ป้องกันเด็กเล็กมากดเล่นได้ อันนี้จะต้องสั่งการผ่านรีโมตคอนโทรลที่มีให้

นวัตกรรมการกรองแบบ “TPA Technology”

ต่อที่พระเอกของเครื่องนี้กันบ้างกับนวัตกรรมการกรองที่ไม่ต้องคอยเปลี่ยนฟิลเตอร์อีกต่อไป เพราะ Airdog ใช้นวัตกรรมการกรองแบบ “TPA Technology” หรือ Two Pole Active ที่แปลว่า 2 ประจุ คือประจุบวกและประจุลบ ไว้คอยฆ่าเชื้อและแบคทีเรียรวมถึงเก็บซากเชื้อไว้ไม่ให้ฟุ้งกระจาย โดยเทคโนโลยี TPA นี้ก็จะทำงาน 4 ขั้นตอนคือ “กรอง ฆ่า ดัก ฟอก” ผ่านฟิลเตอร์ 4 ชั้น

หลักการคือ พัดลมจะดูดอากาศผ่านรอบตัวเครื่องแล้วก็จะผ่านมาที่ฟิลเตอร์ ชิ้นแรกล่างสุด คือ พรีฟิลเตอร์ หรือว่า ชั้นกรองหยาบ ลักษณะจะเป็นตะแกรงเล็ก ๆ ที่กรองได้ทั้ง ฝุ่นผง ฝุ่นผ้า เส้นผม และ ขนสัตว์

จากนั้น ฝุ่นหรือเชื้อโรค ที่เล็กกว่าก็จะมาถึงชั้นที่ 2 ชั้นม่านประจุไฟฟ้า ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้า 40,000 โวลต์ ออกมาเพื่อฆ่าเชื้อโรคให้กลายเป็นซากไป ชั้นต่อไปยังชั้นที่ 3 ชั้นนี้แหละครับคือพระเอก ชั้นกล่องเก็บฝุ่นนี้จะมีประจุเป็นบวกทำหน้าที่เหมือนแม่เหล็ก ที่คอยดูด สิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้มาติด และไม่ฟุ้งกระจาย ซึ่งในชั้นนี้สามารถถอดล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งระบบนี้สามารถกรองได้ละเอียดถึง 0.0146 ไมครอน จึงดักจับฝุ่น PM 2.5 และสิ่งสกปรกที่ลอยในอากาศ อีกทั้งเหนี่ยวนำซากเชื้อไปเก็บได้ถึง 99.9%

ชั้นที่ 4 โอโซนรีมูฟเวอร์ ชั้นนี้จะมีคาร์บอนคอยดูดกลิ่นและสารระเหย เช่น สารเคมี Fomaldehyde (ฟอร์-มาล-ดี-ไฮด์) ที่ก่อให้เกิดอาการแสบจมูก ควันบุหรี่ เมื่อผ่านทั้ง 4 ชั้นฟอกอากาศ ก็จะได้อากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่น

ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาก็ทำให้ Airdog กำจัดกลิ่นควันบุหรี่ในบ้าน ฝุ่น PM 2.5 สารเคมี Fomaldehyde (ฟอร์-มาล-ดี-ไฮด์) และสารระเหยได้ถึง 99.9% พร้อมฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรียภายในเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งมีผลรับรองจากสถาบันมาตรฐานระดับโลกอีกด้วย

ทดสอบการใช้งาน

อธิบายเทคโนโลยี TPA ไปแล้ว ได้เวลาทดสอบแบบฉบับแบไต๋กันครับ ในขั้นตอนของการทดสอบ เราใช้อุปกรณ์ปิ้งย่าง ทำให้เกิดควัน แล้วใช้กล่องอะคริลิค ครอบควัน airdog และตัววัด pm ประมาณ 5-10 นาที แล้วให้เครื่องฟอกอากาศทำงานจนควันหายหมดจากกล่องอะคริลิค

ใส่เครื่องเข้าไปแล้วกดเปิดเครื่องโดยรีโมต หรือว่าจะสั่งงานผ่านแอป Airdog ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ซึ่งมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้และควบคุมเครื่องฟอกอากาศ Airdog ได้สูงสุด 8 เครื่องอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าแม้ควันจะเต็มกล่องที่เราครอบเอาไว้ แต่ Airdog สามารถฟอกอากาศแบบเอาอยู่ทุกรูปแบบ จาก AQI สีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว โดยใช้เวลาประมาณ 8 นาที

การทำความสะอาด

เครื่องฟอกอากาศแบบเดิมที่เราคุ้นเคย เวลาฟิลเตอร์ตัน เราจะต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง แต่ฟิลเตอร์ของ Airdog สามารถถอดทำความสะอาดได้ ไม่เสียเวลาไปทำความสะอาดกัน

อย่างแรกใช้กะละมัง ต่อมาเราจะทำการถอดฝาหลัง แล้วมีฟิลเตอร์ ซึ่งที่ถอดทำความสะอาดได้มี 3 ชิ้น อย่างชิ้นแรกคือ พรีฟิลเตอร์ อันนี้ทำความสะอาดได้ผ่านแปรงขนาดเล็ก สามารถล้างขัดทำความสะอาดได้

ชิ้นต่อไปเป็นตัวดักฝุ่น อันนี้ใช้แปรงใหญ่หน่อย ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาล้างจานได้ครับ อีก 1 ชิ้นคือ ม่านประจุไฟฟ้า อันนี้ทาง Airdog แนะนำว่าให้ใช้ฟองน้ำแห้งเช็ดเบา ๆ ทั้ง 2 ด้าน ก็สะอาดแล้ว

จากนั้นตากให้แห้ง หรือผึ่งกับพัดลมใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถประกอบกลับและใช้งานได้เลย อันนี้ ทั้งนี้หากทำความสะอาดและดูแลอย่างต่อเนื่อง จะสามารถใช้งานได้นาน 5-10 ปี หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้ว Airdog มันต่างกับเครื่องฟอกอากาศแบบที่ใช้ HEPA (High Efficiency Particulate Air fliter) ยังไง ผมเล่าให้ฟังเป็นข้อ ๆ แบบนี้

  1. เครื่องกรองแบบ Hepa Filter สามารถกรองฝุ่นและเชื้อโรคได้ แต่เชื้อโรคไม่ได้ตายนะ ซึ่งก็มีโอกาสที่เชื้อโรคจะมีการเติบโตยิ่งเมืองไทยร้อนชื้นด้วย และเมื่อเราเปลี่ยนฟิลเตอร์ก็โอกาสที่เชื้อจะกระจายอยู่
  2. กรองแบบ Hepa Filter ต้องซื้อเปลี่ยนตามเวลา ซึ่งค่าใช้จ่ายของกรองในเครื่องฟอกระดับนี้ต่อปีก็เป็นหมื่นบาท แต่ของ Airdog แค่ทำความสะอาดก็ใช้ต่อได้
  3. ข้อสุดท้ายอันนี้คือ Airdog ไม่มีขยะเหลือทิ้ง อย่างที่บอกว่า Hepa Filter ต้องซื้อเปลี่ยน และ Hepa Filter ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ

เห็นฆ่าเชื้อ ดักฝุ่น เป็นเทคโนโลยีรักษ์โลกนะ และขั้นตอนการกรองต่าง ๆ ก็ไม่ได้เปลืองไฟอะไร เพราะกินไฟเพียง 60 วัตต์!

จากที่เราทดสอบทั้งการฟอกอากาศและการทำความสะอาดของ Airdog X5 เห็นได้ชัดครับว่าเทคโนโลยีฟอกอากาศทำงานได้ดี และดูแลง่ายจริง ๆ อีกทั้งมีการใช้งานจริงในสถานที่ต่าง ๆ อย่าง โรงพยาบาลสัตว์ โรงพยาบาลสนาม และ คอนโดโครงการต่าง ๆ อย่าง AssetWise , AP Thai

ข้อสังเกต

เครื่องฟอกอากาศ Airdog X5 นั้นคือเรื่องพื้นที่ครับ พื้นที่ที่เหมาะสมในการใช้งานคือ 65 ตารางเมตรและความสูงไม่เกิน 2.70 เมตร จะใช้เวลาฟอกอากาศ 15 นาที แต่หากจะใช้พื้นที่มากกว่า กองบรรณาธิการได้ทดสอบมาแล้วทำงานได้ครับ แต่จะใช้เวลานานกว่าปกติถึง 30 นาที

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

เครื่องฟอกอากาศ Airdog รุ่น X5 มีราคาอยู่ที่ 29,900 บาท มาพร้อมการรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี สำหรับใครที่สนใจเครื่องฟอกอากาศ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Airdog Thailand ในนามบริษัท นภาโซลูชั่นส์ จำกัด ตัวแทนจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในไทยห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศครับ ช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada , Shopee และ Line Official airdogthailand

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส