เมื่อไม่นานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act : IEEPA) เพื่อดำเนินมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน

อาเซียน โดนภาษีทรัมป์ เท่าไหร่กันบ้าง ?

มาตรการภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 7 วัน นับจากวันลงนาม ซึ่งถือเป็นการเลื่อนระยะเวลาจากกำหนดเดิมที่ระบุให้เริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

  • เมียนมา 40%
  • ลาว 40%
  • บรูไน 25%
  • เวียดนาม 20%
  • ไทย 19%
  • อินโดนีเซีย 19%
  • ฟิลิปปินส์ 19%
  • กัมพูชา 19%
  • มาเลเซีย 19%
  • สิงคโปร์ 10%

จากข้อมูลข้างต้น เมียนมาและลาวเป็นสองประเทศในอาเซียนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ด้วยอัตราภาษีสูงถึง 40% และไทยเราเองโดนภาษีเท่ากับประเทศกัมพูชาอยู่ที่ 19%

ประเทศอื่นที่ถูกเก็บภาษีทรัมป์ในอัตราที่สูง

นอกจากประเทศในอาเซียน ยังมีอีกหลายประเทศที่สหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูง โดยเฉพาะ

  • ซีเรีย 41% เป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการใหม่นี้ ขณะที่ประเทศยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 14 ปี
  • สวิตเซอร์แลนด์ 39% เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจมายาวนาน แต่ถูกจัดเก็บภาษีในระดับสูง
  • อิรัก และเซอร์เบีย 35%
  • แอลจีเรีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, ลิเบีย และแอฟริกาใต้ 30%

มาตรการนี้ถือเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังคงใช้กลยุทธ์กดดันทางการค้าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

ทำภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างเตรียมรับมือกับต้นทุนการดำเนินงานที่อาจเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงจากการขึ้นราคาสินค้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก