อย่างที่รู้กันดีว่าหนังเรื่อง ‘Catch Me If You Can’ เป็นหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสื่อชื่อเดียวกัน ที่เล่าเรื่องราวแบบกึ่งอัตชีวประวัติของ แฟรงก์ อบาเนล (Frank Abagnale) นักต้มตุ๋นหัวดีแต่ดันใช้สมองในทางที่ผิด ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันว่าใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ต่างก็สนุกจนวางกันไม่ลง

และดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง เพราะหนังสือเล่นนี้ดันไปถูกใจผู้กำกับมากฝีมืออย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) เข้า จนเขาได้หยิบหนังสือเล่มนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนัง ‘Catch Me If You Can’ ที่เข้าฉายไปเมื่อปี 2002 และได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกกลับมามากมาย

แน่นอนว่าพอกระแสตอบรับดีขนาดนี้ อบาเนลที่เป็นต้นฉบับเองก็อดที่จะยิ้มแก้มปริไม่ได้ แต่ถึงจะดีใจขนาดไหนอบาเนลก็ยังไม่ลืมว่า มีเนื้อเรื่องในหนังบางส่วนที่ถูกแต่งเติมจนมันออกจะเกิดจริงไปนิดหน่อย

อบาเนลได้ชี้แจงผ่านบล็อกส่วนตัวว่า เขาได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกมาในวัย 30 ปีก็จริง แต่เรื่องราวในหนังสือกลับเป็นเพียงมุมมองของเด็กอายุ 16 ปีเท่านั้น แถมเขายังถูก สแตน เรดดิง (Stan Redding) ที่เป็นนักเขียนร่วมสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลแค่เพียง 4 ครั้งเท่านั้นเอง ทำให้ถึงแม้เรดดิงจะมีทักษะการเล่าเรื่องที่สุดยอดขนาดไหน แต่การกระทำและบทพูดของบางตัวละครมันก็ออกจะเกิดจริงไปหน่อย

อบาเนลแย้งสิ่งที่หนังเอาไปต่อยอดว่า “ผมไม่เคยอยู่ในรายชื่อ 10 คนที่ FBI ต้องการตัวมากที่สุดนะ รายชื่อพวกนี้มันสงวนไว้สำหรับอาชญากรที่มีความรุนแรงมาก ๆ ที่มันเป็นภัยคุกคามต่อสังคม แล้วอาชญากรรมทั้งหมดที่ผมทำมันอยู่ในช่วงที่ผมอายุ 16 ถึง 21 ปี ผมได้รับโทษในเรือนจำประเทศฝรั่งเศส สวีเดน และสหรัฐอเมริกา ที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐ ฯ ผมถูกตัดสินให้เป็นผู้กระทำความผิดที่อายุน้อยที่สุด เนื่องด้วยอายุในช่วงที่ผมได้ก่ออาชญากรรม แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ได้รับโทษให้จำคุก 12 ปี อยู่ดี ถึงจะได้รับโทษจริง ๆ แค่ 5 ปีก็เถอะ”

ซึ่งอบาเนลเข้าใจดีว่านั่นเป็นสไตล์การเขียนของเรดดิง และมันก็คงจะเป็นสิ่งที่ถูกใจบรรณาธิการนั่นแหละ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้อบาเนลได้ขอให้ผู้จัดพิมพ์หนังสื่อใส่ข้อจำกัดความรับผิดชอบลงไปทั้งในหนังสือและเทปให้เขาด้วย

ซึ่งการดัดแปลงเหล่านี้ก็สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในโลกภาพยนตร์และเหตุผลส่วนใหญ่ที่มีการดัดแปลงเรื่องราวก็เพื่อให้หนังมีความสนุกมากขึ้นนั่นเอง

ที่มา: LADbible

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส