ภัยพิบัติเป็นเหตุการณ์ที่คาดเดาได้ยาก ซึ่งสามารถนำไปสู่การสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม เราสามารถเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภัยที่ไม่คาดคิดนี้ได้ ทาง BT beartai ได้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการจัดกระเป๋าฉุกเฉินสำหรับกรณีเกิดภัยพิบัติแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งข้อมูลต่อไปนี้อ้างอิงจากหน่วยงานด้านสาธารณภัยของสหรัฐอเมริกา (Federal Emergency Management Agency) และสมาคมกาชาดสหรัฐอเมริกา
ในโลกของสถานการณ์ฉุกเฉิน กฎเหล็ก 72 ชั่วโมง (3 วัน) คือมาตรฐานสากล แต่เมื่อภัยพิบัติลากยาวถึงระดับสัปดาห์ โจทย์จะเปลี่ยนจาก “การรอความช่วยเหลือ” ไปสู่ “การเอาตัวรอดด้วยตนเอง” ทันทีครับ
การเตรียม Survivor Pack หรือ กระเป๋าฉุกเฉิน สำหรับ 7 วัน จะเน้นการเลือกสิ่งของที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอดและมีน้ำหนักเบาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนที่หรืออพยพ ดังนั้น ก่อนการจัดกระเป๋าให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนว่าจุดประสงค์หลัก คือการเอาชีวิตรอด ทั้งเพื่อรอการช่วยเหลือ และการเอาตัวรอดด้วยตนเอง ไม่ใช่การรักษาทรัพย์สินหรือความสะดวกสบาย
วิธีจัดกระเป๋าฉุกเฉินเพื่อเอาตัวรอดจากภัยพิบัติแบบ 7 วัน
กระเป๋าฉุกเฉินที่จะเล่าต่อไปนี้ ทุกคนควรจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงที่ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราพร้อมเอาตัวรอดทุกเมื่อ
1. กระเป๋า
ควรเน้นกระเป๋าที่มีความจุสอดคล้องกับน้ำหนักและปริมาณสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเอาตัวรอด 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจอยู่ระหว่าง 40-50 ลิตร กระเป๋าควรมีความทนทานแข็งแรง สามารถกันน้ำหรือกันละอองน้ำได้ ควรมีสายคาดเอวหรือสายสะพายที่ซัปพอร์ตร่างกายเพื่อถ่ายน้ำหนักและความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว โดยกระเป๋าที่บรรจุสิ่งของจำเป็นแล้ว ไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว
2. น้ำดื่มและเครื่องกรองน้ำ
แม้ร่างกายมนุษย์ขาดน้ำไม่ได้ และตามหลัก FEMA แนะนำให้เตรียมน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 3.7 ลิตร) ต่อคน ต่อวัน ซึ่งไม่สามารถทำได้ในการปฏิบัติจริง และไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น ควรเตรียมน้ำสะอาดส่วนหนึ่ง อาจสัก 2-3 ลิตรสำหรับ 3 วันแรกที่รอคอยการช่วยเหลือ และส่วนที่เหลือให้ความสำคัญกับการกรองน้ำหรือการผลิตน้ำสะอาดมากกว่า อย่างการเลือกไส้กรองพกพาที่มักมาในรูปแบบหลอดดูดน้ำหรือถุงบีบ การพกขวดน้ำสเตนเลสที่สามารถใช้เพื่อต้มน้ำฆ่าเชื้อโรคแทนหม้อน้ำได้ การใช้เม็ดทำความสะอาดน้ำที่มีขนาดเล็ก (14-20 เม็ด) สำหรับเม็ดทำความสะอาดควรตรวจสอบสัดส่วน สารเคมี การใช้งาน และรูปแบบการใช้ว่าสำหรับน้ำเพื่อใช้ทำความสะอาดหรือใช้เพื่อการบริโภค
3. อาหารที่ให้พลังงานและน้ำหนักเบา
ในสถานการณ์ฉุกเฉินควรเน้นอาหารพร้อมรับประทาน อาหารสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูป ที่มีน้ำหนักเบา โดยจะต้องเป็นอาหารที่ไม่เน่าเสียได้ง่าย
เมนูแนะนำ
- อาหารกึ่งสำเร็จรูป อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กสำเร็จรูป อาหารแห้งแบบอื่น ๆ ที่สามารถเติมน้ำร้อนก็รับประทานได้เลย โดยอาจเตรียมไว้ 7-10 ซอง สำหรับมื้อหลัก
- เลี่ยงอาหารกระป๋อง ใช้เป็นซองแทน หากต้องการเนื้อสัตว์ ให้เลือกปลากระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูปอื่นในรูปแบบ “ซอง” แทนกระป๋องโลหะเพื่อลดน้ำหนักที่ต้องแบก
- Energy/Protein Bars 14-20 แท่ง สำหรับการกินระหว่างเคลื่อนที่ ไม่ต้องปรุง ให้พลังงานทันที
- ถั่วและผลไม้อบแห้ง ให้พลังงานสูง ทั้งไขมันและน้ำตาล น้ำหนักเบา เน่าเสียได้ยาก
4. เสื้อผ้าและถุงนอน
เสื้อผ้าควรเตรียมเท่าที่จำเป็นสำหรับ 7 วัน โดยไม่ต้องเปลี่ยนทุกวัน
- เนื้อผ้าที่แห้งง่าย ระบายอากาศได้ดี และให้ความอบอุ่นได้
- เสื้อคลุมเพื่อป้องกันอากาศหนาว
- เสื้อกันฝนที่สามารถสวมใส่และคลุมกระเป๋าฉุกเฉินได้
- ถุงนอนที่มีน้ำหนักเบา และกันอากาศจากภายนอกได้
5. สุขอนามัยและการรักษา
- ยาประจำตัว เตรียมยาประจำตัวเผื่อไว้ 10 วัน
- ชุดปฐมพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย เกลือแร่ ยาฆ่าเชื้อ ชุดทำแผล น้ำเกลือ สำลี และอื่น ๆ
- สเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อและทำความสะอาด ลดความเสี่ยงการเจ็บป่วย
- ทิชชู่เปียกห่อใหญ่ ใช้แทนการอาบน้ำ และทำความสะอาดต่าง ๆ หรืออาจเลือกใช้ทิชชู่เปียกที่ผสมสารทำความสะอาด
- ถุงขยะสีดำ จัดการของเสียต่าง ๆ
6. อุปกรณ์เอาตัวรอดอื่น ๆ
- แสงสว่าง ทั้งไฟฉายปกติ ไฟฉายคาดหัว เลือกใช้ใช้ถ่าน Lithium เพราะเบาและทนกว่า Alkaline
- ไฟ ไฟแช็ก 2 อัน และ แท่งจุดไฟ (Ferro Rod) เป็นแผนสำรองเมื่อไฟแช็กเปียกน้ำ
- Power Bank ขนาด 20,000 mAh ขึ้นไป
- นกหวีดฉุกเฉิน เสียงนกหวีดไปได้ไกลกว่าเสียงตะโกนและใช้แรงน้อยกว่ามาก
- วิทยุ แบบหมุนมือหรือโซลาร์เซลล์ สำหรับรับข่าวสารเมื่อเครือข่ายมือถือล่ม
นอกจากนี้ ควรศึกษาวิธีประหยัดแบตเตอรี่สมาร์ตโฟนเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินไว้ด้วย
7. เอกสารสำคัญและสิ่งของมีค่า
- เอกสารสำคัญ สำเนาบัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน, กรมธรรม์ประกันภัย (ใส่ถุงกันน้ำ)
- เงินสดสำรอง ธนบัตรย่อย เผื่อระบบธนาคาร/แอปฯ ล่ม
- กุญแจสำรอง กุญแจบ้าน/รถ
เมื่อคุณจัดกระเป๋าฉุกเฉินได้ตามที่ต้องการแล้ว ควรทดลองสะพายเป้แล้วเดินเพื่อทดสอบความคล่องตัว และสามารถปรับแต่งได้จนรู้สึกว่าพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวในกรณีฉุกเฉิน และเพื่อสุขอนามัยที่ดีและความสดใหม่ของอาหาร ควรเปลี่ยนอาหารสำรองอย่างน้อยทุก 6 เดือน รวมถึงการตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ด้วย