[รีวิว]Love to Hate You | ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด : 10 ตอนนี้ มีเพื่อความฮาสถานเดียว
Our score
8.8

แนว

โรแมนติก, คอมเมดี้

จำนวนตอน

10 ตอน /ตอนละ 60 นาที

ช่องทางรับชม

NETFLIX

[รีวิว]Love to Hate You | ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด : 10 ตอนนี้ มีเพื่อความฮาสถานเดียว
Our score
8.8

จุดเด่น

  1. เคมีพระนางเข้ากันดีมาก ๆ และคู่พระรองก็ไม่น้อยหน้ากันเลยสักนิด
  2. บทมีความลื่นไหล และขายขำอย่างธรรมชาติให้เราเผลอฮาได้ทุก 5 นาที จริง ๆ นะ

จุดสังเกต

  1. ถึงจะไม่มีช็อตที่ทำให้หัวเราะร่าน้ำตาเล็ด แต่ก็เป็นซีรีส์อารมณ์ดีที่น่าดูอีกเรื่องหนึ่ง
  • บท

    8.0

  • การแสดง

    10.0

  • โปรดักชัน

    8.0

  • การดำเนินเรื่อง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    10.0

ฮาตลอดสายกับรักวุ่นวายหลายอารมณ์ขัน เมื่อทนายความสาวเก่งที่เกลียดการพ่ายแพ้ต่อผู้ชาย ต้องโคจรมาพบกับซุปตาร์สุดหล่อที่ร้องยี้ใส่สาวสวย เพราะไม่ไว้ใจใครสักคน ผลงานสุดขำของ ยูแทโอ-คิมอ๊กบิน ที่ทำเอาคนที่ว่าขำยาก ๆ ก็ไม่อาจกลั้นขำเอาไว้ได้ เป็นยาละลายความเครียดชั้นดี ที่จะทำให้คุณหยุดดูไม่ได้เลย

Love to Hate You | ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด เล่าเรื่องราวของ ‘ยอมีรัน’ (คิมอ๊กบิน) ทนายความสาวไฟแรงจากสำนักงานกฎหมายกิลมู ที่รับดูแลบรรดาเซเลบในวงการบันเทิงเป็นหลัก เป็นสาวสวยที่ไม่สนฟ้าสนแดด และออกเดตถี่ยิบแถมยังพร้อมจะวันไนท์สแตนด์ให้ผู้ชายน้ำตาตก เก่งศิลปะการต่อสู้ชนิดสตันท์แมนยังร้องว้าย จนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้ได้เหวี่ยงเธอมาพบกับ ‘นัมกังโฮ’ (ยูแทโอ) ซุปตาร์เบอร์ต้นของวงการบันเทิง ฉายาเจ้าพ่อบทโรแมนติกที่จูบนางเอกแล้วแอบไปอ้วกในห้องน้ำ เป็นหนุ่มหล่อสาวหลงที่หวาดระแวงในตัวผู้หญิง และมองพวกเธอในแง่ร้าย สองคนต้องโคจรมาพบกันด้วยความเข้าใจผิดของยอมีรัน ที่ตั้งตนเป็นหน่วยปราบชายเลว และแน่นอนเธอคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายหัวงูเหล่านั้น

ซึ่งตรงกันข้ามกับ ‘ชินนาอึน’ (โกวอนฮี) แอร์โฮสเตสสาวสวยเพื่อนสนิทของเธอลิบลับ เพราะอ่อนไหวกับเบ้าหน้าหล่อ ๆ ของชายหนุ่มอยู่ร่ำไป โดยเฉพาะเบ้าหน้าฟ้าประทานของ ‘โดวอนจุน’ (คิมจีฮุน) เพื่อสนิทที่หันหลังให้กับงานแสดงแต่มานั่งแท่นซีอีโอต้นสังกัดของนัมกังโฮ

ซีรีส์สายสุขนิยมที่รวมพลยอดฝีมือ

ถ้าเราจะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เหมือนเป็นที่แวะพักผ่อนของเหล่านักแสดงนำก็คงไม่ผิด เริ่มจากพระเอกของเรื่องที่ทำเอาชาวโซเชียลหาตัวกันจ้าละหวั่นว่าแด๊ดดี้มาดเข้มนี่เล่นเรื่องอะไรมาบ้างนะ เพราะหากจะนับเฉพาะสายซีรีส์แล้วละก็ ‘Love to Hate You’ ถือว่าเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ยูแทโอรับบทนำ แต่ถ้าเป็นสายหนังแล้วละก็แดดดี้ของเราเขานำโด่งมานานแล้วละค่ะ ที่สำคัญ เขาเคยร่วมงานกับนักแสดงไทยด้วยสิ ใน ‘The Moment รักของเรา’ (2017) ภาพยนตร์ไทยแนวรักโรแมนติก และมีหนังรักฟีลกู้ดที่หาชมได้ในบ้านเราทาง iQIYI อย่าง ‘New Year Blues’ (2021) ด้วยนะ และเมื่อพระเอกเป็นสายหนัง การเลือกนางเอกก็คงต้องให้มันสูสีกันสักหนอย

เพราะคิมอ๊กบิน เป็นนักแสดงสาวมากฝีมือที่สายเกาหลีต้องคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในบทบาทของ ‘แทจู’ จากเรื่อง ‘Thirst’ (2009) หนังดราม่าสยองขวัญที่ได้เข้าร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2009 ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัล Jury Prize และซีรีส์แอ็กชันทริลเลอร์อย่าง ‘Dark Hole’ (2021) ที่ฝากผลงานเอาไว้แบบดุเดือดซะด้วยสิ เสริมทัพด้วยพระรองเบอร์แรงอย่าง ‘คิมจีฮุน’ ที่การันตีฝีมือและความทุ่มเทได้เลย หากใครยังจำแบคฮีซองตัวจริงจากเรื่อง ‘Flower of Evil’ กันได้ แถมด้วย ‘ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด | Money Heist Korea: Joint Economic Area’ ที่การันตีความเป็นพระเอกทรงแบดของเขาได้ดีเลยทีเดียว

แม้แต่ ‘โกวอนฮี’ ที่พัฒนาฝีมือขึ้นขึ้นเรื่อย ๆ และถือว่าเป็นนักแสดงสาวที่กำลังมาแรง และมีผลงานให้ชมมากมายในบ้านเรา ทั้ง ‘ccentric! Chef Moon : เชฟเหวินจอมประหลาด’ (2020) ‘Strongest Deliveryman’ (2017) แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าเป็นการรวมยอดฝีมือเอาไว้ในเรื่องเดียวกันได้ยังไงล่ะ แถมยอดฝีมือแต่ละคนเขายังนัดแนะกันมาพักผ่อน ในซีรีส์คลายเครียด พร้อม ๆ กับการกระดกโซจูกันเป็นว่าเล่นอีกต่างหาก

ฮาแบบไม่โบ๊ะบ๊ะ แต่ไหลลื่นตลอดเรื่อง

บทเรื่องนี้คนเขียนบทเขาต้องเขียนไปขำไปแน่ ๆ อิชั้นว่านะคะ เพราะตลอดทั้งเรื่องที่ดำเนินไปล้วนแล้วแต่รวมคนที่รุ่มรวยอารมณ์ขันเอาไว้แท้ ๆ เลย ตัวละครแต่ละตัวจะมีวลีเฉพาะและบุคลิกเด่น ๆ เป็นของตัวเอง มีบทพูดที่เราคาดไม่ถึงให้เป็นจังหวะช็อตฟิลจนเราต้องขำก๊าก สำคัญคือนักแสดงแต่ละคนสามารถคีปคาแรกเตอร์เอาไว้ได้ไม่มีหลุดกันเลยสักนิด เชื่อว่าระหว่างถ่ายทำมันต้องมีเทคซ้ำเทคซ้อนกันมั่งละ โดยเฉพาะในซีนที่คู่เอก คู่รองมาเจอกัน แต่ใด ๆ ก็ตามเราคงต้องปรบมือให้กับ ทีมพากย์ของทางเน็ตฟลิกซ์เขาละค่ะ ที่พากย์ได้ฮาเข้าง่ามเข้าตับซะเหลือเกิน

หากจะถามว่าบทของซีรีส์เรื่องนี้ขำขันแค่ไหน ก็ตอบได้ว่าตลอดทั้งเรื่องทุกตอนตั้งแต่ Ep1-Ep10 แต่ไม่ได้เป็นการขำขันน้ำหมากกระจาย หรือหัวเราะร่าน้ำตาเล็ด แต่เป็นอารมณ์ขันที่เป็นไปด้วยตัวบทพูด การแสดงของนักแสดงที่เป็นตลกหน้าตาย ตลกโดยสายเลือด ตลกที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำตลก ให้มันได้งี้สิ และเสียงพากย์ที่ใช้คำพูดได้ถูกจริตคนไทยล้วน ๆ

บทจะซึ้งก็ซึ้งเวอร์และดูดดื่มเป็นที่สุด

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ ก็อยากบอกว่าดูเถอะ เพราะนี่คือรอมคอมที่เข้าถึงทุกด้านของอารมณ์สุนทรียเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว เรียกว่ายามศึกเรารบ ยาวสงบเรารักกันมากว่างั้นเถอะ แถมยังเป็นรักซาบซึ้ง รักกุ๊กกิ๊ก รักเร่าร้อน เรียกได้ว่าทุกอารมณ์รักได้จัดสรรมาให้เธอแล้ว ครบจบในเรื่องเดียวตาเปียกตาแฉะค่ะงานนี้ และพระนางของเรื่องเขาก็จะเล่นไปตามบทที่เน่านิด ๆ ด้วยพล็อตที่ว่า พระ-นาง เกลียดขี้หน้ากันตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายก็รักกันดูดดื่มปานจะคลุมโปงทั้งวี่ทั้งวัน

เป็นพล็อตดาษดื่น ที่จับเอามาทำได้อย่างฉลาดหลักแหลม เพราะเป็นการเล่าเรื่องที่มีสาระได้เฉยสำหรับซีรีส์ที่ปล่อยจุดขำทุก 5 นาทีขนาดนี้ ด้วยการใส่คาแรกเตอร์ให้นางเอกเป็นหญิงนักสู้ที่ไม่ยอมรับความอ่อนด้อยทางกายภาพ ที่ผู้หญิงมักกลายเป็นเป้าของความอ่อนแอจากสายตาของบุรุษเพศ ทำให้เธอลุกขึ้นมาเรียนการต่อสู้ป้องกันตัว เพื่อปกป้องตัวเธอเองจากการถูกข่มเหงรังแกจากผู้ชายที่เป็นเพศที่แข็งแรงกว่า ด้วยการทำให้พวกเขารู้ว่าเธอดูแลตัวเองได้และทำอะไร ๆ ได้ไม่ต่างจากชายอกสามศอก

ซึ่งนัยสำคัญที่ซ่อนอยู่ในซีรีส์รอมคอมเรื่องนี้ก็บอกอย่างชัดแจ้งเลยว่า หากตัดเรื่องพละกำลังและเพศกำเนิดออกไป เราทุกคนเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทางด้านความคิด ความสามารถ และทุกคนสมควรได้รับความเคารพเสมอเหมือนกัน โดยไม่มีการแบ่งแยกหญิง-ชาย และบทก็ให้พระเอกของเรามีปมจากการข่มเหงจากเพศหญิง ที่ใช้ความสวยงาม ความอ่อนหวานมาหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายตกหลุมรัก พร้อมจะปอกลอกผู้ชายที่หลงมัวเมาเหล่านั้น และทิ้งพวกเขาไปอย่างไม่ใยดี ซึ่งพระเอกก็เป็นตัวแทนฝั่งผู้ชาย ว่าไม่ใช่พละกำลังที่แข็งแรงเท่านั้นนะถึงจะทำร้ายใคร ๆ ได้ ความนุ่มนวลนี่แหละตัวดี และสามารถโค่นล้มยักษ์ปักหลั่นให้ล้มตึงมานักต่อนักแล้ว ฉันก็ถูกรังแกเหมือนกันนะเธอ

จนได้มาเจอนางเอกและเห็นถึงความพิเศษนั้นของเธอ เห็นความน่าเคารพในฐานะมนุษย์คนหนึ่งโดยมองข้ามความเป็นเพศหญิงของเธอไปและรักเธอจากหัวใจจริง ๆ และเป็นรักที่รักแบบหัวปักหัวปำกันเลยทีเดียวเรียกว่าเป็นตลกสอนใจให้เราถอยมาคนละก้าว เพื่อมองอีกฝ่ายอย่างพินิจ ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย ขายขำแบบมีคลาส ไร้ความกดดันหรือการยัดเยียดมุกเลอะเทอะ แต่รู้สึกได้ว่าเขากำลังบอกอะไรเราได้ เฉยเลย โดยเฉพาะความหมายสำคัญที่ว่า “มนุษย์เราควรใช้ชีวิตแบบเคารพตัวเอง มันถึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง”

ร้ายกาจมากค่ะซีรีส์เรื่องนี้ จัดได้ว่าเป็นรอมคอมมีสาระที่ไม่จำเป็นต้องคิดลึก แต่ผู้เขียนบทได้ใส่มันเอาไว้ให้สัมผัสอย่างโจ่งแจ้งแล้ว ซีรีส์มี 10 ตอนนะคะ พากย์ไทยและดูได้รวดเดียวจนจบเลย ถึงแม่ว่าความยาวจะตอนละเกือบ 1 ชั่วโมงก็ตาม แต่อรรถรสในการรับชม สามารถทำให้เราลืมเวลาไปซะฉิบ หันมองไปทางหน้าต่างอีกที พระอาทิตย์ก็มาเยี่ยมที่ชายคาบ้านแล้วละค่ะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส