ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เมื่อจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ได้ลงมติไฟเขียวให้กลับมาเดินเครื่อง ‘คาชิวาซากิ-คาริวะ’ (Kashiwazaki-Kariwa) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง หลังจากปิดตายมานานเกือบ 15 ปี นับตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิถล่มฟุกุชิมะเมื่อปี 2011

ทำไมถึงต้องเปิดตอนนี้ ? 

รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าถึงเวลาที่ต้องลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศปีละมหาศาล (ปีที่แล้วจ่ายไปกว่า 10.7 ล้านล้านเยน) หรือราว 2.12 ล้านล้านบาท แถมเทรนด์โลกตอนนี้ AI กำลังบูม Data Center ก็ต้องการพลังงานไฟฟ้าอย่างมาก

ทำให้ประเทศญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะขยับสัดส่วนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ให้ถึง 20% ภายในปี 2040 เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน

แม้จะดูสอดคล้องกับยุคสมัย AI และความมั่นคง แต่ความกังวลเริ่มคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะประเด็นที่ทำให้กลายเป็นดราม่าก็คือโรงไฟฟ้านี้ จะบริหารโดยบริษัท TEPCO เจ้าเดียวกับที่ดูแลโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะที่เคยเกิดระเบิด ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 70% ยังรู้สึกหวั่นใจ แม้ TEPCO จะอัดฉีดงบกว่าแสนล้านเยน เพื่อพัฒนาพื้นที่และเรียกความเชื่อมั่นคืนมา แต่ภาพจำในอดีตมันยังชัดเจน และยังอยู่ในความทรงจำของผู้คน

ทำให้หน้าสภาจังหวัดวันนี้เลยมีแต่กลุ่มผู้ประท้วง ทั้งผู้สูงอายุและผู้ลี้ภัยจากฟุกุชิมะมารวมตัวกัน ร้องเพลง Furusato คือเพลงญี่ปุ่นที่มีความหมายว่าบ้านเกิด มีอยู่หลายเวอร์ชัน พร้อมชูป้ายคัดค้าน โดยบอกว่า ‘เราไม่อยากเสี่ยงกับอุบัติเหตุนิวเคลียร์อีกแล้ว’

ถ้าการโหวตวันนี้ผ่านฉลุย TEPCO วางแผนจะเริ่มเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์แรกในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มไฟให้โซนโตเกียวได้ราว ๆ 2% แต่อย่างไรก็ดีงานนี้ต้องจับตาดูกันยาว ๆ ว่าทิศทางพลังงานกับความปลอดภัยจะเดินไปด้วยกันได้ราบรื่นแค่ไหน