เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 10 ปีบทเพลงสุดฮิตจากเกาหลีใต้ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ของวงการดนตรีโลก “Gangnam Style” ของ ‘PSY’ นักร้องหนุ่มมาดกวน ที่ปล่อยออกมาในปี 2012 และกลายเป็นปรากฏการณ์ฮิตระดับโลกเกือบจะในทันที ด้วยท่วงทำนองตื๊ด ๆ ที่ฟังง่ายติดหู (แต่ก็ชวนปั่นป่วนรูหูไม่น้อย) บวกกับเนื้อหาที่เป็นการล้อเลียนย่านคนรวยในเกาหลีอย่าง ‘กังนัม’ และท่าเต้น ‘ควบม้า’ ที่ทั้งกวนและฮาน่าเต้นตามมาก ๆ ทำให้มันกลายเป็นไวรัลจนคนทำคลิปคัฟเวอร์และเต้นตามกันทั่วโลก

แม้เวลาจะผ่านไปกว่าทศวรรษแล้วแต่เรื่องราวอันน่าทึ่งทั้งหลายที่ “Gangnam Style” ได้สร้างไว้ก็ยังคงอยู่ ในวาระครบรอบ 10 ปีของบทเพลงนี้เราจะมาสำรวจกันดูว่าอะไรบางคือสิ่งที่ทำให้บทเพลงนี้กลายเป็นปรากฏการณ์

1.

ใช้เวลาแค่ 3 เดือนก็ขึ้นไปถึงอันดับ 1 ในกว่า 30 ประเทศ

ในตอนแรกที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2012 นั้น “Gangnam Style” ได้ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม สื่อต่าง ๆ อย่าง CNN, ABC News และ The Wall Street Journal ต่างยกย่องเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเพลงนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลบนยูทูบอย่างมิอาจหยุดยั้งได้ และภายในสิ้นเดือนตุลาคมปีเดียวกันนี้ Gangnam Style ก็ได้ขึ้นสู่อันดับหนึ่งในกว่า 30 ประเทศ รวมทั้งออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

2.

Gangnam Style (เคย) เป็นวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุดในยูทูบ

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2012 Guinness World Records ได้ประกาศให้ “Gangnam Style” เป็นวิดีโอที่มีคนกดไลก์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูทูบ หนังสือพิมพ์ Dong-a Ilbo ของเกาหลีใต้ได้ลงแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยยูทูบว่า “ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม เมื่อได้มีการอัปโหลดมิวสิกวิดีโอ Gangnam Style บนเว็บไซต์ จนถึงวันที่ 28 กันยายน วิดีโอดังกล่าวมีการเข้าถึงโดยผู้คนใน 222 ประเทศ มากกว่าจำนวนประเทศสมาชิก 193 ประเทศของสหประชาชาติ” เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2012 Gangnam Style ได้กลายเป็นวิดีโอยูทูบ ตัวแรกที่มีคนดูถึง 1,000 ล้านวิว ถึงแม้ว่าในภายหลังจะมีเพลงฮิต 4 เพลงที่แซงหน้า Gangnam Style ไป นั่นคือเพลง “Despacito” ของ Luis Fonsi ft. Daddy Yankee ที่มียอดวิว 7,800 ล้านวิว, “Shape of You” ของ Ed Sheeran ที่ 5,700 ล้านวิว, “ See You Again” ของ Wiz Khalifa ft. Charlie Puth  5,500 ล้านวิว และ “Uptown Funk” ของ Mark Ronson ft. Bruno Mars 4,600 ล้านวิว แต่ว่า Gangnam Style ของ PSY ก็ยังครองตำแหน่งอันดับที่ 5 ของคลิปที่มียอดวิวสูงสุดในยูทูบด้วยยอดวิวกว่า 4,400 ล้านวิว

3.

ท่าเต้นควบม้ากลายเป็นท่ายอดนิยม

ความนิยมระดับปรากฏการณ์ของ Gangnam Style ส่วนหนึ่งนั้นคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามาจากท่าเต้น ‘ควบม้า’ ที่เป็นเอกลักษณ์ PSY เคยบรรยายท่าเต้นของเขาไว้ในรายการ The Ellen DeGeneres Show ว่า “ทำท่ากระเด้งให้เหมือนกำลังขี่ม้าล่องหน” ปกติแล้ว PSY เป็นที่รู้จักดีจากการคิดท่าเต้นที่สนุกสนาน และแฟน ๆ ชาวเกาหลีต่างก็คาดหวังอย่างมากเกี่ยวกับท่าเต้นของเขา PSY ยอมรับว่าเขามีความกดดันอย่างมากในการสร้างสไตล์การเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ ตอนที่คิดท่าเต้นให้กับ Gangnam Style เขาได้ทดสอบท่าเต้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัตว์ต่าง ๆ กับนักออกแบบท่าเต้นของเขาเป็นช่วงเวลาเกือบเดือนจนกว่าจะได้ท่าเต้นควบม้าที่ทำให้ Gangnam Style กลายเป็นตำนาน

4.

พูดถึงกังนัมซึ่งเป็นพื้นที่ของคนร่ำรวยในเกาหลีใต้

กังนัมเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ร่ำรวยที่สุดของเกาหลีใต้และตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ผู้คนในกังนัมควรจะเป็นคนที่อินเทรนด์ ฮิป ดัง ปังเวอร์และมี ‘คลาส’ “กังนัมสไตล์” เป็นศัพท์ภาษาเกาหลีที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ในช่วงเวลานั้น ซึ่งหมายถึงแฟชั่นสุดหรูและไลฟ์สไตล์ที่หรูหรานำเทรนด์ของผู้คนในกังนัม PSY กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าแม้ว่าเขาจะอ้างว่าตัวเองเป็นคนที่มี “กังนัมสไตล์” ในบทเพลงนี้ แต่ทั้งการเต้น รูปลักษณ์ และมิวสิกวิดีโอของเพลงก็ยังห่างไกลจากความเป็นไฮคลาส ทำให้มองได้ว่านี่เป็นอารมณ์ขันและความต้องการที่จะเสียดสีเกี่ยวกับความหลงใหลในวัตถุและยกย่องบูชาความหรูหราร่ำรวยของชาวเกาหลีใต้โดยใช้ย่านกังนัมเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงประเด็นนี้ได้ชัดเจน

อนุสาวรีย์กังนัมสไตล์ในย่านกังนัม

5.

เริ่มแรกหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพลง “Open Condom Style”

ในท่อนฮุกของเพลงนั้น PSY ได้ร้องว่า “Oppan Gangnam Style” ซึ่งแปลว่า “พี่ใหญ่ในแบบกังนัมสไตล์” คำว่า ‘โอปป้า’ นั้นเป็นสำนวนภาษาเกาหลีที่ผู้หญิงใช้เพื่อเรียกเพื่อนชายหรือพี่ชายที่อายุมากกว่า เมื่อผู้ฟังที่พูดภาษาอังกฤษได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก ท่อนฮุกของเพลงนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกเพราะได้ยินผิดว่าเป็น “Open Condom Style” ความสับสนนี้ทำให้เกิดความคิดเห็นมากมายในหน้าวิดีโอยูทูบของเพลง

6.

ได้รับการยกย่องว่าเป็นพลังแห่งสันติภาพของโลก

ท่าเต้นควบม้าแบบ “กังนัมสไตล์” ได้กลายเป็นท่าเต้นที่ผู้คนเต้นกันไปทั่วโลก แม้กระทั่งคนดังและผู้นำระดับประเทศก็ไม่พลาดที่จะเต้นท่าควบม้าของ PSY ไม่ว่าจะเป็นนายบอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร (ซึ่งในตอนนั้นเป็นนายกเทศมนตรีลอนดอน) ได้เปิดเผยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ว่าเขาและ (อดีต) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน (David Cameron) ได้เคยเต้นท่า “กังนัมสไตล์” มาแล้ว และอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา (Barack Obama) ของสหรัฐอเมริกาก็ไม่ยอมตกเทรนด์ออกมาบอกว่าตัวเองก็เต้นท่าควบม้ากังนัมสไตล์เป็นเหมือนกัน (ทำให้ต่อมามีคนหน้าเหมือนทำคลิปล้อโอบามาและภรรยามาเต้นท่ากังนัมสไตล์) ส่วนบัน คี-มุน (Ban Ki-moon) อดีตเลขาธิการสหประชาชาติก็ได้ยกย่อง “Gangnam Style” ว่าเป็น “พลังเพื่อสันติภาพโลก”

7.

ความนิยมได้นำไปสู่การล้อเลียนและการถกเถียงมากมาย

“Gangnam Style” กลายเป็นกระแสคลั่งไคล้และนำไปสู่การล้อเลียนมากมาย แม้กระทั่งการล้อเพื่อใช้ในนัยทางการเมืองก็ตาม เช่นคลิป “Tibetans vs China’s Xi Jinping: Gangnam Style” ที่ถูกอัปโหลดโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนขบวนการเอกราชทิเบต ได้อธิบายไว้ที่คำบรรยายของวิดีโอว่าคลิปนี้เป็นการล้อเลียนที่ใช้ “พลังของอารมณ์ขันและการแสดง” เพื่อเน้น “ความโหดร้ายและไร้แก่นสาร” ของ “นโยบายอาณานิคม” ของรัฐบาลจีนในทิเบต หรือในช่วงกลางเดือนกันยายน 2012 เจ้าหน้าที่กู้ภัย 14 คนจากเอลมอนเต แคลิฟอร์เนียถูกไล่ออกเมื่อพวกเขาอัปโหลดคลิปล้อเลียนกังนัมสไตล์ชื่อ “Lifeguard Style” ซึ่งพวกเขากำลังว่ายน้ำในชุดว่ายน้ำสีแดงและเต้นท่า “กังนัมสไตล์” หรือแม้แต่ของไทยเราเองก็มีกรณีแบบนี้เหมือนกันจนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องเป็นราวจากการที่เจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือไทยทำคลิปเต้นเพลง “Gangnam Style” ในเครื่องแบบ

8.

Gangnam Style กระตุ้นให้เกิดการยิงกัน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่กรุงเทพเรานี่เองเมื่อเพลง “Gangnam Style” ได้กลายเป็นชนวนเหตุการต่อสู้ด้วยปืนระหว่างแก๊งคู่แข่งสองแก๊งที่มาทานอาหารในร้านอาหารเดียวกัน จนเกิดเรื่องขึ้นเมื่อสมาชิกแก๊งของทั้งสองฝ่านต่าง “เต้นยั่วกันด้วยท่าเต้นแบบกังนัมสไตล์” เต้นท้ากันไปเต้นท้ากันมาจนกลายเป็นการยั่วโทสะ เริ่มต้นจากการด่าทอกันไปมาและจบลงที่การชักปืนออกมายิงกันในที่สุด แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้

9.

Gangnam Style ได้ก่อให้เกิดรายได้กว่า 13.4 ล้านเหรียญในกิจการด้านเสียงของเกาหลีใต้  

นับตั้งแต่เปิดตัว “Gangnam Style” ในกลางเดือนกรกฎาคม 2012 ราคาหุ้นของบริษัทต้นสังกัด YG Entertainment ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% นอกจากนี้ ในช่วงเวลานี้ ราคาหุ้นของ DI Corporation ซึ่งมีประธานกรรมการบริหารเป็นพ่อของ PSY ได้เพิ่มขึ้น 568.8% รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศว่า “Gangnam Style” ได้นำเงินเข้ามากว่า 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับกิจการด้านเสียงของประเทศ

10.

เพลง Gangnam Style ไม่มีลิขสิทธิ์

มีปัจจัยบางประการที่นำไปสู่ปรากฏการณ์ของ “Gangnam Style” ทั้งดนตรีที่สนุกสนานติดหูและท่าเต้นที่ดูฮาแต่ว่าน่าเต้นตาม จากโพสต์บนบล็อกของ Harvard Business Review หนึ่งในเหตุผลหลักเบื้องหลังความสำเร็จของ “Gangnam Style” คือเพลงนี้มีความตั้งใจที่จะ ‘ไม่มีลิขสิทธิ์’ ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถสร้างเวอร์ชันของตนเองและยิ่งเป็นการช่วยเพิ่มความสำเร็จให้กับต้นฉบับเข้าไปอีก ทำให้มีการอัปโหลดเพลงล้อเลียนมากกว่าหลายพันเวอร์ชัน

https://www.youtube.com/watch?v=eBQz4AZrNuk

ที่มา

learnodo-newtonic

variety

france-24

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส