จบไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยของนักร้อง นักแต่งเพลงวัย 20 ปี ‘บิลลี ไอลิช’ (Billie Eilish) กับทัวร์ที่ใช้ชื่อว่า ‘Happier Than Ever, The World Tour’ งานนี้ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี อวอร์ดส 7 ตัว จัดเต็มขนเพลงฮิตมามากกว่า 25 เพลง ทำเอาแฟนเพลงชาวไทยที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ออกอาการปลื้มปริ่มไปตาม ๆ กัน

ไอลิชถือเป็นศิลปินระดับ A-List เบอร์แรกที่ได้มาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย หลังไทยว่างเว้นการจัดคอนเสิร์ตสากลสเกลใหญ่แบบนี้มาเกือบ 3 ปี จากสถานการณ์โควิด-19 

เวลาประมาณ 20.48 น. ไอลิชโหมโรงคอนเสิร์ตด้วยเพลงจากสตูดิโออัลบั้มแรก ‘WHEN WE ALL FALL ASLEEP, WHERE DO WE GO?’ อย่าง “bury a friend” ที่มาพร้อมกับแสงสี และวิชวลโทนแดงดำ ฉูดฉาด เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มที่ปลุกเร้าอารมณ์ของแฟน ๆ ได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว

คอนเสิร์ตในครั้งนี้ไอลิชขึ้นเวทีบรรเลงร่วมกับ ฟินเนียส (Finneas) พี่ชายของเธอที่วันนี้รับอาสาเล่นทั้ง กีตาร์ คีย์บอร์ด และเบส ส่วนมือกลองได้ แอนดรูว์ มาร์แชล (Andrew Marshall) เข้ามาเป็นกระดูกสันหลังของโชว์

บทเพลงลำดับที่ 2 ไอลิชหยิบผลงานจากอัลบั้มใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Happier Than Ever’ มาให้โชว์กันรัว ๆ 3 เพลง ไล่ตั้งแต่ “I Didn’t Change My Number”, “NDA” และ “Therefore I Am” โดยในช่วงนี้ไอลิชได้แสดงให้เห็นถึง ‘พลัง’ อันเหลือล้นที่ขับเคลื่อนออกมาผ่านเสียงร้อง อันเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนความกระชุ่มกระชวยของเหล่า Gen Z อย่างแท้จริง

ก่อนเข้าเพลงที่ 5 “my strange addiction” ไอลิชกล่าวทักทายแฟนเพลงชาวไทยเป็นครั้งแรก ว่า

“เป็นไงบ้างทุกคน นี่คือครั้งแรกที่ได้มาที่นี่ ฉันยังไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อนเลย” หลังจากที่เจ้าตัวจะไล่เช็กเสียงแฟน ๆ ทั่วอิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ไอลิชก็ปรับเทมโป้ ลดจังหวะของโชว์ลงมาด้วยเพลง “idontwannabeyouanymore” ผลงานจากอัลบั้มเดบิวต์ ‘dont smile at me’ ก่อนจะร้องปิดท้ายช่วงนี้ด้วยเพลง “lovely” ผลงานที่เธอร่วมงานกับ Khalid

แม้คอนเสิร์ตในครั้งนี้จะมาแบบเครื่องดนตรี 2 ชิ้น แต่โชว์ก็ไม่ได้ฟังดูโหรงเหรงจนเกินไป งานนี้ต้องขอบคุณเสียงร้องและการเอนเตอร์เทนคนดูที่เอาอยู่จริง ๆ ของไอลิช นอกจากนี้การเรียงเซตลิสต์ของเพลงก็ทำออกมาได้ดี จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เพลง “you should see me in a crown”, “Billie Bossa Nova”, “GOLDWING”, “Halley’s Comet”, “Oxytocin” และ “ilomilo” ที่แม้เทมโป้หรือโทนของเพลงจะต่างกัน แต่ไอลิชและทีมงานก็หาทางเชื่อมต่อแต่ละเพลงออกมาได้ลงตัว อีกทั้งการให้ฟินเนียสเดินไปเดินมาคู่กับไอลิชบนเวที ก็ทำให้โชว์ดูมีอะไรมากขึ้นกว่าเดิม

นอกจากเรื่องการแสดงแล้ว งานวิชวลบนเวทีก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ มีความ creepy ตามสไตล์สาวไอลิช และโดยเฉพาะเลเซอร์ต่าง ๆ ที่กลายมาเป็นพระเอกของคอนเสิร์ตนี้

ช่วงกลางของคอนเสิร์ตไอลิช จัดโชว์แบบอะคูสติกมาเสิร์ฟแฟน ๆ ด้วยเพลง “I love you”, “Your Power” และ “TV” ก่อนเธอจะชวนคนฮอลล์มากระโดดสุดเหวี่ยงไปกับเพลง “bellyache”, “ocean eyes”, “Bored” (เพลงประกอบซีรีส์ ’13 Reasons Why’), “Getting Older”, “Lost Cause”, “when the party’s over” และ “everything i wanted” โดยมีไฮไลต์อยู่ที่เพลง “all the good girls go to hell” ซึ่งเธอได้ฉายวิชวลที่บอกเล่าถึงคำขวัญ “Save Earth” ที่เธอหวังรณรงค์ให้ทุกคนหันมารักษาสิ่งแวดล้อม และดูแลโลกของเรามากขึ้น

นักร้องสาวเจ้าของรางวัลแกรมมี ปิดคอนเสิร์ตของเธอในครั้งนี้ด้วย 2 เพลงดังจากอัลบั้ม 1-2 อย่าง “bad guy” และ “Happier Than Ever” ที่ทำเอาผู้คนแห่กันร้องตามสนั่นลั่นทุ่งเมืองทองธานี

ด้วยพลังที่ไอลิชแสดงออกมาในวันนี้ นับเป็นเครื่องการันตีชั้นดีว่าเหตุใดคนทั่วโลกถึงยกย่องเธอให้เป็นดาวโรจน์แห่งวงการเพลง ด้วยพลังอันเหลือล้นที่กลายมาเป็น ‘เดอะแบก’ ของโชว์ การแสดงออกกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่สะกดคนดูให้อยู่หมัด คงไม่ผิดแปลกอะไรหากจะบอกว่า วันนี้ไอลิชได้เนรมิตช่วงเวลาที่ทำให้ทุกคน ‘สุขกว่าที่เคย’ จริง ๆ

ขอขอบคุณภาพจาก Live Nation Tero  

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส