เราอยู่กับ Garmin Venu 2 และ Venu 2S สมาร์ตวอตช์ที่มาพร้อมคำปฎิญาณตนว่าจะอยู่คู่ร่างกายผู้ใช้งานในทุกอิริยาบถ! ด้วยแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานสูงสุด 11 วัน ดีไซน์ที่ไม่จำกัดการแต่งตัว และที่สำคัญ GARMIN PAY ในรุ่นนี้จับมือกับ Rabbit Card ชำระเงินได้แบบไร้สัมผัส (contactless) ต้อนรับการเปิดเมือง แต่ฟีเจอร์ทั้งหมดโดยละเอียดจะมีอะไรบ้าง ผมหนุ่ย พงศ์สุข จะ #beartai ให้ได้รู้กันครับ

ดีไซน์

เรามาเริ่มกันที่ดีไซน์ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในตัวชูโรงของ Garmin มาโดยตลอดก่อนละกันครับ ในรุ่น Venu ซีรีส์ จะมีให้เลือก 2 ขนาดหน้าปัด Venu 2 คือ 45 มม. หนัก 49 กรัม มี 2 สีให้เลือกเป็น

  • Silver / Granite Blue (ขอบเงิน / ตัวเรือนเงินอ่อน ๆ)
  • Slate / Black (ขอบเทา / ตัวเรือนดำ)

ส่วนรุ่น Venu 2S หน้าปัดขนาด 40 มม. มีน้ำหนักอยู่ที่ 38.2 กรัม ซึ่งมีให้เลือก 4 สี

  • Rose Gold / White (ขอบทองชมพู / ตัวเรือนขาว)
  • Silver / Mist Gray (ขอบเงิน / ตัวเรือนเทาอ่อน ๆ )
  • Light Gold / Light Sand (ขอบทองอ่อน / ตัวเรือนขาวอมเหลืองอ่อน )
  • Slate / Graphite (ขอบเทา / ตัวเรือนดำ)

โดยทั้งความต่างของทั้ง 2 รุ่น นอกเหนือจากขนาดหน้าปัด ก็จะมีเรื่องของแบตเตอรี่ที่ โดย Venu 2 จะอยู่ได้นานสูงสุด 11 วัน ในขณะที่ Venu 2S ก็ลดหลั่นลงมาที่ 10 วัน นอกนั้นมีทุกอย่างเท่ากันไม่เว้นแม้แต่ราคาครับ โดยดีไซน์ที่สัมผัสได้ผ่านตาเลย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ จับคู่กับสูทก็ไม่ดูผ่าเหล่า จะใส่กับชุดออกกำลังกายก็เข้ากัน

ในด้านของวัสดุ ขอบตัวเรือนจะใช้เป็นสเตนเลส สตีล, หน้าจอเป็น Gorilla Glass 3, ตัวเรือนเป็นพอลิเมอร์เสริมเส้นใยด้วยไฟเบอร์ ส่วนสายจะเป็นซิลิโคนก็ให้ความรู้สึกสบาย ไม่รู้สึกว่าผิวถูกถูด้วยยาง

ภาพรวมในแง่การใช้งานคือรับมือกับอุบัติเหตุเช่นการเผลอแกว่งมือแล้วหน้าจอไปชนเสา หรือแม้แต่ตัวเครื่องตกในระดับความสูง 1 – 1.5 เมตร ก็ยังได้ แถมยังได้ค่ามาตรฐานกันน้ำที่ 5 ATM (Physical Atmosphere) ทนทานแรงดันน้ำได้ที่ความลึก 50 เมตร ฉะนั้นในการนำไปใช้ออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ ก็สบายใจได้ว่าเราจะมีผู้ช่วยที่ถึกทนไม่เป็นอะไรง่าย ๆ

หน้าจอ

เขยิบถัดมาอีกนิดกับเรื่องของหน้าจอ Garmin Venu ในรุ่นที่แล้วได้รับคำชมด้านการแสดงผลด้วยหน้าจอ AMOLED จากหลายสำนักนะครับ ฉะนั้นพอมาในรุ่นที่ 2 นี้ก็เลยยังคงเป็นจุดเด่นอยู่เหมือนเดิม แถมตัวเครื่องยังรองรับการภาษาไทยทั้งการอ่านและการตอบกลับผ่านข้อความแบบด่วนอัตโนมัติ ไม่มีสระลอยหรือตก จะมีก็แค่การแปลบางคำที่ตรงตัวเกินไป แต่ไม่ผิดความหมายครับ

ความละเอียดหน้าจอในรุ่น Venu 2S จะอยู่ที่ 360 x 360 พิกเซล ส่วน Venu 2 จะอยู่ที่ 416 x 416 พิกเซล มากกว่ารุ่นเดิมราว ๆ 10% (ของเดิมอยู่ที่ 390 x 390 พิกเซล) ก็จะเห็นข้อความหรือหน้าปัดบอกเวลาได้เต็มตาขึ้น มีความคมชัดขึ้น และความสว่างหน้าจอที่สู้แสงได้มากขึ้น

แต่เห็นพรีเมียมแบบนี้ Garmin ก็ให้อิสระกับผู้ใช้งานในการเลือกเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ทั้งจากที่ให้มาเริ่มต้นผ่านการกดปุ่มล่างค้าง หรือเปลี่ยนที่เมนูหน้าปัดนาฬิกา หรือจะดาวน์โหลดผ่านแอป Connect IQ Store ที่ในหลากหลายแบบที่เลือกปรับจูนค่าต่าง ๆ ก็ยังได้ หรือถ้าอยากเป็นเอกเทศก็มีฟีเจอร์ในชื่อ Face it ถ่ายภาพหรือนำรูปจากในมือถือของเรามาตั้งเป็นภาพหน้าปัดนาฬิกาไปเลย

ซึ่งก็ไม่เพียงแต่ Connect IQ Store จะใช้ในการเปลี่ยนหน้าปัด แต่ยังใช้ในการดาวน์โหลดแอปประเภทต่าง ๆ ติดตั้งลงบนสมาร์ตวอตช์ได้ โดยที่น่าสนใจก็คือแอปแผนที่ ที่ไม่ได้แสดงแค่เข็มทิศกับพิกัด แต่ได้เห็นแผนที่จริง ๆ เลย ส่วนนอกนั้นก็เป็นแอปจิปาถะ แต่นอกเหนือจากแผนที่แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแอปเฉพาะทางเกี่ยวกับการออกกำลังกายครับ

ฟังก์ชันที่น่าสนใจ

ต่อมาเป็นฟังก์ชันที่จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์โควิดในตอนนี้ นั่นคือ GARMIN PAY ที่เป็นการทำให้สมาร์ตวอตช์เครื่องนี้เชื่อมต่อเข้ากับบัตรชำระเงินรูปแบบต่าง ๆ ช่วยให้จ่ายเงินได้อย่างง่าย ๆ แบบไร้การสัมผัส

ซึ่ง Garmin Venu 2 มีความพิเศษกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ตรงที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Rabbit Card! ก็เป็นตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ใช้การเดินทางด้วย BTS หรือแม้กระทั่งการซื้อของกินรองท้องก่อนไปถึงที่ทำงานบนสถานี ให้สะดวกสบายมากขึ้น และในบริบทของสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้ นั่นหมายถึงเราไม่ต้องไปรับความเสี่ยงผ่านการกดหรือแตะอุปกรณ์รับชำระเงินใด ๆ

Health Snapshot ฟีเจอร์นี้จะเป็นการวัดข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ ๆ นะภายใน 2 นาทีให้แสดงผลในหน้าเดียว เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด การหายใจ และระดับความเครียด

ทางด้าน Built-in Sports App หรือว่าง่าย ๆ คือโหมดออกกำลังกาย Garmin Venu 2 และ Venu 2S ก็มีให้ 25 ประเภท มีตั้งแต่การออกกำลังกายพื้นฐานอย่าง เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน โยคะ ไปจนถึงปีนผา พายเรือ แต่ที่เจ๋งคือตรงนี้ครับ หากเลือกเป็นการออกกำลังกายเป็นคาร์ดิโอ ปัดหน้าจอขึ้นมาแล้วจิ้มไปที่ Workout ตัวสมาร์ตวอตช์มีฟีเจอร์แสดงแอนิเมชันไกด์ท่าทางต่าง ๆ ให้ ที่ยังดาวน์โหลดเพิ่มได้อีกผ่านแอป Garmin Connect เป็นไง TABATA ยังมีเลย!

และถ้าใครเป็นสายเล่นเวทแบบจริงจัง ก็น่าจะถูกใจ Advanced Strength Training กราฟิกที่ช่วยระบุจุดของกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานในแต่ละท่าช่วยให้วางแผนการออกกำลังกายได้อย่างละเอียดและตรงจุดมากขึ้น อีกทั้งยังมีสถิติที่เกื้อหนุนต่อการออกกำลังกายและสุขภาพโดยละเอียดต่าง ๆ อีกมากมาย ไล่ตั้งแต่สภาพอากาศว่ากี่องศา, การแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ, Fitness Age ฟีเจอร์ที่จะคาดการณ์อายุร่างกายของเรากับอายุจริงตามปีเกิดว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งตัวสมาร์ตวอตช์จะช่วยเตือนและสร้างเป้าหมายให้ในทุกครั้งที่ออกกำลังกายสำเร็จอายุร่างกายของเราจะค่อย ๆ กลับเข้าหาสู่อายุจริง ซึ่งสำหรับ Venu ซีรีส์ สามารถกดดู feature นี้ได้อย่างง่ายดายจากหน้าปัดนาฬิกา

PULSE OX เป็นการวัดค่าความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด (SpO2) ที่จะบ่งบอกได้ว่าเรามีประสิทธิภาพในการออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน โดย Venu 2 และ Venu 2S ได้นำเซนเซอร์ใหม่มาใช้ในชื่อ Optical HR sensor ที่จะเก็บค่า SpO2 แม่นยำขึ้น

การเก็บค่าสถิติคุณภาพการนอนซึ่งก็แบ่งว่าเราดีแค่ไหน รวมไปถึง Stress Tracking การเก็บติดตามระความเครียดตลอดทั้งวันและนำมาใช้คำนวณหาช่วงเวลาที่ควรจะผ่อนคลาย ซึ่งทั้งสองค่านี้จะมีการเก็บค่าสถิติที่แม่นยำขึ้นผ่านเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัลใหม่ในชื่อ Garmin Elevate V.4

Garmin Venu 2 และ 2S ยังมีความจุภายในที่ไว้ใช้สำหรับการเก็บเพลงมาให้ที่ 7GB จากรุ่นเดิมที่มีมาแค่ 3GB ก็ ซึ่งทางเว็บไซต์ Official ก็ตีกลม ๆ มาให้ว่าเก็บได้ 650 เพลง หรือถ้าไม่อยากเปลืองพื้นที่ ก็ฟังผ่าน Spotify หรือแม้แต่ Joox ก็ยังมีให้

แบตเตอรี่

คราวนี้เรามาพูดเรื่องของแบตเตอรี่ บอกเลยนะครับว่าน่าพอใจมาก โดยหากเราปรับให้เป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่ซึ่งจะทำได้แค่บอกเวลา “Garmin Venu 2 จะใช้งานได้ที่ 11 วัน ส่วน Venu 2S ก็จะใช้งานได้ที่ 10 วันต่างกันแค่วันเดียว” โดยตัวสมาร์ตวอตช์จะแสดงค่าเฉลี่ยของแบตเตอรี่ให้ได้เห็นตลอดว่าเหลือเท่าไหร่

ซึ่งหากนับจากการที่จอ AMOLED ยังทำงานอยู่ ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่เยอะมากอยู่ดีนะครับ สามารถใช้ได้สูงสุด 5 วัน ซึ่งทั้งนี้ต้องอยู่ที่การใช้งานของเราว่าเปิดปิดฟีเจอร์อะไรบ้างที่จะใช้แบตเตอรี่มากน้อยต่างกันไป

ข้อสังเกต

โดยใน Garmin Venu 2 และ Venu 2S สิ่งที่เราจะฝากไว้เป็นข้อสังเกต คือ เรื่องตัวแอป Connect IQ Store ที่รู้สึกว่ามีหมวดหมู่ประเภทของแอปให้เลือกดาวน์โหลดมาใช้งานได้น้อยไปสักหน่อย รวมไปถึงแอปแผนที่ก็ไม่มีติดมาให้กับตัวเครื่อง ซึ่งเราก็ต้องไปดูคะแนนและอ่านรายละเอียดแอปแผนที่ใน Connect IQ Store เพื่อเลือกดาวน์โหลดมาใช้เอาเอง

อีกจุดหนึ่งคือไม่มีฟีเจอร์ตรวจสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และวัดความดันโลหิต จริงอยู่ที่สมาร์ตวอตช์ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่การมีไว้เพื่อประเมินแนวโน้มสุขภาพเบื้องต้นได้ก็ถือว่าดีกว่าโดยเฉพาะกับเรตราคาของสมาร์ตวอตช์เรือนนี้

และจุดสุดท้าย คือ Venu 2S ควรมีราคาที่ถูกกว่ารุ่น 2 ธรรมดา เพื่อเข้าถึงคนได้มากขึ้นครับ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา!

Garmin Venu 2 และ Venu 2S สนนราคาอยู่ที่ 13,690 บำท ก็สามารถหาซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Garmin ได้ทุกสาขาได้เลยครับ แถมถ้าซื้อตั้งแต่วันนี้– 31 ตุลาคม ไม่ว่าจะรุ่น Venu 2 ธรรมดาหรือว่า Venu 2S ก็รับฟรีไปเลย คูปอง Top-up มูลค่า 500 บาท หรือจนกว่าคูปองจะหมด

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส