วันนี้ต้าจะมาลองของใหม่จาก ROG อย่าง Zephyrus M16 โน้ตบุ๊กเกมมิงสเปกสุดจัด Intel Core i9-11900H จับคู่มากับ RTX 3070 พร้อมจอ 2K 165Hz กับน้ำหนักไม่ถึง 2 กก. แรงและเบาแบบนี้ ทำไมเกมเมอร์อย่างต้า หรือคนสายตัดต่อจะไม่อยากได้ล่ะไป #beartai กัน

ปกติแล้วโน้ตบุ๊กเกมมิงทั่วไป น้ำหนักก็ไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไร ประมาณ 2.5 กก. ขึ้นไป พอรวมอะแดปเตอร์ก็ 3 เกือบ 4 กก. แบกกันหลังแอ่น แต่ Zephyrus M16 ตัวนี้เบากว่าเยอะ หนักแค่ 2.0 กก. เท่านั้นเองครับ ซึ่งพอรวมอะแดปเตอร์ก็จะอยู่ที่ 2.7 กก. ต้าว่าเบากว่าหลายรุ่นที่เคยรีวิวมาเลย รวมถึงตัวที่ต้าใช้อยู่ด้วยนะ

ดีไซน์

เรื่องดีไซน์ก็ต้องชม ROG ที่สรรหาลูกเล่นมาใส่ฝาหลังอยู่เสมอ โดยในรุ่นนี้ ก็มาพร้อมกับลวดลาย Dot Matrix เวลาสะท้อนแสงก็จะเห็นสีรุ้งด้าน จากในคล้ายกับดาวตกครับ ตัววัสดุเป็นอลูมิเนียมผสมและมีการโค้ทติ้งเพื่อกันไฟฟ้าสถิต ติดรอยนิ้วมือง่าย แต่ก็เช็ดออกได้ครับ ส่วนมุมล่างก็จะมีโลโก้ของ ROG Republic of Gamers ครับ

ถัดมาดูข้างเครื่องกันบ้าง ROG Zephyrus M16 ก็ให้มาค่อนข้างครบนะครับ มีพอร์ต USB-A 3.2 Gen 1, ช่องอ่าน MicroSD Card ซึ่งตรงนี้ต้าว่าน่าจะให้มาเป็นช่องอ่าน SD Card เพราะสายตัดต่อหรือถ่ายภาพที่ต้องถอดเมมออกจากกล้องจะได้เอามาเสียบกับเครื่องเลย

ส่วนฝั่งซ้ายก็มีช่องชาร์จไฟ, ช่อง HDMI, ช่อง LAN RJ45, ช่อง USB-A 3.2 Gen 2, Thunderbolt 4 ที่รองรับการชาร์จ 100W, และ USB-3.2 Gen 2 ที่เป็นพอร์ต DP ในตัว สุดท้ายเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งตำแหน่งที่อยู่ฝั่งซ้ายทั้งหมดถือว่าโอเคนะครับ เพราะถ้าไปอยู่ฝั่งขวาสายมันจะไปขัดกับเมาส์

ใต้เครื่องก็ไม่มีอะไรมากครับ มีช่องดูดอากาศสองช่อง และยางรองเครื่องที่ค่อนข้างสูง เพื่อให้อากาศไหลเวียนดีขึ้น ส่วนช่องระบายอากาศร้อนก็มี 4 จุดครับ ซ้าย-ขวา และหลังเครื่อง 2 ช่องครับ

พูดถึงเรื่องระบายความร้อน ROG ก็ให้ความสำคัญในทุกรุ่นนะครับ รุ่นนี้ก็ยังคงใช้ โลหะเหลวของ Thermal Grizzly ที่นำความร้อนได้ดีกว่าซิลิโคนนำความร้อนทั่วไป และถ้าสังเกตดูจะเห็นฮีตไปป์ถึง 6 เส้นเลยทีเดียว ขดกันอย่างกับรางรถทามิย่า!

และอีกจุดที่ต้าต้องพูดถึงคือ บานพับจอแบบ Ergolift 180 องศา ที่เปิดหน้าจอแนบกับพื้นได้ ทำให้เวลาประชุมหรือเวลาที่ต้องการให้เพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเราดูหน้าจอเราไปด้วยก็สามารถทำได้สะดวกมาก ๆ ซึ่งแบบนี้โน้ตบุ๊กทั่วเกมมิงทั่วไปทำไม่ได้ครับ นอกจากนี้เวลาเปิดจอ เครื่องก็ยังยกตัวขึ้น เพื่อช่วยเรื่องความร้อน องศาการพิมพ์ และคุณภาพเสียงครับ

หน้าจอ

เรื่องจอของ ROG Zephyrus M16 ถือว่าเด็ดมาก เพราะใส่จอ 16 นิ้ว ในสัดส่วน 16:10 มาทำให้พื้นที่ในการใช้งานกว้างขึ้น หากเทียบกับโน้ตบุ๊กทั่วไป

โดยตัวจอก็เป็นแบบ IPS พร้อมค่าการแสดงสี 100% DCI-P3 นี่เป็นค่าที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ ซึ่งเอาไปใช้กับงานกราฟิก หรือการตัดต่อระดับมืออาชีพได้สบาย ๆ เลย ส่วนความละเอียดก็เป็น 2K 165Hz น่าจะถูกใจสายเกมเมอร์อย่างเราอยู่แล้วครับ

มีอีกอย่างหนึ่งที่ต้าอยากให้ดูครับ ขอบจอของ ROG Zephyrus M16 ถือว่าบางมาก และยังใส่กล้อง Webcam 720p มาให้ด้วย ยุคนี้คนประชุมออนไลน์เยอะ ใส่มาอ่ะดีแล้ว ปกติหลาย ๆ รุ่นของ ROG จะไม่มีกล้องให้นะครับ

นอกจากนี้ด้านข้างกันก็ยังมี ไมโครโฟนคู่ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Two-Way AI Noise Cancelation ที่ตัดทั้งเสียงขาเข้าจากไมค์ และขาออกจากลำโพง ทำให้ได้เสียงที่เคลียร์ที่สุด ซึ่งเราเลือกใช้ได้ทันทีโดยกดที่รูปลำโพง

ถัดลงมาในส่วนของที่พักมือ ตรงนี้ทำจากวัสดุ Soft touch ที่ให้ความรู้สึกนุ่ม ๆ แต่ก็ติดรอยนิ้วมือง่ายเหมือนกันครับ ข้าง ๆ นี้ก็จะมีทัชแพดขนาดใหญ่มาก ที่น่าจะดีต่อใจกับสายกราฟิก ที่ต้องลากไฟล์ หรือมาร์กไทม์ไลน์ครับ จุใจจริง ๆ

ตัวปุ่มคีย์บอร์ดในเครื่องนี้ ที่เห็นเป็นภาษาอังกฤษล้วน เพราะเป็นเครื่องที่ให้เฉพาะสื่อครับ โดยรุ่นที่วางขายในไทย ก็จะเป็นแบบคีย์ไทยครับ พูดถึงสัมผัสของคีย์บอร์ด ก็กดมันส์ดีนะครับ ปุ่มก็ใหญ่ทำให้กดไม่ค่อยพลาด ส่วนใต้ปุ่มก็มีไฟ RGB ที่ปรับแต่งได้ผ่าน Armoury Crate

ส่วนช่องข้าง ๆ คีย์บอร์ดอันนี้จะเป็นช่องลำโพงครับ ซึ่งมีทั้งบนทั้งล่างเครื่องเลยนะ ให้มารวมทั้งหมดถึง 6 ตัว คุณภาพเสียงก็ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคเลย ดังฟังชัด และยังรองรับ Dolby Atmos ด้วย ดูหนังฟังเพลงเพลินเลยล่ะ

ด้านบนจะมีปุ่มฟังก์ชันเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่ม Armoury Crate ที่เราสามารถเข้าไปตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ และปรับแต่งประสิทธิภาพเครื่องได้ครับ และก็มีอีกแอปหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ My ASUS ที่ใช้เช็กการทำงานของเครื่อง และจัดการซ่อมแซมได้ในที่เดียว ต้าว่าสะดวกดีนะ เช็กก่อนถ้าซ่อมได้ ก็ไม่ต้องโทรเรียกช่างให้เสียเวลา

สำหรับตรงนี้ก็จะเป็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ที่ซ่อนเซนเซอร์สแกนนิ้วไว้ครับ แตะนิ้วเพื่อปลดล็อกเครื่องได้ ความเร็วถือว่าใช้ได้เลยนะครับ

แต่หนึ่งจุดที่ผมไม่ชอบเลยคือไฟแสดงสถานะที่อยู่ตรงนี้ครับ เวลาใช้งานกลางคืน มันสะท้อนกับหน้าจอครับ ทำให้เวลาเล่นเกมมันรบกวนสายตา

สเปก

ทีนี้มาพูดถึงเรื่องสเปกภายในของ ROG Zephyrus M16 กันบ้างครับ ซีพียูก็ใช้เป็น Intel Core i9-11900H (8 Core 16 Thread) ตัวแรงแซงทุกโค้ง! จับคู่กับ RTX 3070 ครับ

ซึ่งประสิทธิภาพของซีพียู ต้าทดสอบด้วย Geekbench 5 ผลออกมาได้อยู่ที่ Single Core 1,581 คะแนน และ Multi-Core 9,492 คะแนน ด้านการ์ดจอก็ทดสอบด้วย 3DMark Time Spy ได้ออกมาอยู่ที่ 9,576 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิง

สำหรับแรมก็ให้มาอยู่ที่ 32 GB กับความเร็ว 3200Hz ซึ่งอัปเกรดเพิ่มได้สูงสุดที่ 48GB ครับ ส่วน SSD ก็ให้มาแบบจุใจ 2TB และเป็นแบบ PCIe 4.0 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ทำต้าเซอร์ไพรส์ กับความเร็วในการอ่านเขียนที่สูงถึงระดับ 7,081 MB/s ในการอ่าน และ 5,213 MB/s ในการเขียนครับ

และก็มาถึงส่วนที่ต้าชอบที่สุด การทดสอบเล่นเกมครับ แหม่…ก็ของถนัดนี่นา ซึ่งเกมแรกจะเอามาลงสนามนั่นก็คือ APEX Legend ครับ

โดยการ Setting ต้าจะปรับไว้ที่สูงสุดทั้งหมด กับความละเอียด 2K นะครับ FPS ที่ได้จะอยู่ที่ 80-100 FPS ครับ อันนี้ไม่ต้องตกใจว่าทำไมคอมของหลายคนถึงสูงกว่า เพราะต้าทดสอบที่ความละเอียด 2K ครับ เดี๋ยวต้าลองลดเหลือ 1080p FPS ของ 1080p จะอยู่ที่ 110-160fps

เกมถัดมาต้องเป็นเกมที่เน้น Ray Tracing อย่าง Metrodus ซึ่งก็จะปรับการตั้งค่าที่สูงสุด โดยเปิด Ray Tracing ที่ความละเอียด 2K ครับ FPS ที่ออกมาก็วิ่งอยู่ราว ๆ 40 FPS ซึ่งความร้อนจะอยู่วิ่งอยู่ไม่เกิน 75 เท่านั้นเองครับ ถือว่าการระบายความร้อนทำได้ดีเยี่ยม แต่เสียงพัดลมอันนี้ก็ต้องแลกกันนะครับ

พูดถึงเรื่องการใช้ทำงานบ้าง ต้าจะลองเรนเดอร์งานให้ดูเลยว่า ไฟล์ 4K 60FPS จะใช้เวลาเท่าไร ไฟล์ 2 นาทีใช้เวลาอยู่ที่ 54.78 วินาทีเท่านั้นครับ ฮื้ม! Intel Core i9 มันแจ่มอย่างนี้นี่เอง

ข้อสังเกต

ต้าขอให้ข้อสังเกตไว้เป็นเรื่องของการทำความสะอาดที่อาจจะต้องทำบ่อยกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปครับ เพราะทั้งฝาหลัง และที่รองมือพวกคราบมันติดค่อนข้างง่ายครับ

ราคา

ROG Zephyrus M16 รุ่นซีพียู Intel Core i9 และ RTX 3070 มีค่าตัวอยู่ที่ 79,990 บาท ซึ่งราคานี้เราจะได้ Windows 10 Home ติดเครื่องมาให้เลย พร้อมการรับประกันเครื่องแบบ 3 ปี On-Site Service และประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรกครับ

นอกจากนี้แล้ว ยังมี ROG Zephyrus M16 อีกรุ่นที่ใช้สเปก i9 เหมือนกัน แต่การ์ดจอจะเป็น RTX 3060 และให้แรมมาเพียง 16GB ครับ โดยราคาจะถูกกว่าอยู่ที่ 64,990 บาทครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส