ในยุคที่การทำงานแบบผสมผสานเริ่มคลืบคลาน หลายบริษัทก็เริ่มปรับรูปแบบการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยและเอื้อต่อพนักงานในบริษัทมากที่สุด วันนี้ BT beartai จะพาทุกคนมารู้จัก Digital Nomad ที่ดีที่สุดในโลกกัน
อันดับแรกสำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า Digital Nomad คืออะไร ? Digital Nomad คือการทำงานจากที่ใดก็ได้ในโลก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและแล็ปท็อป หรือที่รู้จักกันในชื่อ Digital Nomad ได้กลายมาเป็นรูปแบบการทำงานและใช้ชีวิตที่แพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอะไรที่อิสระมาก ๆ คนทำงานก็เลิฟ
ปี 2025 นี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกไม่ได้เลือกสถานที่พักอาศัยจากความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการทำงานและการใช้ชีวิตในระยะยาว

- คุณภาพชีวิตและความปลอดภัย : สภาพแวดล้อมที่น่าอยู่และรู้สึกปลอดภัย
- ค่าครองชีพ : ค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเกินไป เหมาะสมกับรายได้
- โครงสร้างพื้นฐาน : ความพร้อมของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและพื้นที่ทำงานระยะไกลที่สะดวกสบาย
10 เมืองสุดฮิต Digital Nomad 2025
ประเทศไทยของเราเอง จังหวัดกรุงเทพฯ ก็เป็นอันดับ 1 ที่ผู้คนชอบมาทำงานมากที่สุด รายงานล่าสุดจาก HotelWithTub แพลตฟอร์มค้นหาที่พักระดับโลก ได้จัดอันดับ 100 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ Digital Nomad ประจำปี 2025 ซึ่งผลสำรวจจากการเก็บข้อมูลกว่า 1,300 เมืองทั่วโลกนี้ ปรากฏว่า ประเทศไทย ได้รับการยกย่องให้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลก
มีเมืองติดโผมากถึง 7 แห่ง โดยมีไฮไลต์สำคัญที่ตอกย้ำสถานะของการเป็นศูนย์กลางการทำงานระยะไกลระดับโลก
- กรุงเทพมหานคร คว้าตำแหน่ง อันดับ 1 ของโลก ไปครอง
- นครราชสีมา ทำคะแนนสูงจนติดอยู่ใน Top 5 ของโลก
เหตุผลที่ “กรุงเทพฯ” ครองใจ Digital Nomad
- กรุงเทพมหานคร ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่ม Digital Nomad (คนทำงานทางไกล) ด้วยปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการทำงานและการใช้ชีวิตที่คุ้มค่า
- ค่าครองชีพถูก กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่มีค่าใช้จ่ายไม่แพง โดยมีค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือนสำหรับคนโสดอยู่ที่ประมาณ 1,537 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 50,000 บาท) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วโลก
- โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เมืองมีความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานระยะไกลอย่างดีเยี่ยม (เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, โคเวิร์กกิงสเปซ)
- คะแนนความพึงพอใจสูง กรุงเทพฯ ได้รับการประเมินจากกลุ่ม Digital Nomad เองด้วยคะแนนที่สูงถึง 4.55 เต็ม 5
- นักท่องเที่ยวกลับมาซ้ำ เมืองนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 23 ล้านคน/ปี และมีอัตราการกลับมาเยือนซ้ำสูงถึง 18% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และความประทับใจที่ไม่เสื่อมคลาย
ไม่ได้มีเพียงแค่ 2 เมืองเท่านั้น ประเทศไทยยังมีเมืองยอดนิยมติดอันดับอื่นที่ติด Top 100 Digital Nomad Destinations in 2025 มากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนถึง 7 เมือง ได้แก่
- กรุงเทพมหานคร
- นครราชสีมา
- เกาะพงัน
- เชียงใหม่
- เกาะลันตา
- ภูเก็ต
- กระบี่
แต่ถ้าใครอยากรู้ว่ามีเมืองอะไรที่ติด 100 อันดับแรกสำหรับชาว Digital Nomad ประจำปี 2025บ้างสามารถเข้าไปเช็กได้เลยที่ hotelwithtub นอกจากแต่ละเมืองจะครองใจชาว Digital Nomad ในแรงก์ของ 10 อันดับแรก ก็ยังมีค่าครองชีพที่ถูกและมาพร้อมกับความปลอดภัยในระดับดี ถึงดีมากเลยทีเดียว
หากเป็นคนที่กำลังมองหาไลฟ์สไตล์แบบ “อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ตัวไม่ต้องติดออฟฟิศ” เมืองเหล่านี้คือคำตอบที่คุ้มค่าและมีคุณภาพเลยทีเดียว