ในฐานะคนที่เล่นเกม ROV บ่อย ๆ ออมพูดตรง ๆ เลยนะคะว่า Infinix Note 10 Pro เล่น ROV ได้ลื่นมากจริง ๆ เฟรมเรตอยู่ในระดับ 60 เฟรมไม่ตกเลย จังหวะทีมไฟต์ก็ไม่มีปัญหา แถมการทัชก็ไม่มีสะดุด

มาดูหน้าจอ Setting จะเห็นนะคะว่าออมตั้งค่าให้ทุกอย่างดีที่สุดแล้ว ที่สำคัญไม่ร้อนด้วย ชิลล์ ๆ เลย

ด้วยความสามารถขนาดนี้เหมาะสมแล้วที่ Infinix Note 10 Pro ได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขัน ROV Pro league และกิจกรรม ROV Show Match Event ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

และความสามารถของเครื่องนี้จะมีอะไรอีกบ้าง เดี๋ยวออมจะพาทุกคนไปแบไต๋กันกับ Infinix Note 10 Pro: Game Changer – เปลี่ยนทุกกฎที่เคยมี ในเมื่อจุดเด่นของ Infinix Note 10 Pro คือความสามารถที่คุ้มค่ากับราคา งั้นออมจะมาประกาศราคากันเลย Infinix Note 10 Pro ราคาของเครื่องนี้อยู่ที่ 5,990 บาท เท่านั้น ซึ่งจะเป็น Exclusive Sale บน Shopee เท่านั้น

และจะยิ่งถูกกว่านี้เพราะในช่วงเทศกาล Double 8.8 วันที่ 5-8 สิงหาคมนี้ ราคาจะลดเหลือเพลง 5,599 เท่านั้น

และยังไม่พอ ระหว่างวันที่ 2 – 4 สิงหาคมนี้ยังมีคูปองส่วนลดให้เก็บอีก เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการขายวันแรกก็คือ 5 สิงหาคมเท่านั้น นั่นหมายความว่าราคาที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะได้คือ 5,499 บาท หรือ 5,500 มีทอน!

เห็นราคา Infinix Note 10 Pro ดีแบบนี้ออมบอกเลยนะคะว่าเขาไม่ได้ทำได้แค่เล่น RoV เท่านั้น ส่วนจะมีอะไรบ้าง เราไปแบไต๋กันเลย! เรามาลองทดสอบกับเกมที่ได้ชื่อว่ากินสเปกมากที่สุดเกมหนึ่งในเสมาร์ตโฟนอย่าง Genshin Impact กัน

เดี๋ยวออมจะลองตั้งค่าให้ทุกอย่างสูงสุดและปรับ FPS เป็น 60 ดูนะคะ นี่เลยระบบเตือนว่ามันมีการ Overclocked คือการดึงศักยภาพของ CPU ให้ทำงานสูงกว่าปกติ เอาละเรามาลองเล่นกัน… ภาพที่ได้ก็ต้องบอกว่าลื่นและสวยพอสมควรเลย เก็บรายละเอียดได้ ใบไม้ใบหญ้า เสื้อผ้าตัวละครก็เห็นชัดเจน ไม่ได้เป็นวุ้น เพียงแต่จะมีอาการหน่วงนิด ๆ กดแล้วรู้สึกบางจังหวะก็ไม่ติดมือ รวมไปถึงอาจจะมีบางจังหวะที่ FPS ตกถ้าเราหันจอเร็ว ๆ แต่แทบไม่ได้เป็นปัญหาในการเล่นเลย สรุปคือเล่นได้ค่ะ ส่วนความร้อนก็ถือว่ามีพอสมควร

งั้นเดี๋ยวเรามาลองตั้งค่าเป็นระดับกลาง นี่ค่ะระบบบอกเลยว่ามันจะ Smooth คือลื่นไหลภาพที่ได้ก็แทบไม่ต่างจากการตั้งค่าสูงสุดเลย ยังสวยงามอยู่ รายละเอียดมี แถมลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง กดแล้วติดมือ ส่วนความร้อนครั้งนี้บอกเลยว่าชิลล์ ๆ มีอุ่นบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ตามการใช้งาน

มาดูกันที่ CPU นะคะ รุ่นนี้ใช้เป็น MediaTeK Helio G90T ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะจุดเด่นคือมี 8 คอร์ (Octa-core) ความเร็วสูงสุด 2.05 GHz มาพร้อมกับ HyperEngine Gaming Technology เทคโนโลยีที่ช่วยให้การตอบสนองต่าง ๆ ภายในเครื่องรวดเร็วยิ่งขึ้น กดปุ๊บติดปั๊บ

ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับ Dar-link Ultimate AI Game Booster ที่จะประเมินภาพกราฟิกของเกมล่วงหน้าเพื่อลดความล่าช้า หรือที่เรียกว่าอาการ Lag เพื่อให้เครื่องเสถียรที่สุด พูดง่าย ๆ คือเวลาเล่นเราจะไม่แลค หรือแลคน้อยลงนั่นเอง

ซึ่งจากที่ออมทดสอบด้วยการเล่น RoV และ Genshin Impact ให้ทุกคนดูเมื่อต้นคลิปแล้ว ก็ต้องบอกว่ามันทำงานได้ดีทีเดียว และนี่ก็คือการทดสอบกับโปรแกรม 3DMark นะคะ ในโหมด Wild Life Stress Test ได้คะแนนเสถียรอยู่ที่ราว ๆ 1,360 คะแนน ส่วนการทดสอบกับโปรแกรม Geekbench 5 แบบ Single-Core อยู่ที่ 511 คะแนน ส่วน Multi-Core อยู่ที่ 1683 คะแนน

เรามาดูกันที่กล่องบ้างนะคะ อย่างที่บอกไปว่า Infinix Note 10 Pro เป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขัน ROV เลยมีแพ็คเกจพิเศษออกมาด้วย ภายนอกก็เป็นกระดาษเงานะคะ พิมพ์ลายตัวละครจากเกม ROV แล้วก็มีสโลแกนของรุ่นนี้ Game Changer – เปลี่ยนทุกกฎที่เคยมี

ส่วนภายในกล่องก็ประกอบไปด้วยหูฟังบลูทูธรุ่น Infinix 002 กับเสื้อ Infinix Note 10 Pro x ROV แต่ที่น่าเสียดายคือแพ็คเกจนี้ไม่มีวางขายค่ะ เป็นเพียงแค่ตัวโชว์เท่านั้น ซึ่ง หากเราซื้อตามปกติก็จะได้แค่กล่องนี้เท่านั้น

ดีไซน์

มาดูกันที่ตัวเครื่องกันดีกว่าค่ะ มีทั้งหมด 3 สี คือ 95 Degree Black, NORDIC SECRET และ 7 Degree Purple ที่ออมได้มารีวิวจะเป็นสี 7 Degree Purple ที่มีลักษณะเป็นสีม่วงอ่อน ๆ แต่ที่เก๋คือด้านหลังฝาเครื่องบริเวณครึ่งล่างจะมีการเพิ่มลวดลายแนวตั้งลงไป พร้อมกับมีโลโก Infinix ทำให้เครื่องดูมีมิติสวยงามมากขึ้นค่ะ

ส่วนวัสดุก็เป็นพลาสติก แต่การประกอบก็ต้องบอกว่าทำได้ดีและดูแข็งแรง แน่นอนว่าพอเป็นสมาร์ตโฟนเล่นเกม ขนาดจอก็ต้องใหญ่ทำให้เครื่องมีขนาดใหญ่ตาม แต่จะหนักไหม เรามาชั่งกันเลยค่ะ… น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ xxx กรัม ออมว่ากำลังดีนะ เหมาะกับขนาดเครื่องค่ะ

ในส่วนของหน้าจอ อย่างที่บอกว่าพอเป็นสมาร์ตโฟนเล่นเกม ดังนั้นมันก็ต้องมีขนาดที่ใหญ่ Infinix Note 10 Pro เลยให้มาในขนาด 6.95 นิ้ว ความละเอียดเป็น FHD+ 1080*2460 บอกเลยว่าเห็นเต็มตา ที่สำคัญยังใส่รีเฟรชเรตมาให้ถึง 90 Hz ซึ่งจากลองใช้ก็ต้องบอกว่าลื่นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือการเล่นเกม

กล้อง

เรามาดูเรื่องกล้องกันบ้างนะคะ Infinix Note 10 Pro ให้เรามาทั้งหมด 5 เลนส์นะคะ แบ่งเป็น

  • กล้องหลัก 64 MP
  • AI Cam
  • เลนส์ Ultra Wide
  • เลนส์ Super Macro
  • กล้องหน้า 16 MP

ในการถ่ายภาพทั่วไปเราสามารถเปิดโหมดให้ถ่ายเต็มความละเอียด 64 ล้านพิกเซลได้ แต่ถ้าถ่ายทั่วไปไม่ได้เอาซูมใช้โหมดปกติ 16 ล้านพิกเซลก็พอครับ เพราะคุณภาพโดยรวมจะดีกว่า ส่วนกล้องหน้าจะถ่ายได้สูงสุดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล ซึ่งภาพที่ได้ก็ถือว่าน่าพอใจมา ๆ โดยเฉพาะกล้องหน้าคมชัดจริง ๆ ค่ะ

ในส่วนของ Ultra Wide สำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง และ Super Macro สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้ ๆ จะถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 8 ล้านพิกเซล เพียงแต่ Ultra Wide ต้องไปถ่ายที่แสงเยอะสักหน่อย เพื่อให้ภาพเก็บรายละเอียดได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในส่วนของ AI CAM ของ Infinix Note 10 Pro ไม่ได้ย่อมาจาก Artificial Intelligence นะคะ แต่ย่อมาจาก Auto – Identify ซึ่งจะช่วยระบุว่าภาพที่เราถ่ายนั้นเป็นภาพประเภทไหนเช่น เป็นภาพ Portrait, ภาพ Food, ภาพ Text จากนั้นกล้องก็จะมีการตั้งค่าการถ่ายให้ออกมาเหมาะสมกับภาพนั้น ซึ่งเราก็สามารถถ่ายได้ถึง 64 MP เช่นกัน

ในส่วนของโหมดอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มีอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น Beauty, AR Shot, Slow Motion, Panorama, Time-Lapse, Documents รวมไปถึง Super Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืนซึ่งการถ่ายกลางคืนก็ถือว่าค่อนข้างโอเค ยังสามารถเก็บรายละเอียดได้แม้ในที่แสงน้อย ซึ่งจะถ่ายได้สูงสุดที่ 16 MP

ในส่วนของการถ่ายวิดีโอ Infinix HOT 10S จะถ่ายสูงสุดได้ที่ 4K 30FPS นะคะ ทั้งกล้องหน้าแล้วก็กล้องหลังเลย แถมยังมีระบบกันสั่น Vidhance Video Stabilization มาให้ ที่สามารถกันสั่นได้พอสมควรเลย เพียงแต่จะถ่ายได้สูงสุดแค่ 1080P 30FPS เท่านั้น ทั้งกล้องหน้ากล้องหลังเลย

ที่น่าสนใจคือในส่วนของฟังชัน Creative short videos ที่ให้เราสามารถเลือกถ่ายวิดีโอเจ๋ง ๆ คูล ๆ ได้ผ่านเทมเพลตหรือฟิลเตอร์ที่ให้มาในเครื่องโดยที่ไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันมาเพิ่ม ซึ่งเราจะถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ HD หรือ 1280*720 เท่านั้น

แบตเตอรี่

มาดูกันที่แบตเตอรี่ รุ่นนี้ให้มา 5000 MAh พร้อมระบบฟาร์ตชาร์จ 33W จากการทดสอบด้วยการชาร์จจาก 0% ไปจนถึง 100% ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลย ส่วนการเล่นเกมอย่าง RoV เล่นจบไปหนึ่งแมตช์ประมาณ 14 นาที แบตจาก 61% ลดเหลือ 57% เท่านั้น ก็ถือว่าแบตอึดใช้ได้เลยค่ะ

สเปก

  • ระบบปฏิบัติการเป็น XOS Based on Android 11
  • RAM 8GB ROM 128GB
  • รองรับการสแกนใบหน้า
  • และสแกนนิ้วทางด้านข้าง
  • ลำโพงมี 2 ตัวด้านล่าง 1 ตัว และบริเวณกล้องหน้าอีก 1 ตัว
  • ช่องใส่หูฟังขนาด 3.5
  • ช่องชาร์จ USB Type C
  • รองรับ 2 SIM และ 1 Micro SD การ์ด ซึ่งตรงนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าสามารถใส่ได้สูงสุดถึง 2TB ค่ะ

ข้อสังเกต

สิ่งเดียวที่ออมมองว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกคือเรื่องของ 5G ค่ะ ด้วยความสามารถของ Infinix Note 10 Pro ที่ค่อนข้างครบเครื่อง จอใหญ่ ลื่น กล้อง 64 ล้าน แถม RAM ยังให้มาถึง 8GB ถ้าในอนาคตสามารถพัฒนาจนสามารถใส่ 5G ในเรนจ์ราคาขนาดนี้ได้ด้วย ออมว่าจะยิ่งเจ๋งมาก ๆ เลยค่ะ

และสุดท้ายออมมีกิจกรรมมาให้ทุกคนร่วมสนุกลุ้นรับ Skin สวย ๆ จากเกม RoV กัน เพียงเข้าไปกด Like เพจเฟซบุ๊ก Infinix Mobile Thailand แชร์ VDO นี้บนโซเชียลมีเดียของคุณ และใส่ Hashtag #InfinixNOTE10Pro #Gamechanger จากนั้น Capture หน้าจอที่แชร์ แล้ว Inbox ไปที่เพจเฟซบุ๊ก Infinix Mobile Thailand

แค่นี้ทุกคนก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ Item Code จาก RoV ไว้สุ่มลุ้น Skin สวย ๆ ในเกมได้เลย ใครแชร์ก่อน ส่งก่อน ได้ก่อน ของรางวัลมีจำนวนจำกัดน้า

สุดท้ายขอย้ำราคากันอีกที Infinix Note 10 Pro ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 5,999 บาทเท่านั้น กับ Infinix Note 10 Pro: Game Changer – เปลี่ยนทุกกฎที่เคยมี