นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบร่างแผนพัฒนาด้านสับปะรด พ.ศ. 2566 – 2570 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ

โดยร่างแผนพัฒนาด้านสับปะรดฉบับนี้ มีวิสัยทัศน์ คือ การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระดับโลกในการผลิต แปรรูป และสร้างคุณค่ามูลค่าทางเศรษฐกิจจากสับปะรดอย่างยั่งยืน ซึ่งขับเคลื่อนภายใต้ 5 พันธกิจหลัก ได้แก่ 

  1. สนับสนุนและพัฒนาสับปะรดให้สามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน
  2. ส่งเสริม สนับสนุน รวมถึงพัฒนาระบบการวิจัยและสายพันธุ์ การบริหารจัดการแปลง การบริหารจัดการดินและน้ำ การบริหารโซนนิ่งการเกษตร การจัดการระบบโลจิสติกส์ และการบริหารผลผลิตสับปะรด ให้มีความสมดุลทั้งอุปสงค์และอุปทานของระบบเศรษฐกิจ การเกษตรมูลค่าสูงและการบริโภค
  3. เสริมสร้างขีดความสามารถและการบริหารจัดการภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการเป็นศูนย์กลางการผลิต การแปรรูป และการตลาด
  4. ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ คุณภาพชีวิตเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็ง มีความมั่นคงในอาชีพ สามารถบริหารจัดการการเกษตรที่ยั่งยืนด้วยตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
  5. ส่งเสริมการสร้างสรรค์วิชาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตการแปรรูป รวมถึงการทำการตลาด

สำหรับตัวชี้วัดของร่างแผนพัฒนาด้านสับปะรดฉบับนี้ ประกอบด้วย พื้นที่ปลูกที่ได้รับการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากนโยบายภาครัฐ จำนวน 1,000 ไร่ต่อปี, ผลิตภาพการผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสับปะรด เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี, มูลค่าการส่งออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์สับปะรดเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่อปี (คำนวณจากปี 2565 จำนวน 23,700 ล้านบาท) และรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี (คำนวณจากปี 2565 จำนวน 330,700 บาท)

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์สับปะรดโรงงานในปี 2566 คาดว่าจะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตรวม 1.65 ล้านตัน จากเนื้อที่เพาะปลูก 430,958 ไร่ ซึ่งลดลงจากปี 2565 เนื่องจากเกษตรกรได้ลดพื้นที่เพาะปลูกลง เพราะปัญหาต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาปุ๋ยและสารเคมี รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

สำหรับผลผลิตสับปะรดในปี 2566 นี้ นางสาวรัชดา กล่าวว่า ร้อยละ 72 ของผลผลิตทั้งหมดจะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และผลผลิตร้อยละ 28 จะใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศ โดยข้อมูลการส่งออกสับปะรดปี 2565 ประเทศไทยส่งออกสับปะรดในรูปแบบผลิตภัณฑ์รวม 512,574 ตัน คิดเป็นมูลค่า 23,869 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 12.14

โดยประเทศที่ไทยส่งออกสับปะรดกระป๋องมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอมริกา, รัสเซีย และเยอรมนี (ตามลำดับ) ส่วนราคาที่เกษตรกรขายได้ในปี 2566 ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ แบ่งเป็นสับปะรดที่ส่งเข้าโรงงาน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.14 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 6.50 บาท และสับปะรดที่ใช้บริโภค เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.14 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 10.06 บาท