[รีวิว] Black Panther: Wakanda Forever –  การส่งต่อที่ทรงพลัง แผ่วเบา เศร้าสร้อย และเปี่ยมหวัง
Our score
8.2

Release Date

09/11/2022

แนว

ซูเปอร์ฮีโร / แอ็กชัน / ผจญภัย

ความยาว

2.41 ชม. (161นาที)

เรตผู้ชม

PG-13

ผู้กำกับ

ไรอัน คูเกลอร์ (Ryan Coogler)

SCORE

00/10

[รีวิว] Black Panther: Wakanda Forever –  การส่งต่อที่ทรงพลัง แผ่วเบา เศร้าสร้อย และเปี่ยมหวัง
Our score
8.2

Black Panther: Wakanda Forever | แบล็ค แพนเธอร์: วาคานด้าจงเจริญ

จุดเด่น

  1. เป็นหนังหวนอาลัย แชดวิก โบสแมน ที่สมเกียรติ ก่อนจะพาเรามูฟออนไปสู่สิ่งใหม่ ๆ
  2. เนมอร์ เป็นแอนตี้ฮีโรที่มีความลึก มีมิติ หล่อและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
  3. คงประเด็น เรื่องราวอันซับซ้อนแบบภาคแรกได้ดี
  4. ตัวละครพลังหญิงมีความน่าสนใจ เป็นตัวหลักขับเคลื่อนเรื่องและจริตสตรีนิยมได้ครบ
  5. CGI ไม่ได้ดีเวอร์ มีหลอกตาบ้าง แต่ถือว่าดีกว่าภาคแรกและหนัง Marvel อีกหลายเรื่อง

จุดสังเกต

  1. การเล่าเรื่องบางจุดอาจยังไม่ไหลลืน ด้วยการตัดต่อ
  2. มีบางฉากและบางซีนที่เพิ่มขึ้นมาเพราะว่ามันต้องมี กระชับและตัดบางอย่างออกไปได้
  • คุณภาพด้านการแสดง

    8.1

  • คุณภาพโปรดักชัน

    7.9

  • คุณภาพของบทภาพยนตร์

    7.9

  • ความบันเทิง

    8.1

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    8.8


สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

เรียกว่าเป็นโปรแกรมหนังซูเปอร์ฮีโรของ Marvel Studios ที่รอคอยมากที่สุดของปีนี้แล้วล่ะครับ สำหรับ ‘Black Panther: Wakanda Forever’ หรือ ‘แบล็ค แพนเธอร์: วาคานด้าจงเจริญ’ ถ้าพูดในเชิงของภาพยนตร์ นี่คือหนังภาคต่อของ ‘Black Panther’ (2018) หนังซูเปอร์ฮีโรที่ครองใจคนทั้งโลกและนักวิจารณ์หลังออกฉาย สร้างรายทั่วโลกถล่มทลายกว่า 1,346 ล้านเหรียญ แถมยังเป็นหนังค่าย Marvel เรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก่อนจะคว้ามาได้ถึง 3 รางวัล แต่ถ้าพูดในแง่ของหนังภายใต้จักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) หนังเรื่องนี้คือหนังปิดจักรวาลเฟส 4 ครับ ตัวหนังภาคนี้ก็เลยมีความน่าสนใจว่า จะเล่าเรื่องและทำหน้าที่ส่งจักรวาลสู่เฟส 5 และ 6 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในทิศทางใด

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

และอีกเหตุผลที่สำคัญที่แฟน ๆ ทั่วโลกต่างคาดหวังมากที่สุดก็คือ การจากไปของนักแสดงเจ้าของบทบาท แบล็ก แพนเธอร์ อย่าง แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม้ว่าเรื่องราวหนังเดี่ยวของราชาเสือดำจะยังคงเดินหน้า แต่ด้วยการจากไปของนักแสดงที่แจ้งเกิดและเป็นที่รักของคนทั้งโลกนั้นถือว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะรับไหว จนขนาดที่ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ได้ตัดสินใจชัดเจนว่าไม่แคสต์นักแสดง และไม่ใช้ CGI เนรมิตฝ่าบาททีชัลลาคนใหม่ ก็ยิ่งสร้างความสงสัย คาดเดา และคาดหวังไปต่าง ๆ นานาว่า Marvel จะขับเคลื่อนเรื่องราวของแบล็ก แพนเธอร์ ในแบบที่ไม่มีโบสแมน ไม่มีทีชัลลาได้อย่างไร แล้วใครจะเข้ามาสืบทอดตำแหน่ง แบล็ก แพนเธอร์ คนใหม่กันแน่

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

ไรอัน คูเกลอร์ (Ryan Coogler) ผู้กำกับ และ โจ โรเบิร์ต โคล (Joe Robert Cole) ผู้เขียนบทร่วมกับคูเกลอร์จากภาคแรก กลับมาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวของชาววาคานด้า ทีแรกตัวบทจะต่อเรื่องราวของทีชัลลา ในฐานะกษัตริย์แห่งวาคานด้า หลังจากใน ‘Avengers: Endgame’ ครับ แต่ด้วยการจากไปของโบสแมน ตัวหนังก็เลยเบนเข็มไปสำรวจเรื่องราวของการถ่ายทอดวัฒนธรรมของวาคานด้า ตัวละคร และความวุ่นวายหลังจากการเปิดประเทศสู่โลกภายนอกจากภาคแรกแทน โดยจะเล่าเรื่องจากเหตุการณ์หลังการสวรรคตของกษัตริย์ทีชัลลา (Chadwick Boseman) ทำให้ ราชินีรามอนดา (Angela Bassett) ต้องขึ้นนั่งบัลลังก์แทน แต่สุดท้ายพระองค์ก็ไม่ได้เถลิงราชย์ได้ง่ายดายนัก เจ้าหญิงซูริ (Letitia Wright) เองก็ยังคงรับมือกับการจากไปของพี่ชายไม่ได้

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

ในขณะที่เธอเองก็ไม่เชื่อว่า แบล็ก แพนเธอร์ ตำนานเทพเจ้าเสือดำของเหล่าบรรพชนจะกลับมาได้อีก ในขณะที่การบ้านการเมืองของวาคานด้าก็กำลังระส่ำระสายจากภัยจากต่างชาติ และการรุกรานของ เนมอร์ (Tenoch Huerta) หัวหน้าชนเผ่าใต้ทะเล ทาโลคาน (Talokan) ที่บุกขึ้นมารุกรานโลกด้านบนและหวังจะกำราบวาคานด้าให้สิ้นซาก พวกเธอและ เอ็มบากู (Winston Duke), นายพลโอโคเย (Danai Gurira) หัวหน้านักรบโดรามิลาเจ (Dora Milaje), นาเกีย (Lupita Nyong’o) นักสอดแนมแห่งวาคานด้า รวมทั้งหัวหน้าซีไอเอ เอฟเวอร์เร็ตต์ รอสส์ (Martin Freeman) และสาวน้อยอัจฉริยะ ริรี วิลเลียมส์/ไอรอนฮาร์ต (Dominique Thorne) จึงต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องอันตรายใหญ่หลวงที่เข้ามาในช่วงที่วาคานด้าอ่อนไหวที่สุด

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

สำหรับภาคนี้ในความรู้สึกของผู้เขียน จริง ๆ แล้วก็ต้องเรียนกันตามตรงว่า ไม่ถือว่าเกินความคาดหวังนะครับ คือเรียกได้ว่าเป็นไปตามที่หวัง และก็ถือว่าทำได้ออกมาดีเท่าที่หวังเลยแหละ อย่างแรกก็คือ การระลึกถึง แชดวิก โบสแมน ที่ปรากฏในซีนแรก ๆ ของหนังที่ใช้สำหรับ Tribute หรืออุทิศให้กับราชาเสือดำผู้วายชนม์ และโบสแมนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย ไม่เว้นแม้แต่โลโก้ Marvel Studio เวอร์ชันพิเศษ ที่ทำเอาผู้เขียนเองที่ว่าใจแข็ง ๆ พอเห็นโลโก้เวอร์ชันนี้ก็ยังแอบหลั่งน้ำตาป้อย ๆ หลังแว่น IMAX 3D เหมือนกันนะครับ เชื่อว่าวิญญาณของโบสแมนมองลงมาคงดีใจนะ

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

แต่หลังจากที่ตัวหนัง Tribute ให้กับโบสแมนและ แบล็ก แพนเธอร์ เสร็จสิ้นแล้ว ตัวหนังก็เลือกที่จะมีฉากที่แสดงถึงการมูฟออนจากความโศกเศร้าอย่างรวดเร็วครับ แล้วตัวหนังก็หยิบเอาจุดแข็งจากหนังภาคแรกมาใช้ นั่นก็คือตัวหนังยังคงไม่ได้เล่าพาดพิงเกี่ยวกับจักรวาล MCU มากนัก เพื่อหันไปเน้นหนักกับวัฒนธรรมพื้นถิ่นของวาคานด้า และการปูเรื่องราวในประเด็นที่ทับซ้อน ทั้งดราม่าการเมืองที่ยังเกี่ยวพันกับแร่ไวเบรเนียม ดราม่าครอบครัวและความศรัทธาของราชินีรามอนดา และเจ้าหญิงซูริ ที่มาบรรจบกันท่ามกลางบริบทของเมืองวาคานด้าที่โคตรจะเฉพาะตัว เพราะมีแร่ไวเบรเนียม มีวิทยาการทันสมัย ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ดันเต็มไปด้วยความลี้ลับ พิธีกรรม ความเชื่อเกี่ยวกับบรรพชนลอยอวลอยู่ไม่ห่าง ทั้งการระลึกถึงผู้วายชนม์ หรือการสืบทอด แบล็ก แพนเธอร์ ที่ปูเรื่องไว้แบบคม ๆ แล้วในภาคแรก พอมาภาคนี้ตัวหนังก็ตามมาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจว่า แบล็ก แพนเธอร์ จะกลับมาได้อย่างไรถ้าไม่มีใบไม้รูปหัวใจแล้ว

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

ก่อนที่ตัวหนังจะขับเคลื่อนด้วยเส้นเรื่องหลักของตัวหนังก็คือ การรุกรานของเนมอร์ และเผ่าทาโลคาน ที่ตัวหนังให้เวลาในการปูเรื่องเกี่ยวกับตัวละครใหม่ ทั้งเนมอร์ และไอรอนฮาร์ต ที่จริง ๆ แล้วยัยไอรอนฮาร์ตนี่แหละที่เป็นตัวเดินเรื่องสำคัญในภาคนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะโยงไปถึงเนมอร์ ที่ถูกวางตัวให้เป็นมิวแทนต์ที่มีความเป็นแอนตี้ฮีโร ไม่ได้เป็นวายร้ายแบบตรง ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วพลังของเนมอร์เองก็มีความเท่ แล้วก็มีศักยภาพ และปูมหลังที่คอยหนุนให้มีมิติที่น่าสนใจมาก ๆ เลยนะครับ คืออาจจะไม่ได้มีบทบาทที่เหลื่อมซ้อนและมีมิติที่ทำให้เราลังเลในจุดยืนได้เท่ากับที่คิลมองเกอร์ทำได้ในภาคแรก ตรงข้าม เนมอร์เวลาอ่อนโยนนี่ก็หล่อเชียว แต่เวลาดุนี่ก็อำมหิตเหมือนกันนะ ส่วนกองทัพทาโลคานนี่ก็มาจังหวะสยองขวัญเลย

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

และด้วยความจากไปของทีชัลลา และตัวละครผู้นำที่เป็นผู้ชายบางส่วนจากภาคแรกหายไปเกือบหมด มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทนของหนังก็เลยถูกปรับมีความเป็นสตรีนิยม (Feminine) เพราะดันเหลือตัวละครหลักที่เป็นผู้หญิงแทบจะทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แกนนำที่อยู่ข้างหลังทั้งซูริ ราชินีรามอนดา โอโคเย และนาเกีย (และน้องริริ วิลเลียมส์) ก็เลยต้องรวมหัวกันสู้เพื่อปกป้องวาคานด้าในสถานการณ์ที่อ่อนไหวที่สุด ซึ่งตัวหนังเองก็เข้าใจตรงนี้ดี สามารถวางให้ตัวหนังขับเน้นจริตความเป็นสตรีนิยมด้วยแกนเรื่องที่ชัดเจนว่า ต้องการจะเล่าเรื่องของการต่อสู้ของเหล่าผู้หญิงเพื่อปกป้องดินแดนอันเป็นที่รัก (จากโลกมหาอำนาจและผู้ชายขามีปีก) แถมพวกเธอเองก็ยังต้องรับมือ พยุงจิตใจจากการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก โทนของตัวหนังเลยออกมาต่างจากภาคแรกที่ผู้ช้ายผู้ชายอยู่พอสมควร

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

มันไม่ใช่หนังหญิงแกร่งแนวโชว์พลังว่าผู้หญิงก็มีดีไม่แพ้ผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ซ่าได้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นหนังพลังหญิงที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึก การต่อสู้ การตัดสินใจ และความอ่อนไหวแบบผู้หญิง ผ่านการดำเนินเรื่องของตัวหนังที่ค่อย ๆ เล่าอย่างแช่มช้อย และเหล่านักแสดงหญิงทั้งหมดต่างก็แสดงศักยภาพออกมาได้ทรงพลังไม่แพ้กันเลย ราชินีรามอนดาก็เต็มไปด้วยความกดดันในฐานะผู้นำใหม่ของวาคานด้า ซูริก็ต้องแบกรับความหวังและความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนนาเกียเองก็ต้องรับความสูญเสียของอดีตคนรักไปให้ได้ ส่วนโอโคเยก็ต้องเป็นทัพหน้านำกองทัพโดรามิลาเจ ต่อสู้เพื่อปกป้องชาติและราชบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ เป็นส่วนผสมหนังซูเปอร์ฮีโรพลังหญิงที่ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าน่าสนใจและชอบมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลยครับ

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

และพอหนังเลือกที่จะมูฟออนจากความสูญเสีย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะการต่อกรกับเนมอร์ การหยิบประเด็นเกี่ยวกับการเล่าเรื่องของวาคานด้า ในภาคนี้เราเลยจะได้เห็นซูริหยิบจับเทคโนโลยีล้ำ ๆ ให้ได้ทึ่ง รวมทั้งการตามหาไอรอนฮาร์ต ที่เป็นสาเหตุสำคัญของ Conflict ในหนังก็ยังคงถูกเล่าได้ออกมาสนุกสนาน แม้ว่าตัวหนังจะยาวมากถึง 161 นาที แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ยาวไป ยังมีฉากแอ็กชันตามแบบฉบับให้ได้ดู อาจจะไม่ได้เน้นแอ็กชันตูมตามแบบแมน ๆ แต่ก็ต้องเรียกได้ว่าดุดันและยิ่งใหญ่ขึ้นจากภาคแรกมาก ๆ ส่วนงานด้าน CGI ที่ภาคแรกมีปัญหางานหยาบ พอมาภาคนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีขึ้นนะครับ โดยเฉพาะฉากใต้น้ำเมืองทาโลคานที่ตื่นตาตื่นใจมาก คืออาจจะไม่ได้ถึงกับเนียนกริบเหมือน ‘Avatar 2’ ขนาดนั้น และบางจุดก็ยังแอบมีหลอกตาแบบจับได้บ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ออกมาสวยงาม เป็นซีจีหนัง Marvel ที่สอบผ่านท่ามกลางบรรดาหนังซีรีส์เฟส 4 ที่สอบตกมาหลายเรื่องแล้ว

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

แม้ว่าการผสานความหลากหลายและประเด็นอันซับซ้อนของตัวหนัง ทั้งเรื่องของการเมือง วัฒนธรรม ความเชื่อ ความรัก ความอาลัย ความหวงแหน ในภาคนี้จะทำและนำเสนอออกมาได้น่าสนใจและหนักแน่นไม่ต่างจากภาคแรกเลยแหละ แต่สิ่งที่เป็นข้อสังเกตก็คือการเล่าเรื่อง การตัดต่อ และบางซีนที่เล่าแบบติด ๆ ขัด ๆ ไหลลื่นน้อยกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร บางฉากที่เหมือนใส่มาเพราะจำเป็นต้องโชว์ของ และบาดแผลนั้นก็ไปเห็นชัดเอาตอนฉากแอ็กชัน และฉากสู้รบตอนช่วงท้ายเรื่อง อีกจุดเด่นที่ผู้เขียนรู้สึกก็คือ แบล็กแพนเธอร์คนใหม่ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาคนี้ ยังไม่ได้มีบารมีเทียบเท่ากับที่โบสแมนเป็นนะครับ แม้ว่าเราจะยังมูฟออนจาก แบล็ก แพนเธอร์ เวอร์ชันโบสแมนไม่ได้ก็เถอะ แต่ถ้ามองว่านี่คือ แบล็ก แพนเธอร์ รุ่นใหม่ แบบเดียวกับฮีโรวัยหนุ่มสาวหลายคนที่เปิดตัวไปแล้วในเฟส 4 ก็ถือว่าเข้าใจได้ว่า ได้เวลามูฟออนแล้วสินะ

Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

โดยรวมแล้ว ‘Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์: วาคานด้าจงเจริญ’ สำหรับผู้เขียน มันเป็นหนังแห่งการมูฟออนจริง ๆ ครับ นอกจากจะเป็นหนังที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงโบสแมนก็จริง แต่ไม่ได้เป็นหนังที่ชวนให้เราดราม่าเจ็บตับ มันอาจจะไม่ได้เป็นหนังที่คอยอัดเซอร์ไพรส์ชวนให้กรี๊ด ตรงกันข้าม มันเป็นหนัง Marvel ที่ลอยอวลไปด้วยความโหยหาอาลัย แต่ก็ยังคงพยายามเติมความหวังให้กับคนดู เป็นหนังฮีโรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความหวัง และพลังแห่งสตรีนิยมที่วางอย่างถูกที่ถูกทาง โดดเด่น เข้มแข็ง และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เป็นการผ่องถ่ายจากฮีโรผู้ช้ายผู้ชายในภาคแรก สู่ฮีโรพลังหญิงอย่างเต็มตัว อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าภาคแรก แต่เป็นหนังที่รู้จุดเด่นของตัวเอง และสามารถดึงเอามาใช้ในภาคนี้ได้อย่างครบถ้วน สืบสานและต่อยอดไปสู่เรื่องราวใหม่ ๆ อีกทั้งยังเป็นหนังปิดเฟส 4 ได้อย่างสมเกียรติ จนเรียกว่านี่คือหนัง Marvel ที่น่าจะติดอันดับต้น ๆ ของหนังและซีรีส์ในเฟส 4 เลยก็ว่าได้


Black Panther Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ

ป.ล. มีฉาก Mid-Credits 1 ตัวนะครับ มันอาจจะไม่ได้เซอร์ไพรส์ชวนกรี๊ด แต่ก็เป็นฉากที่ยังเข้าธีมทริบิวต์ให้กับโบสแมนผู้วายชนม์ได้อย่างน่าสนใจ และในแง่ของจักรวาล MCU มันก็พอจะทำให้เรามองเห็นทิศทางของทีมงานที่จะสานต่อความเป็นทีชัลลา และฮีโร Black Panther ต่อไปโดยไม่มีโบสแมน ทั้งในรูปแบบหนังเดี่ยว และในหนังรวมฮีโร (ซึ่งอาจจะเป็นทีม ‘Avengers’ หรือทีมอะไรสักอย่างในอนาคต) ได้อย่างเห็นภาพมากขึ้นในเชิงอารมณ์นะครับ แต่จะเป็นจริงไหม ให้อนาคตตอบเอาอีกทีก็แล้วกัน

ส่วนเครดิตท้ายผู้เขียนแนะนำว่า วิ่งออกไปเข้าห้องน้ำดีกว่าครับ…


พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส