[REVIEW] HALF-LIFE: ALYX นี่ไม่ใช่แค่เกม VR ที่ดีที่สุด มันคือเกมที่สร้างมาพลิกวงการ FPS
Our score
9.0

[REVIEW] HALF-LIFE: ALYX นี่ไม่ใช่แค่เกม VR ที่ดีที่สุด มันคือเกมที่สร้างมาพลิกวงการ FPS

HALF-LIFE: ALYX

นี่คือเกม VR ที่ดีที่สุด และเป็นหนึ่งในเกม FPS ที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์การยิงปืนที่เหนือชั้น
  2. ความอิน ความระทึก และความตื่นเต้นที่หาไม่ได้จากเกม FPS เกมอื่น
  3. ภาพสวย เก็บงานเนี้ยบ ดูก็รู้ว่าทุ่มทุนสร้าง
  4. เล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตาม

จุดสังเกต

  1. ต้องลงทุนและลงแรงสูงมากกว่าจะเล่นได้
  2. มีอาวุธให้ใช้น้อยและ AI ศัตรูทึ่ม
  3. VALVE ไม่ได้ปล่อยของออกมาหมดในภาคนี้

ใครจะไปเชื่อว่าเลข “3” ที่เป็นมุกตลกโปกฮาในหมู่แฟนเดนตายของ HALF-LIFE มาเนิ่นนานนับ 10 ปี จะมีวันที่มันกลายสภาพออกมาเป็นเกมให้เล่นได้จริง ๆ ถึงแม้มันจะไม่ได้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า HALF-LIFE 3 ก็เหอะ แต่แค่มีเกม HALF-LIFE ใหม่ออกมาจากมือทีม VALVE ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อแค่ไหนแล้ว​ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจะเซอร์ไพรส์หลายคนมากกว่านั้นก็คือมันดันออกมาเป็นเกมสำหรับแพลตฟอร์ม VR เท่านั้นนี่สิ เจอแบบนี้เข้าไป แฟนซีรีส์ที่มีความหวังก็คงจะรู้สึกเหมือนโดนทีม VALVE ตุ๊ยท้อง จับยกขึ้นเหนือหัว แล้วทุ่มลงมาชันเข่าให้หลังหัก

อย่าเพิ่งรีบด่า VALVE จ้า เขามีเหตุผลของเขาอยู่

แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนที่พวกเราจะเริ่มสาปส่งทีม VALVE กันอีกรอบ (หลายคนน่าจะจัดชุดใหญ่กันไปแล้วตอนเขาเปิดตัวว่าเกมภาคนี้จะเป็นเกม VR)​ ลองมาฟังคำแก้ตัวจากหนึ่งในแฟนเดนตายของซีรีส์ที่โชคดีได้เล่นเกม HALF-LIFE: ALYX กันก่อนมั้ย สารภาพเลยว่าตอนแรกผมก็เป็นเกมเมอร์คนหนึ่งที่อยากให้ HALF-LIFE ภาคใหม่ออกมาเป็นวิดีโอเกมธรรมดาบน PC หรือเครื่องคอนโซลไม่ต่างจากเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ แต่หลังจากหมดเวลาชีวิตไปกับโลกเสมือนจริงกว่า 20 ชั่วโมง น้อง ALYX ก็ได้เบิกเนตรให้ผมเห็นสิ่งที่ VALVE ต้องการจะนำเสนอสู่วงการเกม และมันยิ่งใหญ่ทะเยอทะยานเกินกว่าที่เกม FPS บนหน้าจอแบน ๆ จะสามารถมอบให้เกมเมอร์ได้… 

ได้เวลากลับสู่บ้านหลังแรกกันแล้วสินะ คอเกม FPS ทั้งหลาย

ขอเชิญเข้าสู่นคร CITY-17 ที่สมจริงที่สุด

เหตุการณ์ในเกม HALF-LIFE: ALYX เกิดขึ้นก่อน HALF-LIFE ภาคสองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งแทนที่คุณจะได้สวมบทเป็นนักวิทยาศาสตร์แว่นสายบู๊ “Gordon Freeman” เหมือนเดิม ภาคนี้คุณจะได้เล่นเป็น Alyx Vance คู่หูสาวนักบู๊ของนาย Freeman ในภาคสองแทน คุณจะได้เห็นเธอคนนี้ออกผจญภัยฝ่าเหล่าเอเลียน เรียนรู้วิธีการต่อสู้กับกองกำลัง Combine จนเก่งขึ้นเรื่อย ๆ และได้ออกสำรวจนคร City-17 ในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยสายตาของคุณเอง

ยังขาเรียวสวยเหมือนเดิมนะ Strider

ยามที่คุณได้ก้าวเข้าสู่นคร City -​17 ในสายตาน้อง ALYX เป็นครั้งแรก ความรู้สึกแวบแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือความอึ้งทึ่งเหมือนกับตอนที่ได้เล่นเกม HALF-LIFE 2 เป็นครั้งแรกเมื่อ 17 ปีที่แล้ว สถาปัตยกรรมตึกรามบ้านช่องสไตล์รัสเซียที่ดูสวยแบบเรียบ ๆ บรรยากาศบ้านเมืองที่อาบแสงอาทิตย์สีเหลืองนวลสบายตา ตัดกับเครื่องจักรสีดำทะมึนรูปร่างประหลาดของเหล่าเอเลียน Combine ที่กระจายให้เห็นอยู่ทุกซอกทุกมุม องค์ประกอบเหล่านี้จะดึงความทรงจำของเกมเมอร์รุ่นเยาว์ในตัวคุณจนพรั่งพรูออกมาไม่ยั้ง 

บรรยากาศในนคร City-17 ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปร

สิ่งที่คุณอาจไม่ทันสังเกตเห็นก็คือนครแห่งนี้เต็มไปด้วยรายละเอียดขององค์ประกอบปลีกย่อยมากมายมหาศาล ที่สำคัญเมือง City-17 ยังได้รับการแปลงโฉมแบบยกเครื่องใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สวยขนาดที่ว่าหากนำไปเทียบกับเกม FPS เกมอื่น HALF-LIFE: ALYX ก็ยังถือเป็นหนึ่งในเกมที่มีงานภาพกราฟิกสวยงามที่สุดในวงการอยู่ดี ทุกมุมของเมืองดูสวยงามตระการตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแค่ตึกรามบ้านช่องเรียบ ๆ รังเอเลียนที่เต็มไปด้วยเฮดแคร็บซอมบี้ หรือเครื่องจักรสีดำขนาดมหึมาของ Combine ก็ตาม ทั้งหมดนี้ต่างได้รับการออกแบบมาอย่างใส่ใจเพื่อให้ดูสมจริงที่สุดในสายตาผู้เล่น และเพื่อช่วยให้เกมเมอร์อย่างเราสามารถหลอกตัวเองได้อย่างเต็มที่ว่าเราได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ HALF-LIFE จริง ๆ แฟนบางคนที่ได้ลองหรือได้ดูเกมเพลย์ของเกมนี้ผ่าน Youtube อาจจะรู้สึกว่านคร City-17 ยังคงเหมือนกับตอนที่พวกเขาเห็นมันครั้งแรกใน HALF-LIFE 2 ไม่ผิดเพี้ยน แต่เชื่อเถอะว่ามันต่างจากเดิมราวฟ้ากับเหวเลยครับ

ดาหน้ากันเข้ามาเลยเจ้าพวกเอเลี่ยน!

ยกระดับฉากแอ็กชันด้วย VR

ถ้าคุณคิดว่าแค่ได้เดินชมเมือง City-17 แบบงาม ๆ ใน VR ก็น่าจะคุ้มกับราคาค่าเกม 699 บาทแล้ว งั้นขอให้ลองสัมผัสฉากแอ็กชันในเกมนี้ก่อนครับ แล้วจะรู้ซึ้งว่าที่ HALF-LIFE: ALYX ต้องออกมาเป็นเกม VR มันไม่ใช่แค่ Gimmick โดยเฉพาะเกมเพลย์การยิงปืนใน VR นี่เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากเกม FPS ทั่วไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า ทั้งในแง่ประสบการณ์การเล่นที่คุณจะได้รับและกลยุทธ์ที่ต้องใช้เพื่อรับมือศัตรู อย่าคิดจะหวังพึ่งแค่ปุ่ม WSAD หรือปุ่ม R ได้อีกต่อไป เพราะคราวนี้คุณน่ะแหละที่ต้องลงมือทำด้วยตัวเองทั้งหมด จริงอยู่ที่ว่าการเคลื่อนที่ในเกมยังคล้ายเกมแอ็กชันทั่วไป (ผู้เล่นใช้แกนอะนาล็อกบนจอย VR ขยับให้เดินหน้าหลังซ้ายขวา หรือจะเลือกโหมดเคลื่อนที่แบบวาร์ปเพื่อลดอาการอ้วกแตกก็ได้ หรือหากคุณมีห้องขนาดใหญ่พอจะเดินเอาเองเลยก็ยังได้!)​ แต่การยิงปืนนี่เรียกได้ว่าโดนเปลี่ยนแบบยกเครื่อง 

การเติมกระสุนปืนในเกมนี้เกือบจะเป็นมินิเกม Puzzle ได้แล้ว

แทนที่คุณจะใช้เมาส์หันหัว คุณต้องหันด้วยหัวตัวเอง แทนที่จะใช้เมาส์เล็งยิง คุณก็ต้องใช้มือทั้งสองกับตาของคุณเล็งเองอีกนั่นแหละ และแทนที่คุณจะจิ้มปุ่ม R เพียงปุ่มเดียวเพื่อให้ตัวละครของคุณเปลี่ยนแม็กกาซีนปืนแบบรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน คราวนี้คุณต้องทำทุกอย่างเองแล้วจ้า เริ่มตั้งแต่ปลดแม็กกาซีนเก่าออกมาก่อน แล้วก็หยิบแม็กกาซีนใหม่ออกมาจากเป้ด้านหลัง ใส่แม็กกาซีนใหม่เข้าไปในช่องเติมกระสุน แล้วก็ต้องอย่าลืมขึ้นลำปืนด้วยนะ (กรณีที่คุณยิงจนกระสุนในรังเพลิงหมดเกลี้ยงอะนะ)​ แค่ฟังก็เหนื่อยแล้วใช่มั้ย ขอบอกว่าตอนทำจริงเหนื่อยกว่าและงงกว่านี้อีกครับ การที่ต้องทำอะไรเองทั้งหมดแบบนี้อาจทำให้คอเกม FPS หลายคนใจฝ่อกันได้ เพราะทักษะเฮดช็อตสุดเทพที่คุณเคยมีมันแทบจะไร้ประโยชน์สิ้นดีในเกมนี้ครับ

แต่ถ้าคุณเติมกระสุนได้คล่องเมื่อไหร่จะรู้สึกเทพขึ้น 200%

ถึงจะฟังดูยุ่งยาก (ตอนเล่นช่วงแรก ๆ มันก็ยากจริงน่ะแหละ)​ แต่พอทำได้คล่องเมื่อไหร่คุณจะรู้สึกเทพจนหลอกตัวเองได้ว่าตูคือเฮียคีนูใน JOHN WICK นี่นา ความละเอียดของเกมเพลย์ที่สลับซับซ้อนมากกว่าเกม FPS ทั่วไปไม่ได้เป็นข้อเสียที่ทำให้เกมเล่นยากเพียงอย่างเดียว มันกลับเข้ามาช่วยเพิ่มความลุ่มลึกให้กับเกมในอีกหลายมิติ ตอนนี้คุณสามารถคุกเข่าหลบหลังที่กำบังแล้วเอี้ยวหัวออกมายิงศัตรูได้ด้วยตัวเอง นั่งค้นหาสไตล์การเปลี่ยนแม็กกระสุนที่รวดเร็วที่สุดของตัวเองให้เจอ หรือจะยื่นมือออกไปจับเฮดแคร็บกลางอากาศแล้วค่อยยิงซ้ำจนตายก็เอาเลย สิ่งละอันพันละน้อยที่แฝงอยู่ในทุกองค์ประกอบของเกมเพลย์ทำให้ HALF-LIFE: ALYX มอบประสบการณ์เหมือนกับการเล่นในสนาม Paint Ball, BB Gun หรือ Laser Tag มากกว่าเล่นเกม First Person Shooter ซะอีก แถมยังเป็นสนามที่ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตซะด้วย

ใบหน้าของตัวละครหลักในเกมนี้นี่ละเอียดอย่างกับคนจริง

เก็บงานเนียนกริ๊บเพื่อความอินขั้นสุด

อีกหนึ่งจุดที่เด่นกระแทกตาตั้งแต่เปิดเกมก็คือความทุ่มทุนของ HALF-LIFE: ALYX นี่แหละ ทุกองค์ประกอบหลักของเกมทั้งในแง่ภาพ เสียง เกมเพลย์ บทตัวละคร ต่างได้รับการออกแบบมาอย่างใส่ใจ เสียงเอฟเฟกต์ของปืนแต่ละกระบอกก็ฟังดูหนักแน่น เพลงประกอบก็สนุกสะใจ เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้า และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเพลง HALF-LIFE ภาคเก่า เรียกได้ว่าเกมนี้เก็บงานออกมาได้เนี้ยบมาก เนียนซะจนทำเอาเกม VR ดี ๆ เกมอื่นดูหมองไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว ที่สำคัญกว่าคือทีม VALVE ยังขัดโค้ดเกมออกมาซะจนเงาวับจนแทบจะหาบั๊กไม่เจอ (อาจจะมีโมเดลตัวละครยื่นแขนขาทะลุกำแพงบ้างอะไรบ้าง)​ ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากในยุคสมัยที่เกมฟอร์มยักษ์มักจะออกมาพร้อมบั๊กตัวมหึมาเกลื่อนกลาดเต็มเกม ซึ่งการเก็บงานทุกเม็ดของทีมพัฒนาก็ยิ่งช่วยให้เกมเมอร์อย่างเราอินกับโลกของ HALF-LIFE ได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย เพราะทุกอย่างดูราบรื่นไปหมดไม่มีบั๊กกระโดดออกมาขัดอารมณ์

ใครชอบฉากสยองนี่เตรียมเฮได้เลย ส่วนใครขวัญอ่อนก็ทน ๆ เล่นไปเหอะ เดี๋ยวก็ผ่าน

ส่วนในด้านความเล่นแล้วอินนี่ สำหรับใครที่ชอบความ ตื่นเต้น ลุ้นระทึกแบบกระชากใจ คงจะโดนใจกับเกมนี้ไม่น้อย เพราะ HALF-LIFE: ALYX มีฉากแนวระทึกขวัญเยอะมาก เยอะพอ ๆ กับฉากแอ็กชันในเกมนี้เลยด้วยซ้ำ จนอดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือเกมแนวสยองขวัญหรือเกมเดินหน้าฆ่ามันกันแน่ ข้อดีก็คือความน่ากลัวและความลุ้นระทึกทั้งหลายถือเป็นจุดเด่นของการเล่นเกมในแบบ VR เนื่องจากคุณจะต้องบังคับตัวเองให้เผชิญกับความสยองตรงหน้าประหนึ่งว่าคุณได้เจอกับตัวจริง ๆ ซึ่งทำให้มันเป็นเหมือนเครื่องเทศที่มาปรุงแต่งให้ประสบการณ์เล่นเกมของคุณสนุกได้อารมณ์มากขึ้น

นาย G-Man กลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับปริศนาใหม่ที่จะทำให้เกมเมอร์งงงวยยิ่งกว่าเดิม

นอกจากนี้ โหมดเนื้อเรื่องในเกมยังมีความยาวมากกว่า 10 ชั่วโมง แต่ละฉากจะค่อย ๆ พาผู้เล่นไปพบกับความท้าทายรูปแบบใหม่ทีละสเต็ปตามสไตล์เกม HALF-LIFE และพาไปสู่ฉากบู๊ล้างผลาญในช่วงท้ายที่จะให้คุณได้งัดทุกกลยุทธ์ VR ที่สั่งสมมาออกมาใช้ แคมเปญของ ALYX ถือว่าค่อนข้างยาวมากหากเทียบกับเกม VR ด้วยกัน หรือแม้แต่เทียบกับเกม FPS เกมอื่นก็เหอะ ที่สำคัญเนื้อเรื่องยังเล่าได้ดี เรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่ก็หักมุมได้โดนใจ ประหนึ่งใช้หมัดอัพเปอร์คัตเสยเข้าคางเกมเมอร์จนหงายหลัง รับรองว่าตอบโจทย์แฟนซีรีส์ที่รู้สึกค้างคาจากตอนจบของ HALF-LIFE: Episode 2 ได้ดีนักแล แต่ทันทีที่เล่นจบคุณจะร้องหาเลข 3! 3! 3! ต่อแทบจะทันที  

นี่คือภาพจำลองเหตุการณ์ตอนที่คุณนั่งติดตั้ง VR และพยายามต่อสายเข้ากับ PC ของตัวเอง

ความล้ำที่เกินความพร้อมของเกมเมอร์

ชมเปาะมาตัั้งขนาดนี้ หลายคนอาจจะเริ่มนึกว่านี่มันคือเกมเดินหน้ายิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโลกเลยนี่หว่า! แต่โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอกครับ HALF-LIFE: ALYX ก็เช่นกัน โดยเกมนี้มีปัญหาที่มีผลต่ออารมณ์การเล่นประมาณ 2 เรื่อง และแต่ละเรื่องยังไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ 

เสียไปครึ่งแสน แขนน้อง Alyx ก็ไม่ได้จับ

เรื่องแรกเลยก็คือคุณต้องลงทุน (และลงแรง) ​สูงมากเพื่อให้ได้รับประสบการณ์เกมเพลย์สุดล้ำแบบที่ทีม VALVE เขาตั้งใจออกแบบมา อย่างที่บอกไปแล้วว่าเกมนี้ภาพสวยมาก ๆ ซึ่งมันก็ต้องแลกด้วยการที่เกมกินสเปกเครื่องสูงมากเช่นกัน แถมการที่มันเป็นเกม VR ยิ่งทำให้คุณไม่สามารถทนเล่นเกมนี้ที่เฟรมเรตต่ำกว่า 60-70 FPS แบบเกมทั่วไปได้ เชื่อเถอะว่าตาของคุณจะจับได้แน่นอน หลังจากนั้นสมองของคุณก็จะรู้สึกตะหงิด ๆ ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ แล้วร่างกายคุณก็จะออกอาการคลื่นไส้อย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตาม หากเครื่อง PC คุณผ่าน System Requirement ที่เกมกำหนด เกมก็จะสามารถเล่นได้ลื่นไหลไร้กังวล แต่ถ้าคุณยังใช้ CPU ตัวเก่าที่เก่ากว่า i5-7500 หรือ Ryzen 5 1600 ก็คงได้เวลาอัปเกรดกันแล้ว ซึ่งถ้าลองคำนวนคร่าว ๆ ต้นทุนที่คุณต้องลงเงินไปเพื่อให้เล่นเกมนี้ได้ก็คงประมาณ 40,000 บาทล่ะมั้ง (ค่าอัพเกรด PC คงประมาณ 20,000 บาท บวกค่าแว่น VR อย่าง Oculus Quest 2 ที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาทในไทย ไหนจะยังมีค่าเกมและค่าสาย USB TYPE-C แบบยาว ๆ อีก)​ 

ใครธาตุอ่อน เจอฉากแบบนี้ไปนี่มีเมา

ยังไม่จบ การติดตั้ง VR สำหรับเล่นบน PC นั้นไม่ได้ง่ายดายเหมือนซื้อคอนโซลเครื่องใหม่มาตั้งแล้วก็จบนะครับ คุณต้องเคลียร์พื้นที่ในห้องสำหรับเอาไว้ใช้เล่น VR ก่อน แล้วก็ต้องตั้งค่าอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของตัวแว่น หลังจากนั้นก็ต้องมานั่งลงซอฟต์แวร์ VR แล้วก็ต้องมานั่งศึกษาอีกว่าค่าไหนคืออะไร ต่อให้เป็นแว่น Oculus Quest 2 ที่มีคนบอกว่าใช้งานง่ายแสนง่ายก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ นอกจากนี้คุณยังไม่มีทางรู้เลยว่าร่างกายของคุณจะออกอาการ “เมา VR” หนักแค่ไหนจนกว่าจะได้ลองเล่นเอง ซึ่งหากใครเมาหนักขนาดคลื่นไส้ก็คงจะเล่น HALF-LIFE: ALYX ได้ครั้งละแป๊บเดียวเท่านั้น 

ปืน 3 แบบ กับระเบิดอีก 2 ชนิด ทำไมมันน้อยจัง…

ปัญหาเรื่องที่สองคือถึงแม้เกมนี้จะดูทุ่มทุนสร้างมาก ๆ แต่พอเล่นจบแล้วจะรู้เลยว่าทีม VALVE เขากั๊กในหลายจุด งานออกแบบฉากถึงจะละเอียดมาก แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการขนาด HALF-LIFE 2 ตรงกันข้าม ALYX ให้อารมณ์เหมือนกับเกม HALF-LIFE ภาคแรกที่สลับมาใช้ฉากหลังของภาค 2 มากกว่า อาวุธก็น้อยกว่าที่คิด ถึงจะสามารถให้ผู้เล่นอัปเกรดอาวุธได้ แต่มีปืนให้ใช้แค่ 3 กระบอกก็น้อยไปหน่อยนะ แถมยังไม่มีอาวุธประชิดตัวหรือปืนที่ต้องถือสองมือ ส่วน AI ศัตรูก็ไม่ได้ฉลาดมาก มักจะเดินทื่อ ๆ เข้ามาหาคุณท่าเดียว ทั้งหมดนี้ทำให้รู้สึกว่าเกมไม่ค่อยกล้าเสี่ยงกับการลองของใหม่ในภาคนี้เท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะทีมพัฒนาต้องการให้ ALYX เป็นเกม VR ที่เข้าถึงง่ายกับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยให้มากที่สุด หรืออาจจะเพราะพวกเขาเก็บไว้ใส่แบบจัดเต็มในภาคต่อไปรึเปล่านะ? 

พร้อมจะก้าวเข้าสู่อนาคตของเกม FPS กันรึยัง?

ก้าวแรกอันยิ่งใหญ่สู่ยุคใหม่ของเกมเดินหน้ายิ

ถึงแม้น้องนาง ALYX จะทำตัวค่อนข้างเย่อหยิ่งให้เข้าถึงยากบ้าง (ค่าตัวเธอประมาณ 40,000 บาท…)​ มีเรื่องจุกจิกกวนใจเราเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง (เกมไม่มีปุ่มวิ่ง ไม่มีอาวุธไฮไลต์อย่าง Gravity Gun ศัตรูบางตัวก็ได้สู้แค่แป๊บเดียว ฯลฯ)​ แต่ปัญหาเล็กน้อยของน้องก็ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับการได้สัมผัสเกม HALF-LIFE ภาคใหม่ที่ไม่ซ้ำกับเกมไหนจริง ๆ มันคือประสบการณ์เล่นเกมเดินหน้ายิงที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์สุดล้ำแห่งอนาคต หากคุณได้ลองเดินด้วยสองเท้าและเล็งยิงด้วยสองมือของตัวเองในเกม FPS แล้วจะประจักษ์ว่านี่เป็นประสบการณ์ความสนุกอีกระดับเลยล่ะครับ มันเป็นประสบการณ์ที่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น มีทางเดียวคือคุณต้องมาสัมผัสเองเท่านั้น สุดท้าย ทีม VALVE ก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังอีกแล้ว พวกเขายังคงทำสิ่งที่ตัวเองถนัดได้อย่างยอดเยี่ยมไม่เสื่อมคลาย สิ่งนั้นก็คือการพัฒนาเกม HALF-LIFE ภาคใหม่ให้ออกมาปฏิวัติวงการ เฉกเช่นที่พวกเขาเคยทำมาทุกครั้งนั่นเอง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส