เป็นประสบการณ์ที่สุดฉ่ำ อิ่มเอม และประทับใจมาก ๆ สำหรับคอนเสิร์ตครั้งสำคัญในไทยที่เพิ่งจบลงไปของ ‘FKJ’ หรือ ‘French Kiwi Juice’ ศิลปินอัจฉริยะ นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากด้านการสร้างสรรค์งานเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นล้ำสมัย ใน “FKJ : Asia Tour Live in Bangkok” ณ centralwOrld Live (เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์) ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดย Defiance Entertainment (ดีไฟแอนซ์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์) ผู้จัดคอนเสิร์ตรุ่นใหม่ไฟแรง ร่วมกับ OVD (โอวีดี) โปรโมเตอร์มากประสบการณ์

โชว์เปิดด้วย Opening Act จาก 3 ศิลปินไทยคือ ‘H 3 F’ , ‘YUU’ และ ‘HYBS’ แต่ละศิลปินก็มีสไตล์และพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซึ่งทำให้ผู้ชมตื่นเต้นและพร้อมสำหรับการแสดงโชว์ของ FKJ ที่กำลังจะเริ่มขึ้น วงแรกที่ขึ้นเวทีคือ ‘H 3 F’ (Happy Three Friends) พวกเขาสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ในทันทีด้วยการแสดงที่มีพลังสูง ดนตรีของพวกเขาเป็นการผสมผสานของแนวเพลงต่าง ๆ ทั้งป๊อป ฟังก์ บลูส์ อาร์แอนด์บี โดดเด่นด้วยสำเนียงกีตาร์พลิ้วไหวเร้าใจ พร้อมด้วยริทึ่มเซกชันอันหนักแน่น ผสานไปด้วยเครื่องเป่าที่ผสานไปในท่วงทำนองอย่างกลมกล่อมลงตัวและเปี่ยมสีสันทำให้แฟนเพลงเพลินกันมาก ๆ ทางวงขนบทเพลงโดน ๆ จากทั้ง 2 อัลบั้มคือ ‘Family Product’ และ ‘UNEMPLOYMENT’ รวมทั้ง 2 เพลงใหม่ที่จะอยู่ในอัลบั้มชุดที่ 3 ที่เราน่าจะได้ฟังกันในปีนี้ และปิดท้ายด้วยศิลปินรับเชิญที่มาเซอร์ไพรส์ในค่ำคืนนี้คือ เบนจามิน วาร์นีย์ ในบทเพลง “Cultivation”  

ศิลปินไทยคนต่อมาก็คือ ‘YUU’ ที่มาสร้างบรรยากาศผ่านซาวด์และท่วงทำนองในมิติที่หลากหลาย และได้พาผู้ฟังไปสัมผัสกับสุ้มเสียงแห่งดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ากับบรรยากาศที่ชวนดำดิ่ง

และในที่สุด ‘HYBS’ (ไฮบ์ส) วงดนตรีอินดี้ป๊อปดูโอ ‘เจมส์-อลิน วี’ และ ‘กานต์-กษิดิ์เดช หงส์ลดารมภ์’ ก็ขึ้นเวทีมาพร้อมวงแบบจัดเต็ม พร้อมบทเพลงและสุ้มเสียงอันสดใส สดฉ่ำ ชวนล่องลอยและสนุกสนานในสัมผัสของดนตรีที่มีการผสมผสานกันระหว่างป๊อป เบดรูมป๊อป นีโอโซล และ ซิตี้ป็อป  อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา HYBS ขนบทเพลงโดน ๆ จากอัลบั้มเดบิวต์ ‘Making Steak’ มาให้ฟังกันอย่างเต็มอิ่มไม่ว่าจะเป็น “Dancing With My Phone” ” Go Higher” “Killer” หรือว่า “Ride” พาแฟน ๆ ให้มีความสุขและล่องลอยไปในบทเพลงของพวกเขา ทั้ง 3 ศิลปินได้อุ่นเครื่องผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยมและเมื่อเครื่องติดแล้วเราก็พร้อมที่จะไปชม FKJ กันแล้วล่ะ

ในโชว์นี้ FKJ ได้ตกแต่งเวทีให้กลายเป็นห้องนั่งเล่นแสนสบาย พร้อมด้วยโซฟา โคมไฟ และของตกแต่งเล็ก ๆ น้อยโดยเฉพาะเครื่องแล่นแผ่นเสียงที่จะมีบทบาทสำคัญในเวลาต่อมา ทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยมีหน้าจอ LCD ที่เป็นฉากหลังของเวทีที่เป็นเสมือนหน้าต่างกระจกที่แสดงบรรยากาศภายนอกมีหมู่แมกไม้ ท้องฟ้า และนกที่โบยบิน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เรารู้สึกราวกับกำลังฟัง FKJ และวงของเขาเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นอันแสนสบายในบ้านของเขา

FKJ ขึ้นเวทีด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับกำลังใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านของตัวเอง เดินไปมา รินน้ำชาดื่ม ก่อนจะเดินมาเปิดแผ่นเพลง “Let’s Stay Together” ของ Al Green นั่งลงฟังบนโซฟา แต่ว่าไม่นานแผ่นก็สะดุด เขาพยายามอยู่อย่างนั้นสัก 2-3 ครั้งก่อนที่จะทนไม่ไหว บรรเลงท่วงทำนองจากบทเพลงนี้ขึ้นมาในสไตล์ของเขาเสียเองเลย และนี่ก็คือ “Intro” ของค่ำคืนนี้ที่ทำให้เรารู้ว่าคืนนี้มีเพลินอย่างแน่นอน

จากนั้น 2 สมาชิกในวงในตำแหน่งมือเบสและมือกลองก็เข้ามาเสริมทัพที่จะมาบรรเลงท่วงทำนองสุดฉ่ำในค่ำคืนนี้ ด้วยพลังและทักษะที่เปี่ยมล้น FKJ และวงทำให้ผู้ชมต้องโยกตามท่วงทำนองของเขาไปอย่างเคลิบเคลิ้ม สิ่งที่น่าประทับใจมาก ๆ คือการที่ FKJ เล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายและคล่องแคล่วอย่างยิ่งทั้งกีตาร์ แซกโซโฟน และคีย์บอร์ดของเขาที่เล่นสลับกันไปมาได้อย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นถึงทักษะอันหลากหลาย ความสามารถอันน่าทึ่งและความเก่งกาจของเขา

ด้วยการแสดงเปี่ยมพรสวรรค์เกือบ 2 ชั่วโมงของ FKJ เขาได้พาเราล่องลอยไปในบทเพลงที่ผสานท่วงทำนองของดนตรีฟังก์ แดนซ์-ป็อป แจ๊ส และโซล การเคลื่อนไหวและเคลื่อนผ่านไปในแต่ละบทเพลงเป็นไปอย่างราบรื่นและลุ่มลึก เซ็ตลิสต์ของ FKJ ได้รับการจัดเรียงมาอย่างดี โดยมีการผสมผสานระหว่างเพลงเก่าและใหม่ที่เน้นท่วงทำนองที่หลากหลายของเขาโดยร้อยเรียงและกำกับอารมณ์คนดูได้อย่างอยู่หมัดไม่ว่าจะเป็นบทเพลงแรก “Skyline” ซึ่งสร้างบรรยากาศดื่มด่ำให้กับค่ำคืนแห่งเสียงเพลงที่นุ่มนวล ละมุนและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ผู้ชมอย่างเรา ๆ ก็พร้อมที่จะร้องและเต้นโยกไปในทุกท่วงทำนองของ FKJ  ไม่ว่าจะเป็น “Losing my way” บทเพลงที่เขาทำร่วมกับหนุ่ม Tom Misch , “Risk” บทเพลงสุดฉ่ำจาก ‘Ylang Ylang EP’ ที่ทำร่วมกับ Bas, ต่อด้วยบทเพลงที่ชุ่มชื่นฉ่ำด้วยเสียงแซกโซโฟน “Us” จากอัลบั้มล่าสุด ‘V I N C E N T’ และไปต่อด้วย “Let’s Live” ที่ FKJ บรรเลงคีย์บอร์ดไปในท่วงทำนองอิเล็กทรอนิก  “Vibin’ Out” ก็เป็นอีกบทเพลงที่สร้างช่วงเวลาสุดฉ่ำ จากเสียงร้องของศิลปินสาว ((( O ))) ที่ถึงแม้ตัวจะไม่มาแต่ว่ากราฟิกด้านหลังและน้ำเสียงหวานนุ่มละมุนของเธอในท่วงทำนองของ FKJ ก็ทำให้เราเคลิ้มไปราวกับเธอมาอยู่ที่นี่ด้วย

FKJ ดีไซน์โชว์มาให้เหมือนกับเรากำลังฟังเขาและวงบรรเลงดนตรีให้เราฟังในห้องนั่งเล่นสุดชิล เฝ้ามองบรรยากาศผ่านหน้าต่างจอ LCD ที่ผันเปลี่ยนไปตามเวลาและท่วงทำนองของดนตรีที่ร้อยเรียงมาอย่างดี ตั้งแต่ช่วงย่ำเย็นมาหัวค่ำด้วยท่วงทำนองนุ่มละมุน ก่อนที่ท่วงทำนองจะเร่าร้อนและเร้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงกลางค่ำคืนที่ท่วงทำนองของเขาทำให้อารมณ์เราเร่าร้อนแบบสุด ๆ หลังจากนั้นก็คลายตัวลงด้วยท่วงทำนองที่ละมุนขึ้นเมื่อใกล้จะรุ่งสาง และตัดจบลงที่ตรงนั้นด้วยบทเพลง “Ylang Ylang” ที่คล้ายเป็นการกล่อมเกลาจิตใจเราให้สงบซึ้งหลังชุ่มโชกไปด้วยท่วงทำนองอันสุดละมุนแต่เร้าใจเต็มพลังแบบไม่เกรงใจใคร

เมื่อไฟดับลงผู้ชมก็ส่งเสียงร้องเรียกให้พวกเขากลับมาบรรเลงต่อ ไม่นานในที่สุด FKJ และ 2 สมาชิกก็ปรากฏกายขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งในช่วงอังกอร์พร้อม 3 บทเพลง “Instant Need” , “Tadow” และ “Sundays” ใน “Instant Need” FKJ ชวนเรามาขยับอีกครั้งพร้อมโชว์ลีลากีตาร์สุดพลิ้ว ต่อด้วย “Tadow” ที่ศิลปินหนุ่ม ‘Masego’ ก็มาแจมด้วยในร่างกราฟิกบนจอ LCD  โยกกันแบบลอย ๆ จากนั้นก็มาถึงบทเพลงสุดท้ายที่จบโชว์ได้อย่างน่าประทับใจ เป็นท่วงทำนองสุดท้ายที่พาผู้ชมเข้ามาสู่บรรยากาศของรุ่งสางด้วยท่วงทำนองของบทเพลง “Sundays” บทเพลงในการบรรเลงเปียโนอันสงบล้ำแต่ช่ำชองไปด้วยทักษะการบรรเลงอันพลิ้วไหวที่จบลงพร้อมแสงแรกของวันใหม่ เป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก ๆ

บทเพลงของ FKJ นั้นเวลาฟังจากแผ่นหรือจากสตรีมมิงก็นับว่าฟินแล้ว พอมาได้ฟังสด ๆ ทุกสุ้มเสียง ทุกซาวด์ ทุกลีลาการแสดงมันยิ่งขับเน้นให้ทุกบทเพลงของ FKJ สดฉ่ำและเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น ตลอดการแสดง FKJ ได้แสดงความสามารถที่น่าทึ่งและได้โชว์ความเก่งกาจของเขาในฐานะนักดนตรี เขาเคลื่อนไหวไปมาระหว่างเครื่องดนตรีได้อย่างไม่มีสะดุด ไม่เคยพลาดจังหวะ รวมถึงมือกลองและมือเบส ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เคมีที่เข้ากันของพวกเขาปรากฏชัดในทุกเพลง

โดยรวมแล้ว คอนเสิร์ตของ FKJ เป็นค่ำคืนที่น่าจดจำ เป็นความเพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด การได้ฟังบทเพลงดี ๆ ในฉากและบรรยากาศที่ดีไซน์มาอย่างดี รวมทั้งมีการร้อยเรียงบทเพลงไล่อารมณ์ในโชว์ได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งการแสดงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถอันเหลือล้นในท่วงทำนองที่เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและไม่น่าพลาดอย่างยิ่ง หาก FKJ จะมาแสดงอีกครั้งในอนาคตข้างหน้าต้องมาสัมผัสประสบการณ์สุดละมุนแบบนี้อีกแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส