ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่าสหรัฐฯ จะเปิดให้ผู้โดยสารต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศได้อีกครั้ง ทั้งจากจีน อินเดีย สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ ในยุโรปอีกหลายประเทศในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดที่ประกาศออกมาหลังจากหนึ่งปีครึ่งที่มีการปิดกั้นไม่ให้พลเมืองที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันเดินทางเข้ามาในประเทศ

เจฟฟ์ เซียนท์ส ผู้ประสานงานของทำเนียบขาวกล่าวว่า จะมีข้อยกเว้นบางประการสำหรับนโยบายวัคซีนครั้งนี้ เช่น เด็กที่ยังไม่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีนจะไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว และกฎใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้กับนักท่องเที่ยวที่ข้ามพรมแดนทางบกมาทางเม็กซิโกและแคนาดาด้วย

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ห้ามพลเมืองส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน ซึ่งเคยอยู่ในอังกฤษ ยุโรป ไอร์แลนด์ จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ อิหร่าน และบราซิลภายใน 14 วันที่ผ่านมา แต่ล่าสุดจะผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวนี้แล้ว มีผลบังคับใช้เดือนพฤศจิกายน

สหรัฐฯ อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักในการผ่อนคลายข้อจำกัดต่าง ๆ โดยเฉพาะนักเดินทางในสหราชอาณาจักร เพราะถือว่าเป็นเส้นทางระหว่างประเทศที่คึกคักและสร้างกำไรได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

จากการประกาศดังกล่าวทำให้หุ้นของสายการบินรายใหญ่ของสหรัฐที่มีเส้นทางบินระหว่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อช่วงเที่ยงของเมื่อวานนี้ ทั้งเดลต้า อเมริกัน และยูไนเต็ด ส่วน เจตบลู ซึ่งเพิ่งเริ่มให้บริการในสหราชอาณาจักรในเดือนสิงหาคม ก็มีการขยับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ขณะที่ บริติช แอร์เวยส์ และผู้ให้บริการทางอากาศอื่น ๆ ในยุโรป ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส