“ก็ฉันคิด ฉันคิด ฉันคิดไม่ค่อยออก” ไม่ใช่แค่เพลงที่บิวกิ้นร้องนะ แต่เชื่อว่า หลาย ๆ คนคงเคยมีประสบการณ์ “คิดงานไม่ออก” กันแน่ ๆ  ต่อให้พยายามนั่งคิดแค่ไหนก็ตาม แต่เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่ลองไปอาบน้ำดู ไอเดียที่เคยตัน มันดันผุดออกมาไม่หยุด จนแทบอยากวิ่งไปหยิบสมุดมาจดเพราะกลัวไอเดียจะหาย นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นมาลอย ๆ นะ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่มีชื่อว่า “Shower Effect” 

เพราะการจดจ่อไม่ได้ดีเสมอไป

เรามักถูกสอนว่าการแก้ปัญหาต้องใช้สมาธิและความตั้งใจแน่วแน่ แต่ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา จอห์น คูนิออส  (John Kounios) จากมหาวิทยาลัยเดร็กเซล (Drexel University) อธิบายว่า สมองมีสองเส้นทางในการแก้ปัญหา นั่นก็คือ “เส้นทางเชิงวิเคราะห์” หรือการคิดอย่างเป็นระบบ พยายามลองผิดลองถูก ซึ่งเหมาะกับงานที่ต้องใช้ความแม่นยำ และอีกเส้นทางคือ “การเห็นแจ้ง” ที่การแห้ปัญหาจะมาในรูปแบบที่ว่าอยู่ ๆ คำตอบผุดขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ 

ปัญหาก็คือ เมื่อเราพยายามเพ่งหรือเคร่งเครียดกับงานมากเกินไป สมองจะถูกกดดันและถูกล็อกอยู่ในโหมดวิเคราะห ทำให้ความคิดแคบลง อาจทำให้ข้อมูลบางอย่าง ที่อาจจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของไอเดียใหม่ ๆ ตกหล่นไป  

แล้วทำไมต้องเป็นตอนอาบน้ำ ?

เหตุที่ทำให้รู้สึกว่า การอาบน้ำ ส่งผลให้ไอเดียแล่นกระฉูดได้นั้น สามารถอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้ดังนี้

  1. ใช้จิตสำนึกในการคิด การอาบน้ำเป็นกิจกรรมที่เราทำจนชินเป็นนิสัย มือเราถูสบู่ สระผม ได้โดยไม่ต้องใช้สมองคิด การที่สมองส่วนหนึ่งจดจ่ออยู่กับงานง่าย ๆ เหล่านี้ จะช่วยปลดล็อกสมองส่วนที่เหลือให้ล่องลอย ไปเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ในจิตใต้สำนึกได้อย่างอิสระ อีกทั้งเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถทำอะไรได้โดยไม่มีใครมาตัดสิน
  2. ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงน้ำหรือสบู่ที่อยู่บนตัว ช่วยให้เรารู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย เมื่อร่างกายผ่อนคลาย หรือคลายความกังวลลงไปได้ ก็จะทำให้สมองทำงานได้อย่างมีอิสระ ไร้แรงกดดัน ไอเดียสร้างสรรค์ก็จะถูกกระตุ้นออกมานั่นเอง
  3.  สารเคมีแห่งความสุข ความสบายตัวขณะอาบน้ำช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ยิ่งเราอารมณ์ดี สมองเรายิ่งเปิดกว้างและพร้อมจะคิดอะไรที่แปลกใหม่ได้ง่ายขึ้น

ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ Shower Effect จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอาบน้ำเพียงอย่างเดียว แต่คือผลลัพธ์ที่มาจากสภาพแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ ในระหว่างที่เรากำลังอาบน้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นสบู่ เสียงน้ำไหล อุณหภูมิของน้ำที่เข้ามาช่วยชะล้างความเหนื่อยล้าและคลายความกังวล เมื่อสมองเข้าสู่โหมดพักผ่อนและจิตใจที่สงบขึ้น ก็จะไปกระตุ้นไอเดียที่สร้างสรรค์ของเรานั่นเอง

ถ้าไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ จะกระตุ้นไอเดียออกมาได้อย่างไร ?

แม้ว่าผลสำรวจหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลายชิ้น พบว่าไอเดียที่ดีมักเกิดขึ้นขณะอาบน้ำ แต่ในโลกความเป็นจริง เราคงไม่สามารถลุกจากโต๊ะทำงานไปเปิดฝักบัวราดตัวทุกครั้งที่คิดงานไม่ออก แต่สามารถกระตุ้นสมองให้ทำงานคล้ายกับช่วงที่เรากำลังอาบน้ำได้เช่นกัน

  1. ปล่อยใจปล่อยจอยดูบ้าง ลองปล่อยให้ตัวเองได้หยุดพักดูบ้าง สัก 10-15 นาที อาจจะออกไปเดินเล่น ทำอะไรเพลิน ๆ ให้ร่างกายได้ขยับ หรือกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดความเครียดดูบ้าง 
  2. พาตัวเองไปยังที่ใหม่ ๆ สำหรับบางคนการนั่งอยู่โต๊ะทำงานนาน ๆ ก็ทำให้สมองล้าได้เช่นกัน การพาตัวเองไปในสถานที่ใหม่ ๆ ดูบ้าง ก็จะได้เปลี่ยนบรรยากาศช่วยกระตุ้นไอเดียใหม่ ๆ ได้
  3. ปัดฝุ่นไอเดียเก่า ๆ ดูบ้าง บางครั้งคำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่การเสาะหาใหม่เสมอไป ลองหยิบงานที่เคยถูกพับเก็บหรือไอเดียที่เคยรู้สึกว่ายังไม่ใช่กลับมาขัดเกลาอีกรอบด้วยมุมมองใหม่ ๆ ดูบ้าง
  4. จำลองเหตุการณ์ในสมอง ถ้าไม่มีเวลาปลีกตัวออกไปไหนจริง ๆ ลองหลับตาแล้วนึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลายดูบ้าง การดึงตัวเองออกมาจากความเครียดตรงหน้าซักพัก จะช่วยเปลี่ยนโหมดสมองให้เข้าสู่ภาวะพักผ่อน และพร้อมเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ได้ไม่แพ้การลุกไปเดินเล่นเลย

แม้ว่า การอาบน้ำ จะเป็นเพียงหนึ่งในวิธีช่วยจัดระเบียบความคิดที่ยุ่งเหยิงและเปิดโหมดพักผ่อนให้สมอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางออกเดียวสำหรับทุกปัญหา เพราะแต่ละคนย่อมมีวิธีรับมือและจัดการกับระบบความคิดที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง มหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง เจฟฟ์ เบโซส และบิล เกตส์ ก็ใช้วิธีล้างจานเป็นการผ่อนคลาย และฝึกสมาธิไปในตัว

หากตอนนี้คุณกำลังนั่งกุมขมับคิดงานไม่ออกจนปวดหัว เราอยากขอแนะนำให้ลองลุกไป “อาบน้ำ” ดูสักหน่อย หรือลองวางมือจากหน้าจอไปทำกิจกรรมเบา ๆ อย่างการเดินเล่น เพราะบางครั้งความสำเร็จก็ไม่ได้เกิดจากการกดดันตัวเองเสมอไป แต่มาจากการมอบรางวัลให้ตัวเองได้ “พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ”

จำไว้เสมอว่า การอนุญาตให้ตัวเองได้หยุดพักบ้างไม่ใช่เรื่องผิด และการผ่อนคลายเพียงเล็กน้อยนี้แหละ อาจเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้