สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวเผยความพร้อมการจัดเลือกตั้งปี 2566

โดยในด้านการขนส่ง ทางไปรษณีย์ไทยจะดำเนิน 5 ภารกิจขนส่งสำคัญให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น ได้แก่ การจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ส.ส. 1/6) และเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักรล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว การจัดส่งและตอบกลับหนังสือแจ้งเจ้าบ้านที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง/ในเขตเลือกตั้ง

ซึ่งทางไปรษณีย์ไทยยังได้เตรียมรถขนส่งไว้ทั้งสิ้นกว่า 500 เที่ยว เพื่อจัดส่งบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ทั่วไปไปยัง 400 เขต มีการควบคุมความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และระบบติดตามอื่น ๆ ที่สามารถรายงานผลได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเปิดพื้นที่จัดตั้งศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้พื้นที่ของสำนักงานใหญ่ไปรษณีย์ไทย ในการจัดตั้ง ‘ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566’ เพื่อใช้ในการตรวจนับและการจัดเก็บบัตรเลือกตั้ง รายงานผลการปฏิบัติงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีระบบ CCTV, GPS และห้อง Control Room ที่สามารถติดตามการขนส่งและตรวจสอบ หากเกิดความผิดปกติได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า กกต. มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งปี 2566 โดยในปีนี้คาดว่าประชาชนกว่า 52 ล้านรายชื่อจะให้ความสนใจมากกว่าช่วงปี 2562
เนื่องด้วยจำนวนผู้มีสิทธิที่มากขึ้น และมีการรณรงค์ให้คนไทยออกมาใช้สิทธิค่อนข้างเยอะ ซึ่งสิ่งที่ กกต.
ให้ความสำคัญควบคู่กับการรณรงค์การใช้สิทธิเลือกตั้งในปีนี้คือมาตรการด้านความปลอดภัย และความโปร่งใส โดยขอให้เชื่อมั่นในการทำหน้าที่อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยในส่วนของความปลอดภัยได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมดูแลบัตรเลือกตั้งตลอดการขนส่ง ซึ่งมีทั้งรถนำ รถปิดท้ายขบวน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ติดอาวุธและนอกเครื่องแบบที่จะติดตามอย่างใกล้ชิด

นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กกต. กรมการกงสุล และไปรษณีย์ไทย ได้จัดส่งเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คูหาเลือกตั้ง สายรัดหีบบัตรเลือกตั้ง ไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกแล้ว ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความพร้อมอย่างมากในการอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยที่อยู่ต่างแดนที่มีความประสงค์ใช้สิทธิล่วงหน้านอกราชอาณาจักร สำหรับขั้นตอนต่อไปกรมการกงสุลจะเร่งให้เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลในต่างประเทศประชาสัมพันธ์ถึงวันเวลา สถานที่ และช่องทางการใช้สิทธิ เนื่องจากสถานทูต / กงสุลแต่ละแห่งกำหนดไว้ไม่เหมือนกัน

โดยนอกจากการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว กรมการกงสุลยังเข้มงวดเรื่องการส่งบัตรเลือกตั้งที่ทำเครื่องหมายหรือลงคะแนนเสียงแล้ว กลับมานับคะแนนที่ประเทศไทย โดยกำชับให้สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ เร่งรัดและติดตามการส่งขนบัตรให้กลับมาถึงประเทศไทยภายในเวลาที่กำหนดเพื่อส่งต่อให้แก่ไปรษณีย์ไทยเข้าสู่กระบวนการขนส่งตามขั้นตอน เพื่อให้คะแนนเสียงของคนไทยทุกคนที่อยู่นอกราชอาณาจักร ถูกส่งกลับมานับคะแนนตามวัน เวลา ที่ กกต. กำหนดต่อไป

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานสื่อสารและขนส่งหลักแห่งชาติ พร้อมที่จะสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 โดยนอกจากภารกิจการขนส่งบัตรเลือกตั้งแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังได้ใช้ความเชี่ยวชาญพร้อมทั้งฐานข้อมูลครัวเรือนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง และ กกต. ได้ทำการสื่อสารนโยบาย หรือข้อมูลต่าง ๆ ส่งตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย ด้วยบริการไปรษณียภัณฑ์ไม่มีจ่าหน้า หรือ Advertising Mail ในรูปแบบแผ่นพับ ใบปลิว โดยสามารถระบุพื้นที่กลุ่มเป้าหมายได้ด้วยฐานข้อมูลครัวเรือนของไปรษณีย์ไทย ที่มีความเชี่ยวชาญ แม่นยำทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีอัตราค่าบริการเหมาจ่าย 1.50 บาทต่อชิ้นทั่วประเทศ พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 50 กรัม โดยไม่กำหนดปริมาณงานขั้นต่ำ โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล หรือใช้บริการได้ที่ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ