Lotus Cars Thailand เปิดตัวไลน์อัพ MY26 ใหม่ ภายใต้สโลแกน ‘Lotus for Everyone’ ที่ชัดเจนว่าไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะปรับราคาลงมาให้คนเข้าถึงรถสปอร์ตไฟฟ้าระดับไฮเปอร์ได้ง่ายขึ้น

สำหรับสาวก SUV ที่ต้องการความแรงแบบจบ ๆ Lotus Eletre 600 GT SE คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่ม 600 SERIES เพราะนี่คือรุ่นที่อัปเกรด มาครบถ้วนเหนือกว่าตัวเริ่มต้นอย่าง Eletre 600 

ยังคงรักษาจุดเด่นเรื่อง Aerodynamic รอบคัน ด้วยปรัชญาการออกแบบ ‘Carved by Air’ ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยลดแรงต้านอากาศ 

ดีไซน์ล้อแบบ 5 ก้าน ทรงแอโรไดนามิกและยางสมรรถนะสูง Pirelli P ZERO ให้การยึดเกาะถนนที่มั่นใจทั้งทางตรงและทางโค้ง ด้านหน้าขนาด 255/50 และด้านหลังขนาด 285/45 

รวมทั้งระบบเบรกสมรรถนะสูงด้วยคาลิเปอร์สีเทา (Lotus 4 piston caliper in Grey) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ขับซี่ เสริมความโดดเด่นด้วยสีภายนอกสีใหม่ Zenith White หรือสีขาวประกายเงิน

Eletre 600 GT SE รุ่นนี้มาพร้อมวัสดุใหม่ที่เรียกว่า ‘Jasper with LOTUSWEAR™ Performance fabric’ ซึ่งเป็นผ้าถักทอพิเศษสีดำ ให้ความรู้สึกสปอร์ตดุดัน แต่มีคุณสมบัติเรื่องความทนทานสูง ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการใช้งานหนัก ๆ หรือขับขี่แบบ Performance ก็ได้

เปิดก๊อก ออปชันเสริม สำหรับสาย Customize

สำหรับสายที่ชอบแต่งรถและเลือกสเปกเอง รุ่น Eletre 600 GT SE เปิดโอกาสให้เพิ่ม ‘ออปชัน’ ได้มากกว่าเดิม

  • เลือกเพิ่มขนาดล้อให้ดุดันขึ้นได้เป็น 21 หรือ 22 นิ้ว
  • เลือกวัสดุเบาะเป็น Nappa Leather เพื่อสัมผัสที่นุ่มนวลพรีเมียมมากขึ้น
  • เลือกเพิ่ม Comfort seat ที่มาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าได้ เพื่อความสบายขึ้นกว่าเดิม ในช่วงที่ต้องการเดินทางไกล
  • สีภายใน Kyanite ใหม่ ! อันนี้คือไฮไลท์สำคัญ จะออกโทนฟ้า สปอร์ต เรียบหรู แต่ยังสุขุม
  • เลือก Config สีภายนอกได้มากขึ้น รวมถึงสี Solar Yellow สุดจี๊ด

Dual-Motor 603 แรงม้า

Eletre 600 GT SE ยังคงยึด DNA ความแรงไว้เต็มสูบด้วยระบบไฟฟ้า Dual-Motor ที่ให้พละกำลัง 603 แรงม้า และแรงบิด 710 นิวตันเมตร นี่คือพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการเป็น Hyper-SUV ในชีวิตประจำวัน

  • เน้นการขับขี่แบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยวแต่ยังสบาย
  • วิ่งได้ไกลสุด 534 กม. (WLTP)

ออปชันเด็ดที่ต้องมี มันไม่ใช่แค่รถ แต่คือ GT !

ความเหนือกว่าของรุ่น GT SE อยู่ที่ฟังก์ชัน ที่ใส่มาให้เป็นมาตรฐาน (Standard) ซึ่งรุ่นเริ่มต้นไม่มี

  • หลังคาอัจฉริยะ (Intelligent Glass Roof) สามารถปรับความใสและความขุ่นของกระจกเพื่อกรองแสงภายนอกได้เองตามสั่ง เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความหรูหราและความสบายในการขับขี่
  • ระบบเสียง KEF Reference 3D Surround Sound System พร้อมลำโพงถึง 23 จุด (ในขณะที่ Emeya GT SE จะได้ 15 จุด และต้องซื้อเพิ่มถ้าอยากได้ 23 จุด) มิติเสียงลึกก็จะ สบาย ลื่นหูสุด ๆ เก็บหมดทุกย่าน ใช้เทคโนโลยีเฉพาะ ที่ทำให้เสียงแหลมและเสียงกลางพุ่งออกมาจากจุดเดียวกัน ทำให้เสียงที่ได้ มีความเป็นธรรมชาติและสมดุล ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของรถ
  • ระบบเสียงจูนมาเพื่อรองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้เสียงที่มีมิติสมจริง แยกทิศทางชัดเจน ซ้าย ขวา หน้า หลัง รวมถึงเสียงจากด้านบน สร้างบรรยากาศฟิล ๆ คล้ายกับนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์หรือคอนเสิร์ตภายในฮอลล์

ในส่วนของจอ เพราะความเทพไม่ได้อยู่ที่การขับขี่อย่างเดียว แต่อยู่ที่สมองและซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อน จอนำเทคโนโลยี Unreal Engine 6 (ซึ่งปกติใช้สร้างเกมระดับ AAA) มาใช้รันระบบกราฟิกบนหน้าจอรถยนต์ ทำให้ภาพรถ 3D โมเดล หรือ Effect ต่าง ๆ บนหน้าจอ มีความสวยงาม สมจริง และมีการเคลื่อนไหว ลื่นไหลเนียนตา

มาพร้อมกับชิปประมวลผลคู่ เพื่อให้หน้าจอลื่น ติดนิ้วแบบไม่มีดีเลย์ เลือกใช้ชิปประมวลผลระดับท็อปถึง 2 ตัวที่ทำงานร่วมกันคือ 

  • Qualcomm Snapdragon 8155 รับหน้าที่ประมวลผลระบบ Infotainment ทั้งหมด ทำให้การสั่งงานหน้าจอ การเล่นเพลง หรือแผนที่ ตอบสนองได้ไวและเสถียรมาก 
  • NVIDIA DRIVE Orin แยกมาประมวลผลเรื่องระบบการขับขี่และข้อมูลตัวรถโดยเฉพาะ 

User Interface ถูกออกแบบ UI เน้นความเรียบหรูและใช้งานง่าย ควบคู่ไปกับแสง Ambient Light สีขาวภายในห้องโดยสาร ที่ช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูพรีเมียมยิ่งขึ้นเวลาขับขี่ตอนกลางคืน

Lotus Eletre 600 GT SE คือตัวจบในกลุ่ม 600 แรงม้า สำหรับคนที่ต้องการ Hyper-SUV ไฟฟ้าที่ใส่ฟังก์ชันระดับพรีเมียมมาให้ครบ โดยไม่ต้องไปไล่จิ้มออปชันพื้นฐานเองให้ยุ่งยาก สำหรับใครที่ต้องการ SUV ที่สปอร์ตแต่ยังขับสบาย Lotus Eletre 600 GT SE ตัวนี้ถือว่าครบจบครับ

และแน่นอนสำหรับ ช่วงเวลา Motor Expo 2025 Lotus จัดให้ อัตราดอกเบี้ย เพียงแค่ 0.99% ไม่ว่าจะ Lotus Eletre หรือ Lotus Emeya ได้ทุกรุ่น จะได้รับ Wall Box และประกันภัยหนึ่งนาน 1 ปีเลยครับ แอบกระซิบพร้อมส่งมอบได้ทันทีด้วยนะ ไม่ต้องรอนาน