Redmi Note 11 Pro 5G มือถือ 5G กล้องชัดระดับโปรสูงสุด 108 ล้านพิกเซล แถมราคาจับต้องได้ จุดเด่นจะมีอะไรอีกบ้าง ต้าร์ คมสัน จะพาทุกคนไปแบไต๋ครับ!

สัมผัสแรกของ Redmi Note 11 Pro 5 G ก็ต้องบอกว่าดูดีเลยครับ ขนาดเครื่องถือว่าใหญ่ แต่ไม่ดูเทอะทะเพราะการดีไซน์ฝาหลัง และขอบข้างที่เป็นแบบแบนราบทำให้เครื่องดูเฟิร์มมาก ๆ เอาจริง ๆ การดีไซน์ผมค่อนข้างชอบนะครับ ดูเรียบหรูเอาการเลย

ส่วนสีที่ต้าร์ได้มารีวิวจะเป็น Graphite Gray นะครับ เทาเข้มอย่างเท่เลย นอกจากสีนี้ก็จะมีอีก 2 สีนะครับ นั่นก็คือ Polar White และ Atlantic Blue

ลองชั่งน้ำหนักตัวเครื่องก็จะอยู่ที่ 202 กรัมครับ ในส่วนของจอ ต้องบอกว่า Redmi Note 11 Pro 5G จัดเต็มให้เราเลยครับ เพราะจอใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว แถมจอเป็นแบบ AMOLED DotDisplay ความละเอียด FHD+ ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1,200 nits

สเปกและประสิทธิภาพของเครื่อง

แต่ที่น่าสนใจคือนี่เลยครับ อัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ซึ่งจากการใช้งานก็ต้องบอกว่าจอนุ่ม ลื่นมากครับ ๆ
เครื่องนี้ชิบเซตให้มาเป็น Qualcomm Snapdragon 695 Octa-core 2.2 Ghz รองรับ 5G นะครับ ส่วน RAM ให้มา 8 GB, ROM 128GB ระบบปฏิบัติการเป็น MIUI Global 13 Base on Android 11 ครับ

มาดูที่การเล่นเกมกันบ้างนะครับ เราจะทดสอบกับเกมที่หนักหน่วงที่สุดเกมหนึ่งในวงการสมาร์ตโฟนนั่นก็คือ Genshin Impact ซึ่งจากการลองปรับสูงสุด แม้จะขึ้นตัวแดงว่า Overclocked แต่ต้องบอกว่าเล่นได้ครับ! ภาพไม่ค้าง การกดยังติดมืออยู่ ส่วนความร้อนก็ต้องบอกว่าอุ่นพอสมควร

  • การทดสอบกับโปรแกรม 3DMark ในโหมด Wild Life Stress Test ได้คะแนนเสถียรอยู่ที่ราว ๆ 1211 คะแนน
  • ส่วนการทดสอบกับโปรแกรม Geekbench 5 แบบ Single-Core อยู่ที่ 690 คะแนน ส่วน Multi-Core อยู่ที 2075 คะแนน

กล้อง

เรามาดูเรื่องกล้องกันบ้างนะครับ Redmi Note 11 Pro 5G ให้มาทั้งหมด 3 เลนส์นะครับ แบ่งเป็น

  • กล้องหลัง 108 MP
  • เลนส์ Ulta Wide 8 MP
  • เลนส์ Macro 2 MP

ในการถ่ายภาพทั่วไปเราสามารถเปิดโหมดให้ถ่ายเต็มความละเอียด 108 ล้านพิกเซลได้ ซึ่งต้องบอกว่าซูมชัด สะใจมากครับ แต่ถ้าถ่ายทั่วไปไม่ได้เอามาซูม ใช้โหมดปกติ 12 ล้านพิกเซลก็พอครับ เพราะจะเก็บแสงและเงาได้สมบูรณ์กว่า ส่วนกล้องหน้าจะถ่ายสูงสุดได้ที่ 16 ล้านพิกเซล ภาพที่ได้ก็ถือว่าโอเคเลย เก็บรายละเอียดภาพได้ดี เห็นเส้นผมชัดเจนครับ

เลนส์ Ultra Wide ถ่ายภาพมุมกว้างได้น่าพอใจ แต่ถ้าอยากให้ภาพเคลียร์ชัดต้องถ่ายในที่ที่แสงเยอะหน่อย ส่วนเลนส์ Macro ก็ถ่ายภาพระยะใกล้ได้โอเคเลย เก็บรายละเอียดภาพได้ดีครับ

นอกจากนี้ยังรอบรับการถ่ายแบบ HDR และมี AI Camera ให้เราเลือกใช้ โดยจะประมวลผลแบบเรียลไทม์ว่าภาพที่เรากำลังถ่ายนั้นเป็นภาพชนิดอะไร จากนั้น AI ก็จะตั้งค่าการถ่ายให้ออกมาเหมาะสมกับภาพนั้นครับ

อีกจุดที่ Redmi Note 11 Pro 5G ทำได้ดีคือ Night Mode ที่ใช้การถ่ายภาพซ้อน ๆ กันแล้วประมวลผลออกมาเป็นภาพเดียว ถือว่าเก็บรายละเอียดได้พอสมควร ซึ่งจะถ่ายได้สูงสุดที่ 12 MP

ในส่วนของโหมดอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มีอยู่ครบครับ ไม่ว่าจะเป็น Slow Motion, Panorama, Time-Lapse, Documents ในส่วนของวิดีโอ Redmi Note 11 Pro 5G สามารถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1080P 30FPS ไม่มีกันสั่นนะครับ ที่สำคัญปัญหาแจ้งเตือนดังเข้ากล้องขณะถ่ายวิดีโอของ Redmi รุ่นนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ เงียบสนิท ส่วนกล้องหน้าจะถ่ายได้สูงสุดที่ 1080P 30FPS เช่นกันครับ

อีกจุดที่น่าสนใจในการถ่ายวิดีโอของ Redmi Note 11 Pro 5G คือโหมด Dual Video ที่ให้เราถ่ายวิดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อม ๆ กันได้ ถือเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจเหมาะกับคนที่อยากถ่าย VLOG ทำ Content ต่าง ๆ ผ่านสมาร์ตโฟนเครื่องนี้เลย

มาดูที่รอบตัวเครื่องกันบ้างนะครับ

  • รองรับการสแกนใบหน้าและสแกนนิ้ว
  • ลำโพงคู่ด้านล่าง 1 ตัว ด้านบนอีก 1 ตัว
  • มีช่อง USB Type C 1 ช่อง สำหรับชาร์จแบต
  • มีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 Mm
  • รองรับ 2 SIM
  • โดย 1 ช่องซิมสามารถใส่ Micro SD การ์ดแทนได้ สูงสุดถึง 1 TB
  • ส่วนแบตเตอรี่นั้น Redmi Note 11 Pro 5G ให้มาที่ความจุ 5000 mAh ส่วนการชาร์จนั้นต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์มาก เพราะให้มาเป็น 67W Turbo Charging ไม่ใช่ชาร์จเร็วนะ นี่คือเทอร์โบชาร์จเลย! ซึ่งจากการทดสอบของกองบรรณาธิการแบไต๋ก็พบว่าจาก 0 – 50% ใช้เวลาราว ๆ 20 นาที ส่วน 0 – 100% ใช้เวลาราว ๆ 50 นาที ถือว่าทำได้ดีเลยครับ

ข้อสังเกต

ซึ่งข้อสังเกตของ Redmi Note 11 Pro 5G คือยังไม่รองรับการแสดงผลภาพ HDR แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาครับเพราะจอที่ให้มาอย่าง AMOLED DotDisplay ความคมชัดระดับ FHD+ นั้นขับภาพออกมาได้สวยงาม สีสด ดูหนัง ดูคลิปจบได้แบบสบายใจไม่ขัดอารมณ์แน่นอน

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

และราคาของ Redmi Note 11 Pro 5G อยู่ที่ 10,990 บาทเท่านั้น เมื่อมองถึงสเปกแล้ว กล้องระดับ 108 MP จอ AMOLED DotDisplay FHD+ 120Hz ก็ต้องบอกว่าน่าใช้เลยครับ!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส