หนังสือที่ทำให้เหล่านักอ่านรู้สึกใกล้ชิดกับสตาร์ดังแห่งยุคอีกครั้ง ทุกท่วงบรรทัดบรรยายราวกับเรานั่งข้าง ๆ ฟังบริตนีย์ถ่ายทอดชีวิตออกด้วยถ้อยคำแสนจริงใจ เปี่ยมเรื่องราวสุดน่าทึ่งที่น่าจะมีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้ และเบื้องหลังอันเจ็บปวดที่ไม่ใครล่วงรู้

หากย้อนไปถึงยุค 2000 ต้น ๆ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ‘บริตนีย์ สเปียร์ส’ ไอคอนแห่งความป๊อปปูล่า หนึ่งในซุปเปอร์สตาร์ที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี

และนับตั้งแต่ บริตนีย์ สเปียร์ส​ ขึ้นพูดต่อหน้าศาลครั้งแรก ในเดือนมิ.ย. 2021 ว่า “ฉันต้องการชีวิตฉันคืน” ในการถอดพ่อตัวเองออกจากผู้พิทักษ์ชีวิต และ​ทรัพย์สิน กลายเป็นเรื่องราวสร้างแรงกระเพื่อมมหาศาลในสังคม มันเปลี่ยนวิถีชีวิตของเธอ และชีวิตของผู้คนอีกมากมาย เกิดเป็น #FreeBritney

ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ทำหน้าที่เช่นเดียวกับการปรากฏ​ตัวในศาลครั้งนั้นของเธอเช่น เพื่อตอกย้ำว่าเธอได้ก้าวข้ามความเจ็บปวดเหล่านั้นมาได้ ทั้งยังพร้อมส่งต่อพลังใจแก่เหล่าแฟนเพลงของเธอ และอีกหลายล้านคนที่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้

ชีวิตช่วงแรก: จากเด็กสาวธรรมดา

ทุก ๆ เรื่องราวถูกบอกเล่าผ่านอัตชีวประวัติของ บริตนีย์ สเปียร์ส​ ตั้งแต่วัยเด็ก

เด็กหญิงบริตนีย์ เติบโตมาในครอบครัวที่เข้มงวดมาก ๆ ทำให้เธอต้องอยู่ในระเบียบวินัยแทบทุกเวลา โดนกดดันสารพัด จากคุณพ่อมีอาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง ส่วนคุณแม่เป็นครูสอนนักเรียนชั้นประถม หนำซ้ำครอบครัวนี้ไม่เคยเป็นเซฟโซนให้เธอได้เลย พ่อติดเหล้าหนัก และยังชอบทะเลาะกับแม่บ่อยครั้ง

แม้ครอบครัวเธอจะย่ำยีเธอเพียงใด แต่บริตนีย์ก็เข้าใจมันเป็นอย่างดี ในหนังสือ The Woman In Me บริตนีย์เริ่มเรื่องด้วยการเล่าถึงครอบครัวของเธอ เพื่อให้คนอ่านพยายามทำความเข้าใจการกระทำของคนเหล่านั้น ตาและยายที่พบรักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ยายหนีรักตามตามาจากอังกฤษ จนพบว่าชีวิตในอเมริกานั้นไม่ได้สวยงามเหมือนดั่งลอนดอน หรือกระทั่งชีวิตพ่อแม่เธอเองที่รักกันตั้งแต่อายุยังน้อย​ หลาย ๆ เหตุการณ์นี้อาจสร้างบาดแผลต่อคนในครอบครัวเธอ จนมันส่งผลกระทบต่อเธอเองในเวลาต่อมา

แต่เธอก็ผ่านวัยเด็กอันเลวร้าย มาด้วยการร้องเพลงตั้งแต่วัย 3ขวบ โดยความเชื่อตามคัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวว่า “ลิ้นของคุณคือคมดาบ” ก็ทำให้บริตนีย์ เชื่อเช่นกันว่า ลิ้นและดาบของเธอคือการร้องเพลงเช่นเดียวกัน เธอจึงชอบร้องเพลงอยู่เสมอ คลอเพลงตามเสียงวิทยุ เพราะสิ่งเดียวที่เธอต้องการคือหนีออกจากโลกในชี​ว​ิตประจำวัน เข้าสู่ดินแดนแห่งอิสรภาพ โดยไม่ต้องคำนึงสิ่งใด

การร้องเพลงจึงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความจริงกับความฝัน หรือเชื่อมระหว่างโลกที่ฉันอยู่จริง ๆ กับโลกที่ฉันอยากไปอยู่เหลือเกิน

จนเมื่อความสามารถของเด็กหญิงบริตนีย์ เริ่มเปล่งประกายฉายแวว เธอชนะรางวัลตามโรงเรียน​ ได้เป็นพิธีกรใน Mickey Mouse Club นั้นทำให้พ่อแม่ของเธอก็วาดฝันถึงโอกาสการเป็นนักร้อง ขณะเดียวกันก็เหมือนกับบริตนีย์ สาวน้อยบริสุทธิ์ ผู้มีความฝันยิ่งใหญ่อยากเป็นดาวเด่นดวงดังเหมือนอย่าง มาดอนนา, ดอลลี พาร์ตัน, วิทนีย์ ฮูสตัน เช่นกัน

ความรักของเจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป

ขณะที่เรื่องความรักของ บริตนีย์ สเปียร์ส ก็มีทั้งหวานปนขม ความรักในวัยเรียน เธอเริ่มจับมือเด็กหนุ่มครั้งแรกตั้งแต่ประถม 3 และเสียพรหมจรรย์ในช่วงมัธยมสามไปให้กับเด็กหนุ่มอายุ 17เท่านั้น รวมถึงการรักกับจัสติน ทิมเบอร์เลก และทำแท้งไปรอบหนึ่ง

ต่อมาบริตนีย์พบกับเควิน เฟเดอร์ไลน์ และเกิดมารู้สึกรักเขาอย่างรวดเร็ว จากการกอดของเค้า ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี แต่เควินมีลูกติด ไม่เพียงเท่านี้ เควินยังอาศัยบริตนีย์เองเป็นหนทางสู่การเป็นศิลปิน อย่างไรก็ตามทั้งคู่มีลูกชาย 2 คน ได้แก่ ฌอน เพรสตัน และ เจย์เดน เจมส์ ในท้ายที่สุด ชีวิตครอบครัวนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก

จุดสูงสุดของชีวิต: ผลงานโด่งดัง

เพลง Baby One More Time เปิดตัวความดังของบริตนีย์ สเปีย​ร์ส ในอายุ 16ปี ได้เป็นอย่างดี เพลงนี้ส่งให้เธอเป็นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ด 200ของสหรัฐอเมริกา จึงส่งผลให้เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เปิดตัวด้วยซิงเกิลและอัลบั้มติดอันดับหนึ่งในเวลาเดียวกันอีกด้วย และมียอดขายมากกว่า 10 ล้านชุดภายในปีนั้น ส่งให้บริทนีย์กลายเป็นนักร้องสาวเบอร์ต้นๆ ของวงการทันที​

ในปี 2000 บริทนีย์ สเปียร์ส ออกอัลบั้มชุดที่สอง Oops!… I Did It Again ซึ่งถือเป็น 1 ในอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบริทนีย์ โดยมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 20 ล้านชุด นอกจากนี้บริทนีย์ยังกวาดรายได้จากโปรโมตทัวร์อัลบั้มนี้ได้สูงถึง 40.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และปี 2012 อัลบั้ม Blackout ของเธอได้รับเลือกอยู่ในหอเกียรติยศดนตรีร็อคแอนด์โรล

อีกทั้งในปี 2021 เธอคือหนึ่งใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดที่จัดอันดับโดยนิตยสาร Time

ผลงานภาพยนตร์​เรื่องแรกของบริตนีย์คือ Crossroads ซึ่งถ่ายทำในปี 2001 เธอได้รับบทเป็น ‘ลูซี สาวผู้แสนดี’ โดยพยายามเป็นตัวละครนั้นให้สมจริงมากที่สุด จนทำให้เธอแยกไม่ออกระหว่างตัวตนจริงกับตัวละคร และส่งผล​ต่อความรู้สึกจนเธอไม่อยากเล่นหนังอีกแล้ว

สู่จุดร่วงโรย: กรงขังในครอบครัว

บริตนีย์​ ส​เปีย​ร์ส ได้รับการ​ขนานนามว่า ‘เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป’ แล้วหลังจากนั้นความดังทะลุขีดสุด ชีวิตเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ภาวะจิตใจที่บอบช้ำจากคนรอบตัว เหนื่อยล้า​เต็มที​จนอยากพักแต่ก็หยุดไม่ได้ เธอถูกมองว่าเป็นเพียงเครื่องผลิตเงินจากทั้งพ่อ แม่ และน้องสาวที่ไม่เคยนึกถึงความมีน้ำใจ และบุญคุณ​ที่เธอทำให้เลย

ไหนจะพวกบรรดาปาปารัซซี่ที่เข้ามารายล้อมด้วยความตื่นเต้น และหิวกระหายข่าวของเธอ พวกเขาพยายามลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอในทุกวันเวลา น้ำเสียงเหล่านั้นช่างน่ารังเกียจ ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ ตามติดชีวิตเธอ เพื่อที่จะอยากได้ข่าวของเธอไปขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ โดยไม่สนว่าชีวิตของเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง

“ไม่ว่าฉันจะมีแฟนๆ ทั่วโลกมากมายแค่ไหน พ่อแม่ก็รู้เหมือนไม่เห็นค่าของฉันอยู่ดี คุณทำกับลูกของคุณอย่างนั้นได้ยังไงเวลาที่เธอกำลังก้าวผ่านช่วงหย่าร้าง เปล่าเปลี่ยวและหลงทาง”

ช่วงชีวิตจากจุดสูงสุดสู่จุดตกต่ำ เมื่อเธอต้องทำงานหนัก อดทนกับการถูกกดขี่ ทั้งยังต้องโดนครอบครัวตัวเองกับเขาไว้ในสถานที่บำบัด ถูกพ่อแท้ ๆ พรากอิสรภาพ​ใน​ชีวิต ด้วยตำแหน่งผู้พิทักษ์มันแย่งทุกอย่างไปจากเธอ แม้กระทั่งชื่อของเธอ 

จนถึงการตัดสินใจว่าเธอจะกลับมาบงการชีวิตตัวเองอีกครั้ง สู่การเผยความรู้สึกและสิ่งที่ต้องเจอทั้งหมด​กับศาล จึงทำให้เธอได้รับการปลดปล่อยจากบวงพันธนาการเสียที

อย่างไรก็ตาม เล่มนี้ไม่ได้เล่าแต่มุมมืดของชีวิตบริตนีย์​ ส​เปีย​ร์ส แต่ก็เผยมุมตลกที่เราอาจไม่เคยเห็นที่ไหน อาทิ เธอเคยเมาแล้วเผลอเข้าพิธีแต่งงานกับเพื่อนโดยไม่รู้ตัว, เคยถีบหนุ่มมิลานตกรถ เพราะคุยไม่ถูกคอ, การแก้ผ้าเล่นน้ำสุดโลดโผน เป็นต้น

ความรู้สึกหลังอ่านจบ

อ่านลื่นไหลจนวางไม่ลง จนต้องยกความดีความชอบให้ทั้งบริตนีย์ ส​เปีย​ร์ส ผู้เขียน ที่สร้างสรรค์เรื่องราวจากชีวิตจริงของป๊อปสตาร์สู่แรงใจพลังหญิงฝ่าฟันอุปสรรค สั่นสะเสือนสังคม และผู้แปลทั้งสองที่ถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทยได้อย่างดี

ไม่ว่าใครก็ไม่ควรพลาด ‘The Woman in Me’ ด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะเหล่าแฟนคลับทุกท่านของตัวบริตนีย์ เพราะนี่คือเรื่องราวการต่อสู้อันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยถูกพรากทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอไป อีกทั้งบริตนีย์ สเปียร์ส ก็คือผลงานชิ้นเอกของตัวเธอเอง

ฉันสร้างทางเดินชีวิตของฉันเองได้ ฉันทำฝันให้เป็นจริงได้

ชื่อหนังสือ: บริตนีย์ สเปียร์ส
แปลจาก: The Woman in Me
ผู้เขียน: Britney Spears
ผู้แปล: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์ และจีรชาตา เอี่ยมรัศมี
สำนักพิมพ์: Amarin HOW-TO
ราคา: 425 บาท