หลายคนอาจมองว่า Gen Z คือเจเนอเรชันที่เป็นตัวของตัวเองสูง ชอบความสะดวก และมีทักษะในยุคดิจิทัล แต่ผลสำรวจล่าสุดกำลังเปิดอีกมุมมองที่น่าสนใจ เพราะแม้จะเติบโตมากับเทคโนโลยี แต่พวกเขากลับชอบการพบปะผู้คน และต้องการบรรยากาศการทำงานร่วมกับผู้อื่นมากกว่าที่คิด

จากรายงานของ Gallup องค์กรวิจัยชื่อดังของสหรัฐฯ พบว่า Gen Z มีแนวโน้มสนับสนุนการทำงานแบบ “ไฮบริด” (Hybrid Work) คือ การทำงานที่ผสมผสานระหว่างการทำงานในออฟฟิศและการทำงานจากที่อื่น มากกว่าการทำงานแบบริโมต (Remote) คือ การทำงานระยะไกลที่ไม่ต้องอยู่ในสถานที่ทำงาน หรือที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า Work From Home ซึ่งสวนทางกับภาพจำที่หลายคนคาดไว้

โพลชี้ Gen อื่น ชอบงาน Remote มากกว่า Gen Z

มีเพียง 23% ของพนักงาน Gen Z เท่านั้นที่บอกว่าชอบทำงานจากที่บ้านแบบ 100% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ Gen อื่น ๆ ซึ่งมีถึง 35%

71% ของ Gen Z สนับสนุนการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในบรรดาคนทุกวัย และพวกเขายังอยากให้เพื่อนร่วมงานเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศบ่อยขึ้นด้วย

จิม ฮาร์เตอร์ (Jim Harter) หัวหน้าทีมวิจัยของ Gallup บอกว่าเขารู้สึกแปลกใจกับผลลัพธ์นี้ เพราะหลายคนอาจคิดว่า Gen Z ที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลจะชอบการทำงานแบบ Remote แต่ในความเป็นจริงแล้ว Gen Z กลับรู้สึกว่า การทำงานแบบ Remote กำลัง “บั่นทอน” ทักษะในการทำงานของพวกเขา

ในขณะเดียวกัน การทำงานเข้าออฟฟิศ 100% ก็ไม่ได้รับความนิยมในทุกเจเนอเรชัน โดยตัวเลขผู้ที่อยากเข้าออฟฟิศเต็มเวลา คือ Gen Z 6%, Millennials 4%, Gen X 9% และ Baby Boomers 10%

3 สาเหตุที่ทำให้ Gen Z ไม่ชอบการทำงานแบบ Remote หรือ Work From Home เต็มรูปแบบ

แม้การทำงานในรูปแบบ Remote จะมีมากขึ้นหลังจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่ Gen Z ไม่ได้ต้องการทำงานแบบ Remote เต็มเวลา 100% เนื่องจากสาเหตุดังนี้

  1. ขาดพี่เลี้ยงสอนงาน (Mentorship) พนักงานที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานต้องการคำแนะนำจากรุ่นพี่ แต่การสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ทำได้ยากในสภาพแวดล้อมที่ต้องทำงานจากที่บ้าน
  2. ไม่เข้าใจภาพรวมขององค์กร Gen Z ที่ทำงานแบบ Remote มักจะรู้สึกไม่แน่ใจว่างานที่ทำอยู่มีความสำคัญต่อเป้าหมายใหญ่ของบริษัทอย่างไร
  3. ความเหงา ผลสำรวจอีกฉบับของ Gallup พบว่า 1 ใน 5 ของพนักงานมีความรู้สึกเหงาอย่างมีนัยสำคัญ และกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 35 ปีได้รับผลกระทบมากที่สุด

นอกจากนี้ฮาร์เตอร์ยังให้คำแนะนำสำหรับผู้นำองค์กร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อทุกคน โดยเฉพาะกับ Gen Z ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน

  • ทีมแบบไฮบริด ควรจัดให้มีวันทำงานในออฟฟิศพร้อมกันทั้งทีม เพื่อสร้างโอกาสในการพูดคุยและแก้ไขปัญหาร่วมกัน
  • ทีมที่ทำงาน Remote 100% ควรให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับพนักงานในเชิงลึกเกี่ยวกับเป้าหมายในอาชีพ ความท้าทาย และจุดแข็งของพนักงาน เพื่อสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการทำงานที่เหมาะสม อาจไม่ใช่เรื่องของทำที่ไหน แต่เป็นเรื่องของ “ทำอย่างไรให้พนักงานเติบโตและมีความสุข” เพราะทั้งรูปแบบริโมต ไฮบริด หรือเข้าออฟฟิศ ต่างมีข้อดีข้อเสีย ขึ้นอยู่กับบริบทของงาน ลักษณะองค์กร และความต้องการของทีม