การลงทุนทั่วโลกกำลังเจอกับปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยหนัก เมื่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI Index), ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Tech), ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) และราคาทองคำ (Gold) ได้ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุด (New High) ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดยังมีความคล่องตัวสูง และนักลงทุนมองว่าสินทรัพย์ “ที่ไม่ใช่เงินสด” เป็นทางเลือกที่ดีกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรในภาวะดอกเบี้ยต่ำหรือลดลง แต่อีกแง่มุมหนึ่ง นักวิเคราะห์และนักลงทุนชื่อดังก็ออกมาเตือน ถึงอันตรายของตลาดที่เข้าใกล้ฟองสบู่เข้าไปทุกที

โดย MSCI World ดัชนีหุ้น (Stock Index) ที่รวมเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ (Large-cap) และหุ้นขนาดกลาง (Mid-cap) เป็นเกณฑ์มาตรฐานให้กับนักลงทุนต่างประเทศในการคัดเลือกหุ้นและผลตอบแทน ได้ทำสถิติสูงสุดไว้ที่ 4,356.33 จุด อ้างอิงจาก ⁦investing.com⁩

ปัจจัยที่หุ้นหลายตัวพุ่งขึ้นสูงมาจากการสนับสนุนหลักของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ที่มีผลประกอบการที่ดีเกินคาด ประกอบกับความคาดหวังของนักลงทุน ว่าธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มที่เติบโตอย่างโดดเด่นที่สุดคือ “หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี” โดยเฉพาะดัชนี NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่รวมของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ก็ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ระดับ 22,941.67 จุด

ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดคือการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทำให้หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อย่างเช่น

  • NVIDIA (NVDA) : ราคาหุ้นแตะระดับ 188.89 เหรียญสหรัฐฯ
  • AMD (AMD) : ราคาหุ้นแตะระดับ 226.70 เหรียญสหรัฐฯ
  • Microsoft (MSFT) : ราคาหุ้นแตะระดับ 555.45 เหรียญสหรัฐฯ
  • Apple (AAPL) : ราคาหุ้นแตะระดับ 259.24 เหรียญสหรัฐฯ

ในขณะเดียวกัน ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลก็คึกคักไม่แพ้กัน โดยสกุลเงินดิจิทัลหลักอย่าง บิตคอยน์ (Bitcoin) ได้สร้างสถิติราคาสูงสุดตลอดกาล (All Time High) โดยทะลุ 125,000 เหรียญสหรัฐฯ และแตะระดับ 126,200 เหรียญสหรัฐฯ (หรือ 4,036,489.87 ตามค่าเงินไทย) ชั่วคราวเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2025

การปรับตัวขึ้นครั้งนี้มีสาเหตุสำคัญมาจากการที่นักลงทุนและบริษัทขนาดใหญ่ เริ่มให้การยอมรับและเข้ามาลงทุนในบิตคอยน์มากขึ้น โดยมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอีกทางเลือกที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ในระยะยาว

ในขณะที่ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot ขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 3,977.19 เหรียญสหรัฐฯ/ต่อออนซ์ ส่วนราคาไทยขายออกบาทละ 61,750 บาท การปรับตัวขึ้นพร้อมกันของสินทรัพย์หลากหลายประเภทนี้ ชี้ให้เห็นถึงสภาวะตลาดที่เปิดรับความเสี่ยง (Risk-On Sentiment) อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนก็ควรติดตามข้อมูลข่าวสาร และปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสภาวะการลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา และทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่าภาวะปกติ