พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ศิลปินระดับตำนานของวงการเพลงไทย ตำนานเพลงเพื่อชีวิตรุ่นที่ 3 และเจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต ได้จัดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ฉลองครบรอบ 35 ปี “35 ปี คำภีร์… ถึงเพื่อน” ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในวันที่ 18 กุมภาพันธุ์ 2566 ที่ผ่านมา งานนี้มีแฟนเพลงทุกรุ่นทุกวัยเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานความมันส์ ความซึ้ง ความตรึงใจครั้งยิ่งใหญ่นี้ร่วมกัน ทั้งผู้สูงอายุ วัยรุ่น และเด็ก ๆ ที่เฝ้ารอการแสดงของศิลปินคนโปรด

ในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่แต่งกายในสไตล์แบบพี่ปูด้วยการคาดผ้าโพกหัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความตื่นเต้นและทุกคนรอคอยการมาของพี่ปูบนเวทีอย่างใจจดใจจ่อ พอราว ๆ หนึ่งทุ่มกว่า ๆ VTR อินโทรก็เริ่มขึ้น ไม่นานพี่ปูและวงดนตรีก็ขึ้นมาบรรเลงบทเพลงแรกบนเวทีนั่นคือเพลง “สู้” บทเพลงจังหวะสนุก ๆ ที่มีเนื้อหาส่งเสริมกำลังใจ โดยอิงจากชีวิตของพี่ปู ในช่วงแรกที่เดินทางออกจากบ้านมาตามหาความฝันในกรุงเทพฯ ต่อด้วย “พ่อเป็นกรรมกร” บทเพลงที่พี่ปูแต่งขึ้นจากเรื่องราวชีวิตของตนเอง ที่ในช่วงหนึ่งคุณพ่อต้องเดินทางไปทำงานในต่างแดน เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว บทเพลงจากอัลบั้ม มาตามสัญญา ปี พ.ศ.2535 ต่อด้วยเซตเพลงมันส์ ๆ อย่าง “เกิดอยู่เมืองไทย”  “อยากไปบอลโลก” และอีกมากมาย แล้วจึงค่อยสลับไปอารมณ์ช้าซึ้งอะคูสติกที่มาพร้อมบทเพลงฮิต ๆ อย่าง “เธอจ๋า” บทเพลงที่พี่ปูแต่งขึ้นท่ามกลางสภาวะเคว้งคว้าง ไร้งานไร้รายได้ในช่วงโควิด เช่นเดียวกับพี่น้องคนไทยอีกหลาย ๆ อาชีพ เพื่อส่งมอบความห่วงใยและกำลังใจถึงคนไทยทุกคน ต่อด้วย “ถึงเพื่อน” บทเพลงดังของพี่ปูซึ่งถูกใช้เป็นชื่อคอนเสิร์ตในครั้งนี้ และ “ผีโรงเย็น” บทเพลงสุดฮิตจากปลายปากกาของ ดช.ปูในวัยประถม 6

จากนั้นก็จัดยาวแบบ non-stop คอนเสิร์ตยาวนานเกือบ 4 ชั่วโมง โดยพี่ปูได้เติมเต็มทั้งความมันส์ ความเพลินและความซึ้งบนเวทีด้วยเสียงร้องที่ทรงพลัง เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ และเข้าถึงใจของผู้ฟังได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมทั้งการบรรเลงดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ส่วนงแสงสีบนเวทีนั้นก็น่าประทับใจ จอ LCD มีเนื้อเพลงให้อ่านและร้องตามได้ด้วย ในขณะที่กราฟิกกลางเวทีช่วยเสริมเติมอารมณ์ให้กับเรื่องราวและอารมณ์เพลงได้เป็นอย่างดี

การแสดงของพี่ปูนั้นยอดเยี่ยมมาก ทั้งเพลงที่มีพลัง เร้าใจและเพลงที่สื่ออารมณ์อันลุ่มลึก การเรียบเรียงดนตรีสำหรับโชว์และการบรรเลงของพี่ปูและพี่ ๆ ในวงนับว่ามีความเป็นเลิศ ทุกส่วนสอดประสานกันอย่างลงตัว เพลงเร็วก็ดุ เพลงช้าก็นุ่มนวลชวนซึ้ง อีกทั้งเนื้อหาในแต่ละบทเพลงของพี่ปูก็มีทั้งเป็นเพลงรักละมุนอารมณ์ เพลงเศร้าเคล้ารสชาติของชีวิต และเพลงที่ชวนครุ่นคิดในประเด็นสังคม ระหว่างชมใจก็เพลินไปกับท่วงทำนองของเสียงดนตรี แต่ในขณะเดียวกันเนื้อร้องที่ผ่านหูและปรากฏอยู่ตรงหน้าก็พาเราขบคิดถึงประเด็นต่าง ๆ นานาที่พี่ปูใส่ไว้ในเนื้อหาของบทเพลง

และแน่นอนว่าพี่ปูบอกแล้วว่างานนี้มีเซอร์ไพรส์แน่นอน แขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ในโชว์นี้มีทั้ง Zweed N’Roll ที่มาร่วมร้องเพลงที่ฟีเจอริ่งร่วมกับพี่ปูนั่นคือ “ช่วงเวลา” นับว่าขนลุกพอตัวเลยทีเดียว จากนั้น Zweed N’Roll จึงขอร้องบทเพลงของพี่ปูร่วมกันนั่นคือ “บินตามฝัน” พอได้ฟังเพลงนี้ที่เนื้อเพลงมีความเป็นกวีและลุ่มลึกถึงจิตใจมาก ๆ ในเวอร์ชัน Zweed N’Roll x ปู พงษ์สิทธิ์แล้วบอกเลยว่าฟิน

ศิลปินรับเชิญคนต่อมาเรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์มาก ตกใจตั้งแต่พี่ปูร้องเพลง “Live and Learn” แล้ว มันสุดยอดมาก ๆ และยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อพี่ปูเรียก พี่บอย โกสิยพงษ์ ที่แต่งตัวมาแบบสไตล์พี่ปูขึ้นมาร้องเพลงนี้ร่วมกันบนเวที จากนั้นพี่บอยก็ขอสะพายกีตาร์ร้องเพลงฮิตของพี่ปูบ้างคือเพลง “ตลอดเวลา” ก่อนที่ทั้งคู่ต่างก็ชื่นชมกันบนเวที และพี่บอยขอให้พี่ปูเซ็นผ้าโพกหัวให้นับว่าเป็นภาพที่ทั้งน่ารักและน่าประทับใจ

ต่อด้วย ‘จุลโหฬาร’ วงดนตรีลูกอีสานที่ผสมผสานสไตล์เพลงหมอลำจากเสียงพิณเสียงแคน เข้ากับซาวด์ดนตรีแบบป๊อป ๆ จากเครื่องดนตรีสากล และท่วงทำนองการร้องจากน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยสำเนียงอีสานเอาไว้อย่างกลมกลืน ซึ่งมาแจมกับพี่ปูได้ม่วนคัก ๆ

และสุดท้ายก็คือแขกรับเชิญที่สุดแสนจะเซอร์ไพรส์นั่นคือ พี่แอ๊ด พี่เล็ก คาราบาว ที่ชาวเพลงเพื่อชีวิตกรี๊ดกันคอแตก ดีใจที่ได้เห็นตำนานเพลงเพื่อชีวิตมาเล่นดนตรีร่วมกันบนเวทีในบทเพลง “วณิพก” และ “ยอดชาย” นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดี ๆ ในโชว์นี้ที่น่าประทับใจ

พี่ปู – พี่แอ๊ด – พี่เล็ก สามตำนานเพลงเพื่อชีวิต

ในโชว์นี้ผู้ชมได้ร่วมสนุกทั้งร้องทั้งเต้นและสนุกไปกับเสียงเพลงอย่างเต็มที่ ฟังเพลงพี่ปูไปและหันไปมองซ้ายทีขวาทีเห็นภาพบรรยากาศที่แฟนเพลงสนุกสนานไปด้วยแล้วก็เพลินดีเลย นอกจากนี้ยังมีช่วงเวลาที่อบอุ่นใจที่สุดในคอนเสิร์ตคือในช่วงเวลาที่พี่ปูเดินจากเวทีมาร้องบทเพลงซึ้งท่ามกลางบรรดาแฟนเพลงและพี่ปูได้เดินจับมือแฟน ๆ ที่รายรอบ ณ จุดนั้นอย่างใกล้ชิด ช้า ๆ ทีละคน ๆ อย่างทั่วถึง

ตลอดคอนเสิร์ต พี่ปูได้พิสูจน์ให้เห็นว่าในวัย 55 ขวบปีและ 35 ปีบนเส้นทางดนตรีนี้ พี่ปูยังเล่นดนตรีได้อย่างสุดยอด แรงดีไม่มีตก พลังจิตพลังใจใส่เต็มด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและความสามารถอันไร้ที่ติ แถมพี่ปูยังขนเอาเพลงฮิตทั้งหมดออกมาบรรเลงอย่างเต็มที่โดยไม่มีการหยุดพัก ซึ่งทำให้ผู้ชมฟังกันไปแบบฟิน ๆ เต็มที่เต็มอารมณ์กันเลย

โดยสรุปแล้ว นี่คือการแสดงระดับตำนานอย่างแท้จริงของ พี่ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ คือคนดนตรีที่สมควรได้รับยกย่องด้วยการแปะป้ายคำว่า ‘ตำนาน’ อย่างแท้จริง และคอนเสิร์ต “35 ปี คำภีร์… ถึงเพื่อน” ในครั้งนี้ได้ทำให้เราได้เห็นถึงความสามารถอันโดดเด่นของพี่ปูและคุณงามความดีอิทธิพลทางดนตรีที่พี่ปูมีต่อวงการเพลงไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ

ชมประมวลภาพบรรยากาศในคอนเสิร์ต “35 ปี คำภีร์… ถึงเพื่อน” ได้ในคลิปด้านล่างนี้เลยครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส