วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2566 โดยมีรายได้จากการขาย 1,436.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% และมีกำไรสุทธิ 214.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2566 TKN มีรายได้จากการขาย 3,983.8 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 575.8 ล้านบาท

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 มีแรงหนุนจากการขายผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะสาหร่ายแบบอบที่มียอดขายเพิ่มขึ้นมาก ทำให้มีมาร์จินสูงขึ้น เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งตลาดในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มช่องทางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย พร้อมวางแผนขยายตลาดไปในประเทศแถบยุโรปเพิ่มเติม ซึ่งจะใช้โมเดลธุรกิจคล้ายกับในสหรัฐฯ เพื่อขยายตลาดต่อไป

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศคิดเป็น 35% และต่างประเทศ 65% ซึ่งทุกกลุ่มประเทศที่ส่งออกสินค้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศจีนมียอดคำสั่งซื้อฟื้นตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 150 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน

ในขณะที่ตลาดในอินโดนีเซียคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังมีผู้แทนจำหน่ายรายใหม่เข้ามาช่วยขยายช่องทางจำหน่ายทั้งร้านค้าแบบดั้งเดิมและร้านค้าท้องถิ่น นอกจากนี้ บริษัทในเครือที่สหรัฐอเมริกา สามารถปรับปรุงผลประกอบการกลับมาเกินกว่าจุดคุ้มทุนได้แล้ว หลังจาก 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีผลงานขาดทุน

สำหรับผลการดำเนินงานตลอดปี 2566 คาดว่าจะเติบโต 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งผลิตภัณฑ์สาหร่าย “เถ้าแก่น้อย” ยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดสาหร่ายอันดับ 1 ในทุกกลุ่ม ได้แก่ ทอด อบ และย่าง

ขณะเดียวกัน TKN ได้ขยายธุรกิจของบริษัทในเครือคือ บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด โดยได้ร่วมมือกับร้าน 71 หมูกระทะ เพื่อขยายสาขาร้านอาหารภายใต้โมเดลแฟรนไชส์ และได้เปิดร้าน ‘71 หมูกระทะ’ แห่งแรกที่เป็นสาขาแฟรนไชส์ในย่านบรรทัดทอง ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากผู้บริโภค และเตรียมพร้อมศึกษาการเปิดสาขาเพิ่มเติม 2 – 3 สาขาในปี 2567

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส