นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นในงานสัมมนาของ ธปท. โดยระบุว่า ตนมีความเห็นแลกเปลี่ยนกับ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ใน 5 ประเด็น

ประเด็นแรก นายเผ่าภูมิระบุว่า ตนเข้าใจความกังวลของ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เรื่องการทำนโยบายประชานิยมของรัฐบาลใหม่ ซึ่งหากรัฐบาลใหม่หมายถึงรัฐบาลเพื่อไทย นโยบายนี้ก็คงจะหมายถึง Digital Wallet ซึ่งขอแลกเปลี่ยนความเห็นดังนี้

1. Digital Wallet ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่คือการชุบชีวิตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ 10,000 บาท สำหรับทุกคน (อายุ 16 ปีขึ้นไป) สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจกระจายอยู่ทั่วทุกชุมชนทั่วประเทศ Digital Wallet เป็นความจำเป็น ไม่ใช่ทางเลือก ในจังหวะที่ประเทศบอบช้ำ และการสร้างกำลังซื้อตามธรรมชาตินั้นไม่ทันการ

2. เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ของ Digital Wallet สร้างเงินหมุนได้รวดเร็ว ตรงเป้า เขียนเงื่อนไข และระยะเวลาได้ ซึ่งจะเกิดเงินหมุนที่พลังสูงกว่าและเป็นตัวจุดกำลังซื้อรวดเร็วแม่นยำกว่าแบบดั้งเดิม

3. Digital Wallet นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเงินรองรับโลกยุคใหม่ พลิกโฉมประเทศ และการลงทุนที่จะตามมานั้น ซึ่งมีผลตอบแทนมากกว่าเงินที่ลงทุนไป

4. ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความมั่นคงทางการคลัง ทุกบาทที่ใช้ต้องมีผลตอบแทนสูง และย้อนกลับมาเป็นความมั่นคงทางการคลังในระยะยาว

ประเด็นที่ 2 นายเผ่าภูมิเห็นตรงกับ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ว่า หนี้ครัวเรือนคือปัญหาใหญ่ แต่เห็นต่างกันที่ต้นตอของหนี้ครัวเรือน ธปท. มองว่าเกิดจากดอกเบี้ยต่ำ คนจึงก่อหนี้เยอะ แต่ข้อเท็จจริงนั้น เกิดจากประชาชนและภาคเอกชนรายได้ทรุดลงอย่างกะทันหัน (Income Shock) จำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อการดำรงชีวิต และความอยู่รอดของธุรกิจ

พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเข้าแก้ไขปัญหาใน 2 ขั้นตอนทันที คือ (1) แก้หนี้ทันที ทั้งมาตรการพักหนี้เกษตรกร และหนี้ SME ที่เดือดร้อนจากโควิด และ (2) สร้างงานสร้างรายได้ทันที เริ่มจาก Digital Wallet ตามด้วยการดึงรายได้ใหม่เข้าประเทศจากการดูดการลงทุนใหม่ เปิดประเทศด้วยนโยบายต่างประเทศเชิงรุกทันที เป็นต้น

ประเด็นที่ 3 นายเผ่าภูมิเห็นแย้งกับ ธปท. ที่ไม่กังวลกับการตั้งรัฐบาลช้า การขาดงบลงทุนใหม่หลายแสนล้านบาทไปครึ่งปีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจ เสมือนรถใส่เกียร์ว่าง ไร้คันเร่ง ที่กำลังถูกแซงไปครึ่งปี และสำคัญกว่านั้นคือส่วนที่ไม่ใช่งบประมาณ ค่าเสียโอกาสของประเทศจากการชะลอการลงทุน การสูญเสียความเชื่อมั่น การย้ายฐานการผลิต ความสูญเสียในตลาดทุน และการขาดทิศทางของประเทศ สิ่งเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้ คือ สุญญากาศทางเศรษฐกิจ

ประเด็นที่ 4 เรื่องเสถียรภาพและศักยภาพของสถาบันการเงิน ในส่วนนี้ นายเผ่าภูมิเห็นเห็นต่างกับ ธปท. โดยระบุว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดกับดักคำว่า “เสถียรภาพ” สร้างธนาคารเป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง แต่กลับไม่ถูกใช้เป็นกลไกผลักดันทางเศรษฐกิจไปสู่รากหญ้าและ SME เพราะกลัวความเสี่ยงและกันคนเสี่ยงออกนอกระบบ จนการสร้างศักยภาพจากฐานของประเทศยังทำได้ไม่ดีพอ

และประเด็นสุดท้าย นายเผ่าภูมิระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะเดินหน้าพลิกโฉมประเทศสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยวิธีคิดแบบใหม่ สร้างรายได้แบบใหม่ ทัศนคติใหม่ แนวทางการบริหารแบบใหม่ สู่การพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย และสร้างการทำงานประสานระหว่างนโยบายทางการคลังกับนโยบายทางการเงินอย่างไร้รอยต่อ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส