ในเดือนนี้มีอัลบั้มออกใหม่ที่น่าสนใจมากมาย มีทั้งที่ปล่อยออกมาแบบเซอร์ไพรส์หรือเป็นอัลบั้มใหม่ที่แฟน ๆ รอคอย เราเลยขอแนะนำอัลบั้มออกใหม่ที่น่าสนใจในเดือนนี้มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองฟังกันดู

FKJ – ‘V I N C E N T’

ในที่สุดก็ออกอัลบั้มใหม่มาสักที ! หลังจากที่ให้รอนานกว่า 5 ปี หลังจากที่ FKJ หรือ French Kiwi Juice ศิลปินที่ทำเพลงออกมาได้สุดฉ่ำล้ำลึกสมชื่อ ได้ปล่อยอัลบั้มแรก ‘French Kiwi Juice’ ไปเมื่อปี 2017 ซึ่งเชื่อว่าเป็นงานเพลงที่หลายคนติดใจเมื่อได้ฟัง กับการผสมผสานทางดนตรีในท่วงทำนองสุดชิลอันชวนอิ่มเอม จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกงานดนตรีเฟรนช์เฮ้าส์ยุคใหม่ ซึ่งนาย FKJ ได้นำเอาความรู้ทางด้านซาวด์เอ็นจิเนียร์จากโรงเรียนสอนภาพยนตร์ที่ได้ร่ำเรียนมา มาประกอบสร้างห้วงอารมณ์ทางดนตรีได้อย่างดีเลยทีเดียว

กลับมาคราวนี้ FKJ ได้เอาชื่อจริงของตัวเอง นั่นคือ ‘วินเซนต์ เฟนตัน (Vincent Fenton)’ มาตั้งเป็นชื่ออัลบั้ม ‘V I N C E N T’ อันประกอบไปด้วย 14 บทเพลงอันเปี่ยมไปด้วยสีสันทางดนตรีแถมมีนักดนตรีรับเชิญแจ่ม ๆ มาร่วมแจมมากมายอาทิ Santana, Little Dragon, และ Toro y Moi

ใน ‘V I N C E N T’ เราจะได้พบกับท่วงทำนองที่ประกอบขึ้นมาจากสุ้มเสียงอันงดงามของเครื่องดนตรีอันหลากหลาย การแต่งเพลงและเรียบเรียงอย่างละมุนและสดใหม่เปี่ยมเสน่ห์ ภายใต้คอนเซปต์ที่ FKJ บอกว่าเขากำลัง “มองหาหนทางที่จะออกไปจากห้วงความคิดและจิตใจแบบผู้ใหญ่” นั่นหมายความว่า ‘V I N C E N T’ จึงเป็นเสมือนพื้นที่เล่นของจิตวิญญาณอันสดใสและสดใหม่ของเด็กที่พร้อมจะผจญภัยไปในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างไร้ขอบเขต เป็นสนามเด็กเล่นที่เขาได้เชื้อชวนให้เราเข้าไปสนุกและล่องลอยด้วยกัน

Drake – ‘Honestly, Nevermind’

สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 7 ของแคนาเดียนแรปเปอร์ ‘เดรก’ (Drake) ที่ซุ่มเงียบทำและปล่อยออกมาแบบเซอร์ไพรส์โดยไม่ทันตั้งตัวในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ทิ้งห่างจากอัลบั้มชุดที่ 6 ‘Certified Lover Boy’ ได้ไม่ถึงปี อัลบั้มชุดนี้มีโปรดิวเซอร์มาร่วมงานหลายคนไม่ว่าจะเป็น Carnage, Black Coffee, และ Noah “40” Shebib และได้ 21 Savage แรปเปอร์หนุ่มผู้เคยติดโผผู้ทรงอิทธิพลของ ‘Forbes Under 30’ มาร่วมแจมในเพลง “Jimmy Cooks” แทร็กสุดท้ายปิดอัลบั้ม 

และเพื่อเป็นการต้อนรับการมาถึงของอัลบั้มใหม่ เดรกก็ปล่อย MV เพลง “Falling Back” ออกมา เป็นผลงานการกำกับของ Director X ที่น่าฮือฮาด้วยการที่ใน MV เราจะเห็นเดรกแต่งงานกับผู้หญิง 23 คนพร้อมกัน ! และมีนักบาสเกตบอลชาวแคนาดา ทริสทัน ทอมป์สัน (Tristan Thompson) มารับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของเดรกด้วย

นอกจากจะเซอร์ไพรส์ในเรื่องการปล่อยอัลบั้มแล้วอัลบั้มชุดนี้ยังสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟน ๆ ของเดรกด้วยการเปลี่ยนทิศทางในการทำเพลง ด้วยการใส่แนวดนตรีเฮ้าส์ เข้ามาอย่างเข้มข้น โดยมีส่วนผสมของแนวดนตรีเฮ้าส์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น บัลติมอร์คลับ, เจอร์ซีย์คลับ, ฮาร์ดเทคโน, อมาปิอาโน เป็นต้น ทำให้ ‘Honestly, Nevermind’ กลายเป็นสีสันใหม่สำหรับเดรกซึ่งอาจยังไม่หวือหวาฮือฮาแต่ว่าก็น่าจะเป็นจุดสตาร์ตของพรมแดนใหม่ ๆ ในงานเพลงของเขาต่อไป

Perfume Genius – ‘Ugly Season’

ไมค์ แฮเดรียส์ (Mike Hadreas) หรือ Perfume Genius กลับมาอีกครั้งพร้อมงานเพลงชุดที่ 6 ที่แรกเริ่มเดิมทีเป็นงานเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ประกอบการแสดงคอนเทมโพรารีแดนซ์ที่มีชื่อว่า “The Sun Still Burns Here” ในปี 2019 ที่เขาได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และร่วมแสดงกับนักออกแบบท่าเต้น เคต วิลลิช (Kate Williach)

จากจุดเริ่มต้นที่ ‘Ugly Season’ เป็นซาวด์แทร็กประกอบโชว์ มันก็ได้ถูกนำมาขยับขยายและจัดการให้กลายเป็นงานเพลงเต็มตัวจากการร่วมงานกันกับ อลัน  ไวฟ์เฟิลส์ (Alan Wyffels) คู่หูที่ร่วมงานกันกับ Perfume Genius  มานานและโปรดิวเซอร์ เบลก มิลส์ (Blake Mills) ที่เจ๋งไปกว่านั้นคืองานเพลงในอัลบั้มนี้มาพร้อมกับภาพยนตร์สั้นชื่อว่า “Pygmalion’s Ugly Season” กำกับโดยศิลปินนาม จาโคลบี แซทเทอร์ไวต์ (Jacolby Satterwhite) ที่ผสานไลฟ์วิดีโอ 3D แอนิเมชันและภาพพิมพ์เข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ

ส่วนในแง่ของงานดนตรี ยังคงมีลักษณะของงานเพลงแนวทดลองและมีความติสต์อยู่ไม่น้อย หลายเพลงชวนล่องลอยและต้องใช้สมาธิพอสมควร แถมเนื้อร้องส่วนใหญ่ในอัลบั้มนี้ยังมีความนามธรรมสูง ยากแก่การปะติดปะต่อ แต่ก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้เราเข้าไปร่วมสร้างความหมายและดื่มด่ำไปกับท่วงทำนองและถ้อยคำเหล่านี้  หากรับฟังมันด้วยใจที่เปิดกว้างและผ่อนคลาย เราจะได้รับประสบการณ์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

Foals – ‘Life Is Yours’

จากมรสุมโควิดทำให้ทัวร์ของอัลบั้ม ‘Everything Not Saved Will Be Lost – Part 2’ เป็นอันต้องถูกยกเลิกไป และต้องปรับกระบวนกันใหม่ บวกกับความคิดถึงท่วงทำนองของยามค่ำคืนที่มีสีสัน แสงไฟ และเสียงดนตรีอันเร้าใจ แถมในเดือนกันยายนปีที่แล้ว มือคีย์บอร์ด เอ็ดวิน คอนกรีฟ (Edwin Congreave) ก็ขอไปเรียนต่อ Foals ที่เหลือกันอยู่แค่ 3 คน เลยเกิดความคิดในช่วงเวลานั้นว่าอาจไม่มีอัลบั้มชุดใหม่อีกแล้ว แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้รวบรวมพลังขึ้นมาใหม่และลุยต่อจนสำเร็จเสร็จเป็นอัลบั้มชุดที่ 7

ด้วยความคิดถึงท่วงทำนองอันเร้าใจในยามค่ำคืน ท่วงทำนองดนตรีอันสนุกสนานและเต็มไปด้วยพลัง หงาดเหงื่อและรอยยิ้มของผู้ชมที่ขาดหายไปในวิถีชีวิตช่วงโควิด Foals ได้หยิบเอาจิตวิญญาณเหล่านี้ใส่กลับเข้ามาในงานดนตรีที่เต็มไปด้วยพลังแห่งดนตรีแดนซ์-ร็อก เรียกได้ว่าถ้าฟังและโยกตามไปทั้งอัลบั้มนี้มีเหนื่อยเลยทีเดียว เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน เป็นงานเพลงที่เหมาะแก่การต้อนรับชีวิตใหม่ที่พวกเราได้กลับมาสนุกสนานกันอีกครั้ง แต่ถึงแม้งานเพลงเหล่านี้จะถูกสร้างมาเพื่อการแดนซ์และสนุกไปกับมันแต่ก็ผสานไว้ด้วยห้วงอารมณ์ของการครุ่นคิด เป็นการผสมช่วงเวลาแห่งความเหงาเข้ากับพลังของความสนุกสดใส ทำให้ ‘Life Is Yours’ เป็นเสมือนยาต้านความเศร้าหมองในใจและตอกย้ำเราว่าชีวิตนี้เป็นของเราจงสนุกและเรียนรู้ไปในทุกท่วงทำนอง

George Ezra – ‘Gold Rush Kid’

ในผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ศิลปินหนุ่ม ‘จอร์จ เอซร่า’ (George Ezra) ได้พาเราเข้าไปสัมผัสตัวตนของเขาอย่างใกล้ชิด หลังจากผลงานใน 2 อัลบั้มก่อน [Wanted on Voyage (2014) และ Staying at Tamara’s (2018)] เอซร่าเลือกที่จะใช้เรื่องราวของผู้คน สถานที่ และสิ่งต่าง ๆ หลากหลายที่เขาได้พานพบจากการเดินทางไปทั่วยุโรป แต่สถานการณ์โควิดตั้งแต่ปี 2020 รวมไปถึงการได้รับรางวัล British Male Solo Artist จากรางวัล BRITs ในปี 2019 อันนำมาซึ่งความรู้สึกกังวลและกดดันจนนำมาซึ่งอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder) ได้ผลักให้เอซร่ากลับมาอยู่กับตัวเอง ได้เปิดบทสนทนาอย่างลึกซึ้งกับตัวตนภายใน ถูกทิ้งไว้กับเรื่องราวของตัวเองและกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาได้ปลดเปลื้องและปลดปล่อยมันออกมาผ่านงานเพลงชุดที่ 3 ที่มีชื่อว่า ‘Gold Rush Kid’

แน่นอนว่า ‘Gold Rush Kid’ ยังคงมีท่วงทำนองที่ฟังดูสดชื่นแจ่มใสในสไตล์ของเอซร่า เช่นในเพลงไตเติลแทร็ก “Gold Rush Kid” หรือ “Anyone for You” แต่ภายใต้ท่วงทำนองอันสนุกสนานเหล่านี้กลับมีเรื่องราวอันเป็นส่วนตัวที่สุดอันเป็นพรมแดนใหม่ที่เอซร่าเปิดเผยให้เราได้เข้าไปสัมผัส เช่น ในแทร็กที่ถ่ายทอดอารมณ์เหงาและโหยหาความรักอย่าง “Sweetest Human Being Alive” เล่าเรื่องปัญหาสุขภาพจากโรคย้ำคิดย้ำทำใน “I Went Hunting” หรือประสบการณ์แปลกใหม่ที่ได้รับในช่วงล็อกดาวน์ใน “The Sun Went Down” ดูเหมือนว่าเอซร่าจะได้ค้นพบช่วงเวลาที่มีค่า เป็นช่วงเวลาของการ “ตื่นทอง” ที่พบว่าเวลานี้ที่ประสบพบเจอนั้นมีความหมายกับชีวิตอย่างไรและถ่ายทอดมันออกมาผ่านสำเนียงกีตาร์และท่วงทำนองที่นุ่มนวลและเสียงร้องที่นุ่มลึกเพื่อให้เราได้อิ่มเอมใจกับชีวิตของเราผ่านบทเพลงของเขา.

Post Malone – ‘Twelve Carat Toothache’

‘Twelve Carat Toothache’ อัลบั้มชุดที่ 4 ของ Post Malone มาพร้อมศิลปินระดับซุปตาร์ที่มาร่วมแจมมากมายอาทิ Doja Cat, Fleet Foxes, Gunna, Roddy Ricch The Kid LAROI และ The Weeknd บอกเล่าเรื่องราวบนโลกอันวุ่นวายของนายโพสต์ที่พบกับเรื่องยุ่งยากใจและปัญหามากมาย แต่สุดท้ายเหมือนเขาจะได้พบทางออกในที่สุด

สิ่งที่ Post Malone ตั้งใจทำในอัลบั้มนี้คือบอกเล่ามันออกมาอย่างซื่อสัตย์  ถึงมุมมองอันใกล้ชิดที่เขามีต่อชีวิตตัวเองและถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวในการเผชิญกับปัญหานานาไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับชื่อเสียงใน “Reputation” ยาเสพติดใน  “Wasting Angel” ที่ฟีเจอริ่งกับ The Kid LAROI หรือเหล้ายาปลาปิ้งใน “Love/Hate Letter to Alcohol” ที่ได้ Fleet Foxes มาฟีเจอริ่งด้วย

ท้ายที่สุดอัลบั้มชุดนี้ก็คลอดออกมาในช่วงเวลาที่ Post Malone กำลังจะได้เป็นพ่อคน เหมือนเป็นจังหวะที่ดีที่เขาได้พบกับความคลี่คลายหรือจุดเปลี่ยนของชีวิตอันสำคัญและมันก็ได้แสดงตนออกมาผ่านงานเพลงในอัลบั้มนี้ ท่ามกลางท่วงทำนองอันมินิมอลที่ผสานความเป็นฮิปฮอปกับอัลเทอร์เนทีฟป๊อปเข้าไว้ด้วยกัน Post Malone ได้บอกเล่าเรื่องราวของเขาเองอย่างสัตย์ซื่อและพาเราเข้าไปสัมผัสกับการเดินทางจากถ้ำมืดไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

Angel Olsen – ‘Big Time’

‘Big Time’ คืออัลบั้มที่กลั่นออกมาจากช่วงเวลาที่หนักหนาทางอารมณ์สำหรับศิลปินสาว แองเจิล โอลเซน (Angel Olsen) เพราะภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากที่เธอเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของเธอกับพ่อแม่ ท่านทั้งสองก็ได้จากไป โอลเซ่นจึงตัดสินใจทำงานเพลงอัลบั้มใหม่ทันที และภายในช่วงเวลาเดียวกันเธอก็ได้สัมผัสกับประสบการณ์แห่งความเป็นอิสระในความสัมพันธ์ที่เธอปรารถนา แต่ว่าไม่นานเธอก็ได้เรียนรู้กับความเจ็บปวดอันเป็นอีกด้านหนึ่งของมันด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้บทเพลงใน ‘Big Time’ จึงประกอบไปด้วยช่วงอารมณ์อันหลากหลาย ที่มีความเข้มข้นและลุ่มลึก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เบิกบานจากความรู้สึกอิสระ ความเศร้าโศกจากการสูญเสีย ความหม่นเศร้า และการเข้าไปสัมผัสกับชีวิต อัลบั้มนี้จึงเป็นเสมือนภาพของชีวิตที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของประสบการณ์และอารมณ์ที่หลากหลาย

แม้แต่ภายในหนึ่งบทเพลงก็อาจมีการเคลื่อนผ่านทางอารมณ์ด้วยเช่นกันอย่างในแทร็กเปิดอัลบั้มอย่าง “All The Good Times” ที่เปิดอย่างเนิบ ๆ นุ่ม ๆ ก่อนที่กลางเพลงจะเติมความเข้มข้นของห้วงอารมณ์ลงไปผ่านองค์ประกอบดนตรีที่จัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเสียงกลองอันหนักแน่น มีการรัวกลองก่อนที่กลุ่มเครื่องเป่าจะเข้ามาสานต่ออารมณ์และค่อย ๆ คลี่คลายจนสงบลงอย่างนุ่มนวลในตอนจบ

งานเพลงของโอลเซ่นจึงเป็นการผสมผสานดนตรีคันทรี่ อเมริกาน่า หรือว่าวินเทจร็อกแอนด์โรลผ่านการเล่าเรื่องที่คมคายและน้ำเสียงที่น่าฟังได้อย่างลงตัว อันเป็นเสมือนประตูที่เปิดสู่การเดินทางทางอารมณ์ผสมเรื่องราวในชีวิตให้เราได้สัมผัสอย่างอิ่มเอม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส