Poco แบรนด์สมาร์ตโฟนที่แยกเป็นอิสระจาก Xiaomi เมื่อปี 2020 ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม ซีรีส์ F8 ซึ่งมาพร้อมสเปกเรือธง และเทคโนโลยี Sound by Bose ซึ่งทาง Bose แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังจากสหรัฐฯ เข้ามาปรับแต่งคุณภาพเสียงให้มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกับแบรนด์สมาร์ตโฟน โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ของ Bose แต่อย่างใด
Poco F8 Ultra
เริ่มกันที่ Poco F8 Ultra ซึ่งเป็นเรือธงในซีรีส์นี้ โดยได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซตเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 4.61 GHz เสริมด้วยชิป VisionBoost D8 สำหรับเพิ่มศักยภาพการแสดงผลบนหน้าจอ และปรับปรุงช่องระบายความร้อน ขนาด 6,700 mm2 ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

สเปกที่น่าสนใจของ Poco F8 Ultra มีดังนี้
- แผงหน้าจอ AMOLED เทคโนโลยี LTPS (Low-Temperature Polycrystalline Silicon) ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 1.5K, ความสว่างสูงสุด 3,500 Nit, ปรับรีเฟรชเรตได้หลายระดับ สูงสุด 120 Hz, ขอบจอบางมาก และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิกใต้แผงหน้าจอ
- กล้องหลัก เซนเซอร์ Light Fusion 950 ขนาด 1/1.31 นิ้ว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, ระบบกันภาพสั่น OIS (Optical Image Stabilization)
- กล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, ซูมไม่เสียความละเอียดได้ 5 เท่า
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้องเซลฟี ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- ลำโพง 2.1 (ลำโพงหลัก 2 ตัว + ซับวูฟเฟอร์ 1 ตัว) เทคโนโลยี Sound by Bose ที่ปรับแต่งคุณภาพเสียงระดับสูงโดย Bose
- แบตเตอรี่ ความจุสูงถึง 6,500 mAh, รองรับการชาร์จไฟเร็ว 100 W, ชาร์จไฟไร้สาย 50 W
- ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ HyperOS 3 ที่พัฒนาบนพื้นฐานของระบบ Android 16
- มาพร้อมฟีเจอร์ AI มากมาย และ Google Gemini
- รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ต่อเนื่อง 4 ปี และอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย 6 ปี

Poco F8 Ultra มาพร้อมกรอบตัวเครื่องที่ผลิตด้วยวัสดุโลหะ, มาตรฐาน IP68 ช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที, รองรับ eSIM และสีตัวเครื่องที่ต่างกัน 2 เวอร์ชัน ได้แก่ Denim Blue และ Black โดยได้รับการวางจำหน่ายผ่านสโตร์ออนไลน์ของ Xiaomi สหราชอาณาจักร ในราคาเริ่มต้น 549 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 23,300 บาท สำหรับหน่วยความจำ 12 GB/ 256 GB
ไปจนถึง 599 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 25,400 บาท สำหรับหน่วยความจำ 16 GB/ 512 GB

Poco F8 Pro
Poco F8 Pro เป็นเวอร์ชันปรับลดสเปกบางส่วนลง โดยได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซตเรือธงรุ่นก่อนอย่าง Snapdragon 8 Elite (ความเร็ว 4.32 GHz) และระบบ IceLoop แบบ 3 ชั้น 3 มิติ ที่ Poco พัฒนาขึ้น เพื่อลดอุณหภูมิภายในตัวเครื่องระหว่างการประมวลผลอย่างหนัก

สเปกที่น่าสนใจของ Poco F8 Pro มีดังนี้
- แผงหน้าจอ AMOLED เทคโนโลยี LTPS (Low-Temperature Polycrystalline Silicon) ขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, รองรับรีเฟรชเรต 120 Hz และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิกใต้แผงหน้าจอ
- กล้องหลัก เซนเซอร์ภาพ Light Fusion 800 ความละเอียด 50 ล้านพกเซล, OIS
- กล้องซูม ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, ซูมไม่เสียความละเอียดได้ 2.5 เท่า
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องเซลฟี ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ ความจุ 6,210 mAh, รองรับการชาร์จไฟเร็ว 100 W
- ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ HyperOS 3 ที่พัฒนาบนพื้นฐานของระบบ Android 16
- รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ 4 ปี และอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย 6 ปี

Poco F8 Pro มาพร้อมโครงสร้างตัวเครื่องที่ผลิตจากวัสดุโลหะ, ฝาหลังประกอบด้วยกระจกผิวด้าน, มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 และรองรับ eSIM
Poco F8 Pro มาพร้อมตัวเครื่องสี Black, Blue และ Titanium Silver โดยได้รับการวางจำหน่ายผ่านสโตร์ออนไลน์ของ Xiaomi สหราชอาณาจักร ในราคา 399 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 16,900 บาท สำหรับหน่วยความจำ 12 GB/ 256 GB และ 449 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 19,000 บาท สำหรับหน่วยความจำ 12 GB/ 512 GB
