หากพูดถึงวงดนตรีหรือศิลปินชาวไทยที่เป็นขวัญใจของใครหลาย ๆ คน เราก็อาจจะนึกถึงชื่อศิลปินได้มากมาย แต่สำหรับบางคนวงที่พวกเขาอาจนึกถึงก็คือวงร็อกแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง บอดี้แสลม (Bodyslam), แคลช (CLASH) หรือ โปเตโต้ (POTATO) ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนเพลงของทั้ง 3 วงนี้ คอนเสิร์ตที่พวกเขาไม่ควรพลาดอย่างยิ่งก็คือ ‘ไทยประกันชีวิต presents THE GENTLEMEN LIVE 2: Ladies and Gentlemen’ ที่เพิ่งจัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี นั่นเอง

หลังจากความสำเร็จของคอนเสิร์ต ‘THE GENTLEMEN LIVE’ เมื่อปลายปี 2020 สู่การสานต่อมายังคอนเสิร์ตในปี 2022 ที่จัดขึ้นโดย GMM SHOW และ GAYRAY ซึ่งถือเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ 3 วงร็อกอย่าง Bodyslam, CLASH และ POTATO อีกครั้ง พร้อมกับเหล่าศิลปินหญิงที่มาร่วมเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษอย่าง วี-วิโอเลต วอเทียร์ (Violette Wautier), โบกี้ไลอ้อน (Bowkylion) และวง 4EVE

พอถึงช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ไฟในฮอลล์ก็ค่อย ๆ ดับลง และคอนเสิร์ตในช่วงแรกก็เริ่มขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเปิดตัวศิลปินสุภาพบุรุษทั้ง 3 คน โดยศิลปินคนแรก คือ แบงค์ วง CLASH ที่ออกมาร้องเพลง “กอด” ต่อด้วยศิลปินคนที่ 2 ปั๊บ วง POTATO ในเพลง “รักเธอไปทุกวัน” และศิลปินสุภาพบุรุษคนสุดท้าย ตูน จากวง Bodyslam ที่มาในบทเพลง “คนที่ถูกรัก”

คอนเสิร์ตในครั้งนี้นั้นมีหลายอย่างที่เกินคาดกว่าสิ่งที่ผู้เขียนคิดไว้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดลำดับของศิลปิน ที่ผู้เขียนแอบเดาไว้ว่าใครจะออกมาเป็นคนแรก แต่ก็คาดเดาไม่ถูก เพลงที่ถูกนำมาแสดงภายในงาน หรือแม้กระทั่งการปิดจบของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ โดยวงดนตรีที่ได้แสดงเป็นวงแรกของการแสดงในครั้งนี้ คือ Bodyslam ที่มาพร้อมกับความมัน ขนเพลงฮิตจากอัลบั้มมาด้วยกัน 4 เพลง ไม่ว่าจะเป็น “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง”, “แสงสุดท้าย”, “ยาพิษ” และเพลง “แค่หลับตา” ที่ได้ วี วิโอเลต ออกมาร่วมร้อง ต่อด้วยเพลง “I’d Do It Again” และ “ถ้าเราเจอกันอีก” ของวง Tilly Birds ที่เป็นเพลงปิดท้ายในโชว์คู่

หลังจากที่ตูนและวีได้เดินลงไปจากเวทีไม่นาน Bowkylion ก็ปรากฏตัวบนเวทีด้วยเพลง “ละครรักแท้”และแบงค์ที่มาในเพลง “ลงใจ” ซึ่งถือเป็นการสลับกันร้องได้อย่างลงตัว คู่ของแบงค์และ Bowkylion ปิดท้ายโชว์ด้วยเพลง “ขอเจ็บแทน” ก่อนจะถึงคิวของ ปั๊บ วง POTATO ที่ออกมาพร้อมกับวง 4EVE ในเพลง “วัดปะล่ะ” เวอร์ชันร็อก และเพลง “เพียงพอ”

หลังจากเพลง “เพียงพอ” จบลง บรรยากาศภายในฮอลล์ก็เงียบไปช่วงหนึ่ง ก่อนที่ศิลปินทุกคนจะออกมาร้องเพลงร่วมกันในบทเพลง “ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ” และร่วมพูดคุยกันเล็กน้อย ทักทายแฟน ๆ ที่มาร่วมงานกันอย่างสนุกสนาน ก่อนเวทีนั้นจะถูกส่งต่อให้แก่วง POTATO ที่มีการเพิ่มเครื่องดนตรีเข้าไปในบทเพลง ได้แก่ ไวโอลิน, ฟลูต และเพอร์คัชชัน จนทำให้เสียงดนตรีและท่วงทำนองต่าง ๆ ไพเราะและกินใจมากยิ่งขึ้น กว่า 6 บทเพลง ไม่ว่าจะเป็น “ทิ้งไว้กลางทาง”, “ไม่ให้เธอไป”, “หมดความหมาย” และคั่นด้วยการร้องเพลงคู่กับ Bowkylion อย่าง “ชีวิตที่ขาดเธอ” และปิดท้ายด้วยเพลง “ที่เดิม” กับ “ขอบคุณที่รักกัน”

หลังจากวง POTATO แสดงจบ ทางผู้จัดงานได้มีโชว์ที่น่าสนใจคั่นให้แก่ผู้ชม โดยทางทีมงานได้ไปทำการสำรวจตามร้านกลางคืนและรวบรวมผลคะแนนมาว่า “เพลงฮิตเพลงไหนในช่วงนี้ที่คนอยากฟังในคอนเสิร์ตมากที่สุด” ซึ่งคำตอบที่ออกมานั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 เพลง และกลายมาเป็นโชว์สุดพิเศษโดยศิลปินทั้ง 3 คน กับวงดนตรีเฉพาะกิจที่มีแค่ภายในคอนเสิร์ตนี้เท่านั้น โดยใช้ชื่อวงว่า “THE GENTLEMEN SUPER BAND” เพลงแรก คือ “โต๊ะริม” ของ นนท์ ธนนท์ ที่ร้องโดย ตูน Bodyslam ต่อด้วย “ทักครับ” ของ วง Lipta โดย แบงค์ วง CLASH และปิดท้ายด้วย ปั๊บ วง POTATO ที่มาร้องในเพลง “แดงกับเขียว” ของวง TaitosmitH

หลังจากโชว์สุดพิเศษจบลง และพักไปเพียงไม่กี่นาที ปั๊บ แบงค์ และ ตูน ก็ย้ายมาอยู่ที่เวทีเล็กเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับแฟนเพลงมากยิ่งขึ้น และมาร่วมร้องเพลงด้วยกันต่อหน้าแฟน ๆ อย่าง “เสียดาย” และ “ฝนตกไหม” ก่อนจะกลับขึ้นสู่เวทีใหญ่ปั๊บและตูนได้ส่งต่อเวทีให้แก่วง CLASH ที่จัดลิสต์เพลงฮิตจังหวะสนุก ๆ ให้ผู้ชมได้โยกและกระโดดตามจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ อย่าง “ยิ้มเข้าไว้”, “โรคประจำตัว”, “ใจเย็น ๆ”, “สัจอธิษฐาน” และ “ใส่ร้ายป้ายสี”

หลังจากจบช่วงของวง CLASH ไป คอนเสิร์ตในครั้งนี้ก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายที่ดูเหมือนว่าทางผู้จัดงานตั้งใจอยากจะปิดจบด้วยเพลงที่ทุกคนร้องตามกันได้ ไม่ว่าจะเป็น “คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ”, “ซมซาน” และเพลงสุดท้าย “อย่างน้อย” ที่ศิลปินทุกคนออกมาร่วมกันร้องในตอนจบ

เรียกได้ว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ถือเป็นการรวมโชว์ที่มีความหลากหลาย เกินคาด และตื่นตาตื่นใจแฟน ๆ เป็นอย่างมาก สำหรับตัวผู้เขียนรู้สึกประทับใจหลายอย่างของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเอนเตอร์เทนต์ของศิลปินที่ทำเอาแฟนเพลงนั่งกันแทบไม่ติดเก้าอี้ มันจนต้องโยกหัวและกระโดดตาม ชวนให้ผู้ชมร้องตามกันสุดเสียง ในด้านการออกแบบบนเวที รวมถึงงานวิชวลบนจอภาพนั้นมีความสวยงาม ตราตรึง และดึงดูดใจเป็นอย่างมาก เป็นส่วนที่มาเติมเต็มให้โชว์ในครั้งนี้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เขียนโฟกัสและพุ่งสายตาไปบนเวทีแบบไม่มีอะไรมากวนใจ

แต่ในช่วงท้ายของคอนเสิร์ตผู้เขียนเองแอบมีความรู้สึกว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้จบลงแบบไม่เต็มอิ่มมากนัก ทั้งที่ปูทางมาอย่างเมามัน อัดแน่นไปด้วยโชว์และการแสดงอย่างเต็มรูปแบบ แต่พอมาถึงช่วงท้ายกลับรู้สึกว่ามันค่อนข้างแผ่วมาก ๆ จนแอบรู้สึกขัดใจว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้มันจบแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ทุกอย่างดูจบลงไปแบบเนิบ ๆ จนผู้เขียนเองก็ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน แต่อย่างไรก็ดี คอนเสิร์ตในครั้งนี้ก็ยังคงมีความประทับใจที่บรรยากาศภายในงานโดยรวมนั้นเต็มไปด้วยความสนุก ความสุข ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ชม และถือว่าเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่น่าจดจำในปีนี้เลยก็ว่าได้

ขอขอบคุณรูปภาพจาก GMM SHOW 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส