เคยสังเกตไหม ? แค่ออกไปทำงานหรือใช้ชีวิตตามปกติ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนโดนสูบวิญญาณจนหมดแรงทำอย่างอื่น บางทีสาเหตุอาจไม่ใช่เพราะคุณพักผ่อนน้อยหรือทำงานหนัก แต่อาจจะมาจากคำพูดของคนที่มี Energy Vampire อยู่ก็ได้
“แค่นี้เธอบอกว่าเหนื่อยแล้วเหรอ ? ดูฉันสิ ฉันเหนื่อยกว่าเธอตั้งเยอะ” 
“คิดมากไปหรือเปล่า ? ฉันแค่พูดเล่นเองนะ”
“ทำไมเรื่องแย่ ๆ ต้อเกิดกับฉันตลอดเลยนะ”
หากคำพูดเหล่านี้ ทำให้คุณเริ่มรู้สึกหมดแรง หรืออึดอัดใจที่จะคุยต่อ
นั่นอาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังถูก “Energy Vampire” หรือมนุษย์ดูดพลัง เล่นงานเข้าให้แล้ว

ทำความรู้จัก Energy Vampire คืออะไรกันแน่ ?

แวมไพร์ดูดพลัง (Energy Vampire) ไม่ใช่ผีดูดเลือดในหนัง แต่เป็นคำเปรียบเทียบทางจิตวิทยาที่ใช้เรียกบุคคลที่มีพฤติกรรม “ดูดกลืนพลังงานทางอารมณ์” จากคนรอบข้าง พวกเขามักจะต้องการความสนใจ การมีตัวตน หรือการปลอบประโลมอย่างไม่สิ้นสุด จนทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจ เครียด อึดอัด และวิตกกังวลได้

รู้จักประเภทต่าง ๆ ของ Energy Vampire

คนที่เป็นแวมไพร์ดูดพลังนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมักจะมาในรูปแบบพฤติกรรมหรือการกระทำที่สูบพลังงานชีวิตไปโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่แน่ Energy Vampire อาจมาในคราบเพื่อนสนิท แฟน หรือเจ้านายก็ได้

  1. แวมไพร์สายบ่น : คนที่มักเอาแต่บ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เพื่อน หรือสถานที่ทำงาน หรืออะไรก็ตาม พวกเขาก็หาเรื่องมาติได้เสมอ แม้จะดูไม่มีพิษภัยอะไรร้ายแรง แต่การต้องมารองรับคำบ่นที่ไม่มีวันจบสิ้น แถมไม่เคยคิดจะแก้ปัญหา ก็ทำให้เราหมดพลังไปได้ง่าย ๆ
  2. แวมไพร์สายดราม่า : เรื่องเล็กของคนอื่น คือเรื่องใหญ่ระดับโลกสำหรับพวกเขา แวมไพร์สายนี้มักสร้างหรือขยายความขัดแย้ง ดราม่าในที่ทำงาน ทำให้เรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่
  3. แวมไพร์สายจอมบงการ : มาในคราบของผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย มักจะเจ้ากี้เจ้าการ และต้องการควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามใจตัวเอง ใช้คำพูดที่ทำให้เรารู้สึกผิดหากไม่ทำตาม หรือลดทอนความมั่นใจของเรา เพื่อให้พวกเขารู้สึกเหนือกว่า การอยู่ใกล้คนประเภทนี้จะทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลงเรื่อย ๆ
  4. แวมไพร์สายรับบทเหยื่อ : “ทำไมโลกใจร้ายกับฉันจัง” คือประโยคติดปากของพวกเขา แวมไพร์สายนี้เชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำอยู่เสมอ ไม่เคยรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเอง และมักใช้ความน่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสนใจและการช่วยเหลือจากคุณ พอคุณช่วยแก้ปัญหาหนึ่งจบ เขาก็จะหาเรื่องทุกข์ใจเรื่องใหม่มาให้คุณแบกต่อทันที
  5. แวมไพร์สายหลงตัวเอง : เพราะฉันคือศูนย์กลางของจักรวาล บทสนทนาทั้งหมดจะต้องวนกลับมาที่เรื่องของพวกเขาเสมอ แวมไพร์สายนี้ขาดความเห็นอกเห็นใจ พวกเขาคาดหวังให้คุณชื่นชมและรับฟัง แต่พอเป็นเรื่องของคุณก็จะไม่อยากรับฟัง

How-to กางอาณาเขตป้องกันใจ เมื่อต้องปะทะมนุษย์ดูดพลัง

ในโลกความเป็นจริง เราอาจไม่สามารถตัดขาดจาก Energy Vampire ได้ทุกคน โดยเฉพาะถ้าเขาคนนั้นเป็นเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในครอบครัว หากเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้วิธี “สร้างเกราะป้องกัน” เพื่อไม่ให้ใจพังไปมากกว่านี้

  • ไม่ต้องมีรีแอ็กชันเยอะ จำไว้ว่าสิ่งที่ Energy Vampire โหยหาที่สุดคืออารมณ์ร่วมจากคุณ ไม่ว่าจะโกรธ เศร้า หรือเห็นใจ วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการทำเป็น “ก้อนหิน” รับฟังโดยไม่ต้องใส่อินเนอร์มากเกินไป เมื่อเราไม่เล่นตามเกม ไม่ดราม่าตอบ พวกเขาก็จะไม่สนุกและจากไปเอง
  • ปฏิเสธให้เป็น ควรขีดเส้นกั้นความเป็นส่วนตัว และท่องไว้เสมอว่า “การปฏิเสธไม่ใช่เรื่องผิด” ไม่จำเป็นต้องรับฟังทุกเรื่อง หากประเมินดูแล้วว่าเป็นเรื่องที่มากเกินไปก็ควรปฏิเสธไปตามจริงอย่างสุภาพ
  • อย่าพยายามเป็นเดอะแบก หลายคนตกเป็นเหยื่อ เพราะเป็นคนขี้เกรงใจและชอบช่วยเหลือ แต่ต้องจำไว้ว่า คุณเป็นเพียงผู้รับฟัง ไม่ใช่นักบำบัดจิตส่วนตัว และปัญหาของเขาก็ไม่ใช่หน้าที่ที่คุณต้องแบกรับ สิ่งที่ทำได้คือรับฟังด้วยความเข้าใจได้ แต่อย่าเอาตัวไปคลุกคลีหรือพยายามแก้ปัญหาแทนเขาทุกเรื่อง

ท้ายที่สุดแล้ว แม้การรับฟังและช่วยเหลือคนอื่นจะเป็นเรื่องดี แต่อยากให้คุณท่องจำไว้เสมอว่า “การปกป้องความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว” เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยของใคร หรือสวมบทฮีโรช่วยแบกรับโลกทั้งใบของคนอื่นไว้บนบ่าได้ตลอดเวลา

แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมสำรวจตัวเองด้วยว่า เรานั้นเผลอเป็น Energy Vampire ในชีวิตของใครอยู่หรือเปล่า ? ดังนั้นการรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองและเรียนรู้ในการรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พื้นที่ตรงกลางระหว่างเราและคนรอบข้างไม่เบียดเบียนกันจนหมดแรง