ในรายหนุ่ยทอล์กวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 66 พูดคุยกันถึงประเด็นเรื่อง ‘สงครามชิป? สหรัฐฯ vs จีน’ ดำเนินรายการโดย หนุ่ย พงศ์สุข พร้อมด้วยแขกรับเชิญที่มาร่วมเคราะห์ถกเถียงกันถึงประเด็นดังกล่าว ได้แก่ ดร.บิ๊ก-ณปภัช ปิยไชยกุล จากช่อง The Big Secret และชยนนท์ รักกาญจนันท์ Head Coach & Co-Founder FINNOMENA โดยมีเนื้อหาคร่าว ๆ ดังนี้

จุดเริ่มต้นสงครามชิป

  • ชิปมันฝังกระจายอยู่ทุกที่ รถก็ต้องใช้ เครื่องบินก็ต้องใช้ เกม มือถือ แม้กระทั่งธนาคารก็ต้องใช้ชิปในการรันระบบ ชิปมันแทรกซึมอยู่ทุกที่ในชีวิตประจำวันของเรา เพราะฉะนั้น ในเมื่อทุกคนต้องใช้มัน บวกกับการผลิตที่ยากอีก ทำให้ตลาดชิปเซมิคอนดักเตอร์กลายเป็นสนามแข่งขันประลองพละกำลังกันของมหาอำนาจ
  • ด้านอุตสาหกรรมเครื่องผลิตชิปก็ดุเดือดไม่แพ้กัน ตอนนี้เจ้าที่ผลิตได้ดีที่สุดคือ ASML อยู่ที่เนเธอร์แลนด์ ส่วน TSMC ของไต้หวันก็ซื้อเครื่องต่อจากฮอลแลนด์อีกที ซึ่ง TSMC เป็นเจ้าที่ใช้เครื่องนี้เก่งที่สุด เอามาปรับเปลี่ยนการใช้ได้ดีกว่าเจ้าอื่น ทำให้ TSMC เป็นบริษัทผลิตชิปที่น่าจับตามอง
  • ด้านสหรัฐฯ มีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นคนริเริ่มให้แบนจีน โดยเฉพาะการแบนชิป ซึ่งต่อมาในสมัยของโจ ไบเดน ก็ยังสานต่อนโยบายดังกล่าว เพื่อดึงอุตสาหกรรมการผลิตชิปกลับมาสู่อเมริกาให้ได้
  • ด้านสหรัฐฯ จึงชักชวนให้ TSMC มาลงทุนตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยเหลือให้ทุนเต็มที่ อย่างน้อยก็เพื่อดึงอุตสาหกรรมชิปกลับบ้าน แต่ TSMC ก็รู้เรื่องนี้ดี จึงไม่ได้เอาเทคโนโลยีชิปที่ทันสมัยที่สุดมาลงที่นี่ เพราะห่วงเรื่องความมั่นคง กลัวสหรัฐฯ จะขโมยเทคโนโลยีไป จึงเอามาผลิตแค่ชิปแบบ 5 นาโนเมตรเท่านั้น
  • ด้านจีน หลังเปิดตัว Huawei Mate 60 Pro ทำให้ทั่วโลกต่างให้ความสนใจว่าจีนทำออกมาได้อย่างไร เพราะโดนสหรัฐฯ แบนไปแล้วนี่นา แต่กลับเปิดตัวชิปแบบ 7 นาโนเมตรออกมาได้ซะงั้น ซึ่งจีนใช้ชิปของ SMIC ในการทำ
  • ซึ่งการที่ Huawei กล้าประกาศว่า Mate 60 Pro จะใช้ชิปแบบ 7 นาโนเมตร แสดงว่าชิปของเขามีความพร้อมในการผลิตในสเกลใหญ่แล้ว และจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

อุตสาหกรรมผลิตชิป ระหว่างจีนกับไต้หวัน

  • ไต้หวันยังได้เปรียบอยู่ เพราะได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก เป็นพาร์ตเนอร์สำคัญของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ซึ่งด้าน ASML ของเนเธอร์แลนด์ส่งเครื่องให้ไต้หวันใช้ แต่ไม่ให้จีน ทำให้ไต้หวันได้แต้มต่ออย่างมาก 
  • ส่วนจีน ฮือฮาตรงที่เขาไม่มีเครื่องผลิตชิปแบบไต้หวัน แต่กลับผลิตชิป 7 นาโนเมตรออกมาได้ ใช้แค่เทคโนโลยีแบบเก่า บวกกับซัปพลายทั้งหมดที่มี ซึ่งน่ากลัวตรงที่ถึงแม้จีนจะโดนกีดกันขนาดนี้แล้ว แต่ยังสามารถผลิตชิปออกมาได้เอง

ตลาดหุ้นจีนเป็นอย่างไรบ้าง หลัง Huawei เปิดตัว Mate 60 Pro

  • เดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงทั้งหมด ด้านตลาดหุ้นจีนก็เช่นกัน ตอนนี้ลดลงมา 12% ซึ่งน่าเป็นห่วง แม้จีนจะเปิดตัวชิปมาแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะจีนยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง เช่น Tech War, Trade War และอื่น ๆ
  • ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็มีปัญหาเช่นกัน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทางการจีนก็พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว แต่ยังไม่ได้ดีขึ้นมาก เศรษฐกิจจีนก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี
  • ภาคอสังหาฯ เป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่มากของจีน ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่ทำให้ GDP ของจีนโตได้ถึง 6%-7% แต่พอช่วงโควิดมา ทำให้ตลาดเริ่มพัง ใช้เงินเกินตัวจนอาจล้มเป็นโดมิโนได้ในอนาคต หลายบริษัทอสังหาฯ ก็เริ่มเบี้ยวหนี้เรื่อย ๆ บางที่ก็ล้มละลายไป
  • ดังนั้น ถึงแม้จีนจะเปิดตัวเทคโนโลยีล้ำหน้าเพียงใด คนก็ไม่มีเงินซื้อ คนกอดเงินไว้แน่น ไม่ยอมออกมาใช้จ่าย เพราะไม่รู้ว่าประเทศจะเจอปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ในภาคของการลงทุน อาจจะต้องไปก่อน
  • หากจะลงทุนในหุ้นจีน การลงทุนระยะสั้นอาจไม่ตอบโจทย์เท่าไร แต่ต้องเน้นเก็บยาว ๆ รอบริษัทเหล่านั้นมันฟื้นขึ้นมา ราคาก็จะดีดกลับขึ้นมาเอง

ที่มา: หนุ่ยทอล์ก

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส