[รีวิว] สายสืบหน้าฮ่าน – คู่หูแสบซ่าไขคดีฆาตกรรมไทบ้าน

Release Date
20/04/2022
แนว
ไทบ้าน, สืบสวน, คอมเมดี้
เรตผู้ชม
General
ความยาว
1 ชั่วโมง 15 นาที
Our Score
5.7

ภาพยนตร์ออริจินอลจากทาง MONOMAX ที่หยิบจับหนังแนว ‘ตำรวจคู่หู’ มาผสมกับความตลกคอมเมดี้แบบไทบ้าน พร้อมด้วยปมคดีชวนติดตาม จะเป็นอย่างไร? เมื่อคนร้ายที่อยู่ในงาน คือมือที่ไม่มีใครนั้นมองเห็น!

เรื่องราวของ ‘สายสืบหน้าฮ่าน’ เริ่มต้นเมื่อร้อยตำรวจตรี ปกรณ์ (ดิม แทททูคัลเลอร์) ตำรวจหนุ่มจากเมืองกรุง และ ร้อยตำรวจโท สืบศักดิ์ (อี๊ด โปงลางสะออน) นายตำรวจเลือดอีสาน ถูกสั่งย้าย ให้มาทำงานที่สภ.สูงเนินน้อย เพื่อร่วมมือกันสืบคดีการเสียชีวิตอย่างปริศนาในงานรถแห่ ซึ่งเป็นคดีที่มีพยานแวดล้อมอยู่ครบ แต่กลับจับคนร้ายไม่ได้ ทั้งคู่จึงต้องร่วมไขคดีเพื่อพิสูจน์ว่าอะไรกันแน่ที่เป็นคนฆ่าผู้ตาย คนร้ายหรือสิ่งที่มองไม่เห็น โดยมีศักดิ์ศรีของตำรวจเป็นเดิมพัน

ตั้งแต่เปิดดูครั้งแรก เอกลักษณ์หนึ่งที่ออกมาคือ การ ‘Proud to present ความเป็นอีสาน’ ที่เด่นชัดมาก ๆ หนังแสดงบรรยากาศไทบ้านออกมาได้ดี ตั้งแต่วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ภาษา รวมไปถึงความเชื่อ ที่สะท้อนให้เห็นเลยว่าชาวบ้านนั้นใช้สิ่งใดในการยึดเหนี่ยวจิตใจ และการไปยุ่งกับความเชื่อก็คือการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายในทุกทาง

ปกรณ์ ตำรวจหนุ่มจากเมืองกรุง

แต่การจะอธิบายอะไรแทนคนดูอาจต้องใช้เวลานานไป หนังจึงให้ปกรณ์และสืบศักดิ์เป็นตัวแทนของคนทั้ง 2 ฝั่ง โดยปกรณ์เป็นตัวแทนของคนที่ไม่เชื่อ แต่สืบศักดิ์เป็นตัวแทนของคนที่มีความเชื่อ ซึ่งพวกเขาก็ทำหน้าที่ซักไซ้แก่นของเรื่องราว แทนคนดูได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแนวคิดของทั้งคู่จะมีความขัดแย้ง แต่ก็เป็นความต่างที่เข้าคู่กัน เพราะทั้งคู่นั้นสามารถนำพาความเชื่อของคน 2 กลุ่มให้มาอยู่ร่วมกันได้

และ….. ถ้าคุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเครียดล่ะก็คิดผิดเลยล่ะ เพราะจากตัวอย่างนั้น หนังเรื่องนี้มีความคอมเมดี้โดยแท้ และแตะเรื่องราวความเชื่อไว้เป็นกิมมิคเล็ก ๆ ซึ่งถ้าบอกว่าคนเขียนบทได้แรงบันดาลใจมาจากโคนันหรือคินดะอิจิล่ะก็ ค่อนข้างเชื่อเลยล่ะ เพราะหนังมีกลิ่นอายคล้ายการ์ตูนนักสืบที่ตัวเอกต้องไปเผชิญคดีต่างถิ่นอันชวนเครียด แต่ก็ใช้เซนส์ความตลกของตัวละครหลักมากลบให้หนังไม่เครียดแทน

ด้านนักแสดงหลักอย่างดิมกับอิ๊ด ก็ถือว่าเป็นส่วนดีของหนัง แม้ว่าเคมีจะยังไม่เข้ากันเท่าไหร่ แต่ลูกล่อลูกชนของทั้งคู่นั้นก็ดูเข้าขา ตบมุกโบ๊ะบ๊ะแบบใส่สุดไม่ยั้ง ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายซีนค่อนข้างเป็นมุกที่สดเอาเรื่อง ขนาดที่ว่านักแสดงหลุดขำออกมาและผู้กำกับก็ยังอุตส่าห์นำเทคเหล่านั้นมาใช้ ซึ่งช่วยลดความเครียดของเรื่องราวได้อย่างดี

แม้ว่าตัวละครอื่น ๆ จะมีหน้าที่โผล่มาสร้างสีสันเป็นระยะ แต่ก็นับว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ ‘Represent’ ความเป็นไทบ้านได้อย่างดี เชื่อเลยว่าใครที่เป็นชาวไทบ้าน เมื่อได้ดูก็อาจจะมีความรู้สึก ‘Nostalgia’ ชวนระลึกถึงความหลัง ว่าครั้งหนึ่งคุณก็เคยมีความสุขกับสิ่งนี้มากเพียงใด

ขยับมาที่อีกหนึ่งหัวใจสำคัญ อย่างบทภาพยนตร์ที่เป็นปมปริศนาในเรื่องนั้น ก็นับว่าหยิบจับองค์ประกอบของความเป็นหนังสืบสวนมาใช้ได้อย่างดี แม้จะมีส่วนที่สะเปะสะปะซะเยอะ แต่ก็ยังพอมีเทิร์นนิงพอยต์ที่ช่วยนำทางให้เราได้เอะใจ จนร้อยเรียงเรื่องราวไปจับคนร้ายได้ 

สืบศักดิ์ นายตำรวจเลือดอีสาน

ถึงหนังเรื่องนี้จะมีท่าทีที่เป็นมิตรและเปิดรับคนทุกเพศทุกวัย แต่ก็อาจไม่เหมาะกับทุกคน เพราะด้วยจังหวะของหนังช่วงแรกที่ตัดค่อนข้างไว และยังอุดมไปด้วยเอฟเฟกต์เสียงยูทูบเบอร์อยู่ทั้งเรื่อง มันอาจทำให้บางคนรู้สึกรำคาญได้ ถ้าใครไม่ถนัดการดูหนังที่มีจังหวะรวดเร็ว และไม่ค่อยชอบเสียงเอฟเฟกต์ชวนหงุดหงิด ก็แนะนำว่าให้ผ่านเลย เพราะอาจพาลให้คุณเกลียดหนังเรื่องนี้ไปเลยก็ได้นะ

โดยรวมแล้วสายสืบหน้าฮ่าน เป็นหนังที่มีไอเดียตั้งต้นดี มีความพยายามที่จะเอาหนังตำรวจคู่หูมาผสมกับเรื่องราวตำนานความเชื่อของไทบ้าน แม้จะยังขาดเสน่ห์ในฐานะหนังสืบสวน แต่ความตลกก็ไม่เป็นรองใครเลยล่ะ ถ้าหากหนังวางบทดีกว่านี้ ลดความคอมเมดี้ลงหน่อย แวะข้างทางน้อย ๆ โดยโฟกัสเพียงแค่ความสัมพันธ์ฉันท์คู่หูของปกรณ์กับสืบศักดิ์ หนังจะดูมีชั้นเชิงและดูดีขึ้นมาก ๆ 

แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟกต์ไปเสียทุกด้าน แต่ก็เหมาะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าดูช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าหากคุณไม่ได้ไปไหนเรียกลูกหลานมาหา เปิดสายสืบหน้าฮ่านนั่งดูกันทั้งครอบครัว ก็นับว่าเป็นอะไรที่เพลินเหมือนกันนะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

ความสมบูรณ์ของบท
5
คุณภาพนักแสดง
6.5
การเล่าเรื่อง
5
โปรดักชัน-การถ่ายทำ
5
ความคุ้มค่าในการรับชมตามแนวหนัง
6.9
คะแนนจากผู้อ่าน0 Votes
0
จุดเด่น
หนังมีกลิ่นอายความเป็นไทบ้านอย่างชัดเจน ตลกไม่ห่าม มีสีสัน สามารถนั่งดูเพลิน ๆ กับครอบครัวได้
จุดสังเกต
บทที่สะเปะสะปะ เอาแน่เอานอนไม่ได้
นักแสดงประกอบที่ไม่ทำการบ้าน ดูออกเลยว่าไม่แข็งแรงทั้งทางด้านภาษาและการแสดง
จังหวะเสียงประกอบและการตัดต่อที่ยังไม่ลงล็อกเท่าใดนัก
ทำเป็นมินิซีรีส์ อาจจะสนุกกว่า
5.7