แม้ว่าจะมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ของบริษัทฯ แต่การประกาศปิดสาขา 27 แห่งในเดนมาร์ก รวมถึงแผนกก่อสร้างและจัดหาในออสเตรเลียของ โดมิโนส์ พิซซ่า (Domino’s Pizza) ก็ได้สร้างความตกใจให้กับนักลงทุนไม่น้อย โดยวานนี้ (13 มิ.ย. 66) ราคาหุ้นของบริษัทฯ ร่วงลงไปถึง 11.9% ในช่วงเช้าของการเปิดตลาด และถือเป็นหุ้นที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของดัชนี S&P/ASX 200

รายงานข่าวของรอยเตอร์สระบุว่า โดมิโนส์ พิซซ่า ซึ่งเป็นร้านแฟรนไชส์สัญชาติออสเตรเลีย มีความต้องการที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มรายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีราว 25 – 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 580 – 700 ล้านบาท) ในปีงบการเงิน 2024 ให้กลายเป็น 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียให้ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ครึ่งแรกของปี 2023 ของบริษัทฯ ที่ 113.9 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,600 ล้านบาท)

แถลงการณ์ของ โดมิโนส์ พิซซ่า ระบุว่า สาขา 27 แห่งในเดนมาร์ก คิดเป็น 0.7% ของสาขาทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนอยู่ที่ 3,827 สาขา ทั้งนี้ การประกาศปิดสาขาในเดนมาร์ก รวมถึงแผนกก่อสร้างและจัดหาในออสเตรเลีย จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายราว 80 – 93 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1,800 – 2,100 ล้านบาท) ในปีงบการเงิน 2023 นี้

ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023 โดมิโนส์ พิซซ่า ประกาศรายได้สุทธิที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 (เดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม) มีการเติบโตของยอดคำสั่งซื้อที่อ่อนแอ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดการณ์อีกว่ากำไรสุทธิหลังหักภาษีสำหรับปีงบการเงิน 2023 นี้ จะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 144 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 3,300 ล้านบาท) ในขณะที่ยอดขายของสาขาเดิมจะยังคงต่ำกว่าแนวโน้มในระยะกลางที่ขยายตัว 3 – 6% ต่อปี แม้ว่ายอดขายดีขึ้นในไตรมาส 4 ก็ตาม

ทางด้านนักวิเคราะห์ของ Citi มองว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อเพิ่มรายได้ของ โดมิโนส์ พิซซ่า ในครั้งนี้ถือว่า “ยิ่งใหญ่เกินความคาดหมาย” และจะผลักดันให้ปีงบการเงิน 2024 มีผลกำไรอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวไม่อาจทำให้ธุรกิจของ โดมิโนส์ พิซซ่า อยู่รอดได้ตลอดไป เว้นเสียแต่ว่าบริษัทฯ จะปรับปรุงการให้บริการ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของแฟรนไชส์ให้นักลงทุนเชื่อมั่น ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่า โดมิโนส์ พิซซ่า ยังคงอยู่ในภาวะกดดันต่อไปในการดำเนินธุรกิจ

ที่มา : Reuters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส