สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานข้อมูลจาก นายซื่อ จี (Shi Ji) นักวิเคราะห์ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศของธนาคารซีเอ็มบี (China Merchants Bank) คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2 ของปี 2023 เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ อาจขายรถยนต์ได้ 155,000 คันในจีน คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าคู่แข่งในระดับท้องถิ่นอย่าง บีวายดี (BYD) จะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในจีนก็ตาม

ในขณะที่ธนาคารดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2 ของปี 2023 ยอดขายของเทสลาในจีนจะแตะ 153,000 คัน ในขณะที่ยอดขายทั่วโลกแตะ 448,000 คัน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง

นักวิเคราะห์ของธนาคารซีเอ็มบีระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดของเทสลาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงในไตรมาส 2 ของปี 2023 โดยลดลงมาอยู่ที่ 13.7% จากเดิม 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก บีวายดี และ ไอออน (Aion) ซึ่งเป็นคู่แข่งในระดับท้องถิ่นได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม

นายเยล จาง (Yale Zhang) กรรมการผู้จัดการของ ออโตโมทีฟ ฟอร์ไซต์ (Automotive Foresight) บริษัทที่ปรึกษาในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า สาเหตุที่เทสลาสูญเสียส่วนแบ่งตลาดรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้น เนื่องจากไม่สามารถทำราคาแข่งขันกับตลาดระดับล่างของจีนได้

ขณะเดียวกัน การที่เทสลาไม่มีตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าต้องสั่งซื้อรถยนต์โดยตรงนั้นก็มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นจุดอ่อนที่เทสลาต้องเร่งพิจารณา เนื่องจากบีวายดี ซึ่งเป็นคู่แข่งในระดับท้องถิ่นมีข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านตัวแทนจำหน่าย และรถรุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยามากขึ้น

ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของเทสลา รองจากภูมิภาคอเมริกาเหนือและเป็นฐานการผลิตใหญ่ที่สุด โดยในช่วงต้นปี 2023 บริษัทฯ ได้ลดราคารถยนต์รุ่นเก่า 2 รุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขายและเริ่มทำสงครามราคากับคู่แข่ง

ที่มา : Reuters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส