มือถือเครื่องนี้สวยไหมคะ ฝาหลังเป็นประกายสีเขียวแปลกตาแบบนี้ นี่คือ realme 9 Pro+ สมาร์ตโฟนดีไซน์สวย ราคาดี กล้องแจ่ม ออมจะรีวิวอย่างละเอียดในคลิปนี้

ดีไซน์

เริ่มจากฝาหลังที่สวยสะดุดตาก่อนนะคะ ดีไซน์นี้ realme เรียกว่า Photochromism อาศัยการเคลือบ 3 ชั้นให้ส่องประกายแวววาวและมีแสงแบบแนวตั้งที่สะดุดตาค่ะ

realme 9 Pro+ มีให้เลือก 2 สี นอกจากสีเขียวนี้ก็ยังมีสีพิเศษ Sunrise Blue ที่ปกติจะเป็นสีน้ำเงินสะท้อนแสง แต่ถ้าโดนแดดจะกลายเป็นสีแดง-ส้มได้ ก็เป็นมือถือที่เปลี่ยนสีได้ตามการใช้ชีวิตของเราค่ะ แถมเครื่องยังบางที่สุดในกลุ่ม realme number Series คือบางแค่ 7.99 mm แค่นั้นเอง

กล้องหลัง

กล้องหลังก็ดีไซน์ออกมาดูดีเลยนะคะ ฐานรองกล้องที่หนาขึ้นมานี้ก็เป็นพลาสติกใสที่หักเหแสงได้ ทำให้บางจังหวะเราก็เห็นขอบกล้องมีแสงเรือง ๆ ขึ้นมาให้รู้สึกสะดุดตา

ซึ่ง realme 9 Pro+ มีกล้องมาให้ 3 ตัว ตัวบนสุดคือกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.8 ใช้เซนเซอร์เกรดดี Sony IMX 766 พร้อมกันสั่นแบบ OIS ส่วนตัวล่างนี้คือกล้องมุมกว้่าง 0.6 เท่า 8 ล้านพิกเซล f/2.2 และเลนส์ตัวเล็ก ๆ ด้านข้างนี้คือเลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล f/2.4 ค่ะ

การถ่ายภาพทั่วไป AI กับ HDR อัตโนมัติของ realme 9 Pro+ ทำงานได้ดีเลยค่ะ อย่างการถ่ายต้นกระบอกเพชรนี้ที่ออมถ่ายเทียบระหว่างปิดและเปิด AI วิเคราะห์ภาพอัตโนมัติ ให้ดู จะเห็นว่า AI ช่วยทำให้ภาพสว่างขึ้น สดใสขึ้น ซึ่งก็น่าจะตรงใจใครหลายๆ คนมากขึ้นนะคะ ซึ่งพอระบบอัตโนมัติทำได้ดีขนาดนี้ ก็ถ่ายไปเลยค่ะ ภาพอาหาร ภาพวิว ภาพดอกไม้ ใคร ๆ ก็ถ่ายออกมาได้ส่วยทั้งนั้นค่ะ

เมื่อถ่ายภาพบุคคลด้วยโหมด Portrait ก็ให้ผลงานที่ออกมาดูดีเลยค่ะ ตัวบุคคลในภาพให้สีผิวได้ดี ปรับความเนียน ความสวยของหน้าก็ได้ ฉากหลังเบลอออกมาได้เนียนสวย ซึ่งเราสามารถเลือกให้ฉากหลังเบลอมากหรือน้อยก็ได้

แถมเลือกลักษณะเบลอได้อีก เช่น Dynamic Bokeh ฉากหลังก็จะเบลอแบบเส้นเคลื่อนไหวให้แปลกตา หรือแบบ Bokeh Flare Portrait อันนี้จะทำให้ดวงไฟในฉากหลังเบลอเป็นจานโบเก้ที่สวยงาม เหมาะสำหรับฉากหลังที่มีดวงแสงมากๆ หรือ AI Color Portrait ที่ดูดสีฉากหลังให้เป็นขาว-ดำ ก็มีในรุ่นนี้เช่นกันค่ะ

realme 9 Pro+ มีโหมดถ่ายภาพพิเศษคือ Street Photography 2.0 นะคะ ซึ่งลักษณะของภาพถ่ายแนว Street คือเป็นภาพถ่ายเดินถนน เป็นภาพถ่ายการใช้ชีวิตแบบไม่เซ็ต ช่างภาพจะเดินเข้าไปถ่ายอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้ตัวแบบรู้ตัว เพื่อเก็บความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นในโหมด Street ของ realme 9 Pro+ จึงสามารถกำหนดระยะโฟกัสไว้ได้ก่อนถ่าย เช่นกำหนดระยะโฟกัสไว้ 1 เมตร แล้วเดินเข้าไปถ่ายในระยะห่างจากแบบประมาณ 1 เมตร ก็จะได้ภาพที่ชัดในจุดที่ต้องการ ไม่ต้องรอเวลาให้กล้องค้นหาโฟกัสอัตโนมัติค่ะ

นอกจากนี้โหมด Street ยังมีฟิลเตอร์ภาพเฉพาะตัวอีกมากมายให้เลือกใช้ และยังมีโหมดเปิดหน้ากล้องนานอีก 4 แบบ สามารถถ่ายดวงไฟเคลื่อนไหวให้เป็นเส้นได้ หรือถ่ายคนในฉากหลังให้ดูเป็นเส้นสายที่เคลื่อนไหวก็ได้

realme 9 Pro+ มีช่วงซูมเริ่มตั้งแต่ 0.6 เท่านะคะ ซึ่งก็ให้มุมภาพได้กว้างขวางดี เอาไปใช้ได้สนุก แต่รายละเอียดภาพจะไม่ชัดเจนเท่าภาพถ่ายจากเลนส์หลัก เหมาะสำหรับถ่ายในที่แสงดี ๆ มากกว่าถ่ายในที่แสงน้อย ส่วนการซูม 2 เท่าที่อาศัยเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซลมาประมวลผลก็ให้ภาพที่คมชัดเทียบเท่าการซูมด้วยเลนส์เทเลเลยค่ะ

ส่วนการถ่ายมาโคร ก็ถ่ายได้ในระยะ 4 cm ซึ่งก็ให้ภาพระยะใกล้ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เราแนะนำให้ใช้เลนส์หลักถ่ายแล้วมาครอปเอาจะได้ภาพที่คุณภาพดีกว่าค่ะ

การถ่ายภาพที่แสงน้อยในช่วงเย็นก่อนค่ำ ก็ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ ยังเก็บแสงสีสันออกมาได้สดใสไม่ต่างจากช่วงกลางวันแม้ใช้แค่โหมด Photo ปกติ

ส่วนการถ่ายภาพในช่วงกลางคืนที่มืดมากๆ ก็สามารถใช้ Night Mode เพื่อช่วยให้ภาพสว่างขึ้นได้ ทำให้ภาพมีรายละเอียดในที่มืดมากขึ้น และทำให้ภาพจากเลนส์มุมกว้างมากสว่างขึ้นจนใช้งานได้อีกด้วย

วิดีโอ Full HD จากกล้องหลังของ realme 9 Pro+ ซึ่งก็มีความสามารถครบ ๆ ตั้งแต่ AI Highlight Video ที่ AI จะจูนภาพให้สวยได้เอง แม้ว่าจะถ่ายย้อนแสง หรือถ่ายในที่แสงน้อยมา ก็จะปรับภาพวิดีโอให้สว่างขึ้นได้ค่ะ

แถมระบบป้องกันภาพสั่นไหวระหว่างถ่ายวิดีโอก็ยังทำงานได้ดีด้วย แม้ว่าจะเดินถ่ายไปมา ภาพวิดีโอก็ไม่ได้สั่นไหวจนเวียนหัว ก็เอาไปใช้งานสนุกๆ ได้เลยนะคะ

เปลี่ยนมาถ่าย 4K บ้างค่ะ จะเห็นว่าเฟรมภาพกว้างขึ้น เพราะไม่ได้ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยซอฟต์แวร์ แต่ก็ยังถ่ายได้นุ่มนวลอยู่ดีเพราะมี OIS ช่วยชดเชยการสั่นไหวค่ะ ซึ่งการถ่าย 4K จะไม่สามารถใช้ AI Highlight Video ได้นะคะ

กล้องหน้า

ต่อกันที่กล้องหน้ากันบ้างนะคะ ก็เป็นกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่ตรงมุมบนซ้ายตรงนี้ มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.4 ค่ะ

ซึ่งคุณภาพวิดีโอระดับ Full HD จากกล้องหน้าของ realme 9 Pro+ เป็นแบบนี้ค่ะ พร้อมเปิด AI Highlight Video ไว้ด้วย เพื่อทำ HDR ในซีนที่แสงแตกต่างกันเยอะ ๆ หรือปรับวิดีโอให้สว่างขึ้นเวลาถ่ายในที่แสงน้อยค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเมนต์กันมาได้นะคะ

ส่วนภาพนิ่งจากกล้องหน้าของ realme 9 Pro+ ก็ทำได้สวยงามไม่แพ้โหมด Portrait จากกล้องหลังเลย สามารถละลายฉากหลังได้ดูดี การตัดขอบเนียนสวย แต่โหมดภาพนิ่งนี้ไม่มีโหมดละลายฉากหลัง Dynamic Bokeh, Bokeh Flare Portrait หรือ AI Color Portrait ให้เลือกเหมือนกล้องหลังนะคะ

จุดที่ชอบกล้องของ realme 9 Pro+ อีกอย่างคือเราสามารถเลือกบันทึกภาพในรูปแบบ HEIF และบันทึกวิดีโอแบบ HEVC ได้ ซึ่งไฟล์ทั้ง 2 แบบนี้ก็เป็นไฟล์แบบเดียวกับที่ iPhone ใช้ และทำให้ใช้พื้นที่น้อยกว่าเดิมค่ะ ซึ่งมือถือราคาหมื่นนิดๆ ไม่ค่อยมีรุ่นไหนเลือกเซฟไฟล์ประสิทธิภาพสูงแบบนี้ได้นะคะ

หน้าจอ

จบเรื่องกล้อง มาต่อกันเรื่องจอค่ะ หน้าจอของ realme 9 Pro+ มีขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ เป็นจอ Super AMOLED ที่มี refresh rate 90 Hz ให้ภาพเคลื่อนไหวในจอได้นุ่มนวลกว่าจอทั่วไป สีสันก็สดใสชัดเจนนะคะ ซึ่งหน้าจอนี้สามารถแสดง HDR ของ Youtube ได้นะคะ ส่วน Netflix ในเฟิร์มแวร์ก่อนวางขายจริงนี้ ชมได้แบบ Full HD เท่านั้นค่ะ ยังไม่รองรับ HDR ของ Netflix ค่ะ

พอเป็นจอ AMOLED ก็สามารถใส่เซ็นเซอร์สแกนนิ้วลงไปในหน้าจอ สแกนได้รวดเร็วแบบนี้ค่ะ แต่ไม่ได้สแกนลายนิ้วมือได้อย่างเดียวนะคะ เซนเซอร์นิ้วมือตัวนี้ยังใช้วัดการเต้นของหัวใจได้ด้วย โดยเข้าแอป Settings แล้วเลือก realme Lab ที่อยู่ล่างสุด แล้วกดที่ Heart rate measurement ก็จะได้เครื่องวัดการเต้นของหัวใจอย่างง่ายมาใช้แล้วค่ะ

แต่ก็ต้องย้ำว่าค่าการเต้นของหัวใจนี้ มีไว้อ้างอิงเท่านั้นนะคะ เพราะสมาร์ตโฟนไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ค่ะ
มาดูรอบเครื่องกันบ้าง ออมว่าคนรักดนตรีต้องชอบ realme 9 Pro+ แน่นอนค่ะ เพราะมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ ให้เสียงออกทั้งบนล่างแบบนี้ ก็ดูหนัง ฟังเพลงได้มิติกังวาลเลย นอกจากนี้ยังมาพร้อมช่องหูฟังแบบ 3.5 mm ให้ต่อหูฟังแบบสายได้ง่าย ๆ ด้วย แถมยังมีระบบ Dolby Atmos ในเครื่อง ที่ปรับแต่งเสียงให้ออกมาหนักแน่น เหมาะสมกับลักษณะเสียงต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ

แต่ว่าในกล่องนั้นจะไม่มีหูฟังแถมมาให้นะคะ แต่ก็ทำให้เรามีโอกาสเลือกซื้อหูฟังที่เหมาะกับเราได้ค่ะ ส่วนถาดซิมนั้นใส่ได้ 2 ซิม รองรับ 5G ทั้ง 2 ถาด ซึ่งเปิดใช้งาน Data ได้ทีละถาด แต่ไม่สามารถใส่ microSD เพิ่มได้ค่ะ

และแน่นอนว่าพอร์ตชาร์จนั้นเป็น USB-C มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge ชาร์จแค่ช่วงเช้าหลังตื่นนอน ก่อนเริ่มงาน ก็ได้แบตเตอรี่ใช้ไปได้ทั้งวันแล้วค่ะ ซึ่งแบตเตอรี่ 4500 mAh ก็ใช้งานทั่วไปแบบไม่เน้นเล่นเกมได้จบวันจริง ๆ

สเปก

realme 9 Pro+ ใช้หน่วยประมวลผล Mediatek Dimensity 920 5G พร้อมแรม 8 GB ที่ขยายเพิ่มได้สูงสุด 5 GB รวมเป็นแรม 13 GB ด้วยฟีเจอร์ RAM Expansion พร้อมพื้นที่ในเครื่อง 128 GB

ซึ่งผลทดสอบประสิทธิภาพ CPU จาก Geekbench 5 ก็ทำคะแนน Multicore ไปได้ 2,339 คะแนน ก็เป็นคะแนนที่ใกล้เคียงกับ Snapdragon 855 ค่ะ

ส่วนผลการทดสอบกราฟิกด้วย 3Dmark ชุด Wildlife Stress Test ก็ทำคะแนนไปนิ่ง ๆ ราว 2,300 คะแนน เพราะมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ช่วยให้เครื่องทำงานได้แบบความเร็วไม่ตก แม้ทดสอบหนัก 20 รอบ 20 นาที

และการทดสอบกับเกม Genshin Impact ก็สามารถเปิดโหมดคุณภาพภาพสูงสุดแบบ 60 fps ได้ แต่เกมก็จะปรับลดความละเอียดภาพลง และเฟรมเรตภาพจะวิ่งอยู่ 30-40 fps ซึ่งถ้าต้องการเล่นให้ลื่นไหลก็เราแนะนำให้เลือกคุณภาพกราฟิกเป็นระดับต่ำหรือกลางจะดีกว่าค่ะ

จุดสังเกต

ต้องยอมรับว่า realme 9 Pro+ เป็นมือถือที่หาจุดสังเกตแบบไม่สมราคาได้ยาก เรื่องที่เราขัดใจอยู่เล็กน้อยจึงไปตกอยู่ที่หน้าจอค่ะ ที่ขอบจอล่างยังแอบมีคางมากไปนิด จึงไม่ได้ความรู้สึกเป็นจอขอบบางแบบบางสุด ๆ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

และรีวิวที่ดีต้องมีราคา realme 9 Pro+ เปิดตัวที่ราคา 12,999 บาท หมื่นสามมีทอน ใครสนใจแล้วสามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน JD CENTRAL (เจดี เซ็นทรัล) ได้เลย เพราะสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ขายผ่าน JD CENTRAL เท่านั้นค่ะ

และของแถมของ realme 9 Pro+ จัดว่าเด็ดมากค่ะ มีของแถม 2 ชุดจาก 2 ร้านออนไลน์บน JD CENTRAL ให้เลือกนะคะ

ถ้าซื้อ realme 9 Pro+ จากร้าน realme Flagship Store บน JD CENTRAL ในช่วง Early bird 1-11 มีนาคมนี้ จากราคา 12,999 จะเหลือ 12,499 บาทเท่านั้น พร้อมซิมของขวัญจาก dtac ให้เน็ตฟรี 10 GB และของพรีเมี่ยมจาก realme

ส่วนถ้าซื้อจากร้านของ JD CENTRAL จะได้ของแถมเป็น Cocaaa (คูค่า) TV ขนาด 32 นิ้ว มูลค่า 9,999 บาท พร้อมของพรีเมี่ยมจาก realme ค่ะ

ของแถมเด็ดขนาดนี้ รีบจัดก่อนหมดนะคะ