เบรนแดน เฟรเซอร์ (Brendan Fraser) สร้างบิ๊กคัมแบ็กได้สำเร็จ หลังผงาดคว้ารางวัลออสการ์ตัวแรก จากการแสดงอันยอดเยี่ยมในหนัง ‘The Whale’

สำหรับเฟรเซอร์นั้น เคยถูกลบออกจากวงการฮอลลีวูดไปช่วงหนึ่ง หลังมีข่าวว่าเขาถูกล่วงละเมิดโดยประธานของ HFPA วันนี้ beartai BUZZ ขอพาทุกคนไปย้อนชมคดีฉาว ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาลของผู้ชายคนนี้

หลายคนอาจจะรู้จักเฟรเซอร์จากบทบาท ‘ริค โอคอลเนลล์’ อันโด่งดังในหนัง ‘The Mummy’ เมื่อปี 1999 หลังประสบความสำเร็จจากหนังไตรภาคชุดนี้ เฟรเซอร์ก็ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูด ที่รับค่าตัวต่อเรื่องเฉลี่ยสูงถึง 20 ล้านเหรียญ แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่ง ชื่อของเฟรเซอร์ก็ค่อย ๆ ถูกลบออกไปจากวงการ ก่อนจะกลายเป็นบุคคลไร้ตัวตนของฮอลลีวูดในเวลาต่อมา

เฟรเซอร์ (กลาง)

ในปี 2018 เฟรเซอร์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ  ว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตของเขาพังขนาดนั้น ต้องย้อนกลับไปช่วงซัมเมอร์ปี 2003 ซึ่งเฟรเซอร์อ้างว่าเคยถูก ฟิลิปป์ เบิร์ก (Philip Berk) อดีตประธานสมาพันธ์สื่อฮอลลีวูด หรือ HFPA ล่วงละเมิดทางเพศ 

สมาพันธ์ชื่อดังของสหรัฐฯ แห่งนี้ คือผู้อยู่เบื้องหลังการจัดงานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำ แน่นอนว่านี่คือองค์กรที่มีหน้ามีตาและมีอำนาจไม่น้อยในวงการภาพยนตร์โลก

เฟรเซอร์เล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่งานเลี้ยงอาหารกลางวันของ HFPA ณ โรงแรมแห่งหนึ่งย่านเดอะเบเวอร์ลีฮิลล์ ทีแรกเขากับเบิร์กต่างสวมกอดทักทายกันตามปกติ ก่อนที่เฟรเซอร์จะเริ่มรู้สึกว่าเขากำลังโดนจู่โจมเข้าที่ของสงวนอย่างหนัก

เฟรเซอร์เล่าว่า ขณะที่เขาทั้งคู่กำลังสวมกอดกัน เบิร์กก็เริ่มลูบไล้ร่างกายของเขา โดยการนำมือมาจับที่แก้มก้นของเขา จากนั้นเบิร์กก็นำมืออีกข้างมาจิ้มวน ๆ บริเวณจุดยุทธศาสตร์ของเขา ในตอนนั้นเฟรเซอร์รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อย ที่กำลังโดนเอาอวัยวะเพศมายัดเยียดเข้าที่คอ

ฟิลิปป์ เบิร์ก

เฟรเซอร์เผยต่อว่า ช่วงเวลานั้นเขารู้สึก “เสียขวัญและกลัว” หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เขากลับบ้านไปพบภรรยาแล้วปรึกษาเรื่องนี้กับเธอ แต่ด้วยความกลัวจะเสียชื่อและอนาคตในวงการฮอลลีวูดไป เขาจึงตัดสินใจเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เฟรเซอร์ต้องทนกับความรู้สึกแย่ ๆ เป็นเวลาหลายปี มันกลายเป็นความเครียดที่สะสมมากขึ้น จนทำให้เขากลายเป็นโรคซึมเศร้า

เขาเอาแต่โทษตัวเอง และรู้สึกอนาถใจ เพราะสุดท้ายในตอนนั้นเขาเลือกที่จะพูดกับทุกคนว่า “ไม่มีอะไร ทุกอย่างโอเค”

หลังเกิดเหตุ เฟรเซอร์ต้องพบหน้าเบิร์กอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ เขาเผยว่า ตัวเองรู้สึกหลอนทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าเบิร์กในทีวี เขาทั้งเครียดและรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ตนเคยโดนกระทำ

เมื่อความอดกลั้นของเฟรเซอร์เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด! เขาตัดสินใจออกมาแฉวีรกรรมที่เบิร์กทำไว้ โดยหวังว่าจะมีคนออกมาประณามประธานคนดัง แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าในสายตาของคนใหญ่คนโตในฮอลลีวูด นี่เป็นเพียงลมปากเปล่าหรือคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลของเฟรเซอร์ มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นว่าพระเอกหนุ่มต้องมาโดนคว่ำบาตรจากผู้สร้างหลายรายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเบิร์กแทน

หลายปีต่อมาสิ่งที่ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) โปรดิวเซอร์คนดังของฮอลลีวูดทำไว้กับดาราหญิงหลายคน กลายเป็นคดีตัวอย่างที่ทำให้สังคมเริ่มรับรู้เรื่องราวอันโสมมของวงการฮอลลีวูดที่ถูกปิดเอาไว้ เฟรเซอร์รู้ดีว่านี่คือโอกาสที่เขาจะสามารถเอาคืนเบิร์กได้อย่างเต็มที่

หลังบทสัมภาษณ์ของเฟรเซอร์แพร่กระจายเป็นวงกว้าง HFPA ก็ถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก จนทำให้พวกเขาต้องมีการสืบสวนเคสนี้อย่างจริงจัง

แน่นอนว่า HFPA มีการสืบสวนภายในจริง แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ให้กับสาธารณชนได้รับทราบ แม้กระทั่งวันนี้ ตัวของเฟรเซอร์เองก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นรายงานการสืบสวนฉบับเต็มของ HFPA เลยสักครั้ง ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับเฟรเซอร์อย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น เฟรเซอร์ยังแฉอีกว่า HFPA ได้ติดต่อมา และขอให้เขาออกมาชี้แจงกับสาธารณะชนว่า สิ่งที่เบิร์กทำเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น ก่อนที่เฟรเซอร์จะเปิดเผยคำพูดในจดหมายชี้แจงที่ HFPA ส่งมาให้กับเขาว่า

“แม้ว่าจะมีการสืบสวนออกมาแล้วว่า คุณเบิร์กมีการสัมผัสร่างกายคุณเฟรเซอร์จริง จากหลักฐานหลายอย่างที่สนับสนุนว่า การกระทำครั้งนี้เกิดจากการล้อเล่นกัน และไม่ใช่เป็นการล่วงละเมิดอย่างตั้งใจ ถึงกระนั้นทางองค์กรขอโทษไปถึงคุณเฟรเซอร์ด้วย”

เฟรเซอร์เล่าต่อว่า วัตถุประสงค์ที่ HFPA ได้ติดต่อมาหาเขา ก็เพื่อต้องการให้เขาออกมาลงนามชี้แจงตามผลการสืบสวนของ HFPA ซึ่งแน่นอนว่าเฟรเซอร์ปฏิเสธที่จะลงนามในแถลงการณ์นี้

เฟรเซอร์ยืนยันว่าสิ่งที่เขาโดนกระทำ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างที่ HFPA พยายามกล่าวอ้าง แม้เรื่องราวของเบิร์กจะถูกขุดขึ้นมาแฉ แต่ HFPA ก็ยังให้เบิร์กดำรงตำแหน่งอยู่ในบอร์ดบริหารเช่นเดิม แถมไม่มีท่าทีว่าองค์กรดังจะลงโทษอดีตประธานของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่แล้วในเดือนเมษายนปี 2021 เบิร์กก็ถูก HFPA ไล่ออกจนได้ หลังไปแสดงความคิดเห็นว่ากระแส Black Lives Matter เป็นกระแสเกลียดชัง และเหยียดผิว

หลังเฟรเซอร์เฟดตัวจากวงการไปนาน ในปี 2022 เขาก็สามารถกลับมามีที่ยืนได้อีกครั้ง กับบทที่เขาต้องแปลงโฉมเป็น ชาร์ลี ชายหนัก 272 กิโลกรัม ในหนังเรื่อง ‘The Whale’

การแสดงอันยอดเยี่ยมของเฟรเซอร์ที่เขาทุ่มเททั้งกายและใจให้หนังเรื่องนี้ ส่งให้เขามีชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ปี 2023 จากสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทหนังดราม่า เฟรเซอร์ที่ยังเคือง HFPA อยู่ ออกมาประกาศภายหลังมีชื่อเข้าชิงว่า แม้เขาจะเป็นแคนดิเดตที่มีโอกาสขึ้นไปคว้ารางวัล แต่จากเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่ยินดีที่จะเดินทางไปร่วมงานประกาศรางวัลนี้ ซึ่งสุดท้ายรางวัลดังกล่าวก็ตกเป็นของนักแสดงหนุ่มจากเรื่อง ‘Elvis’ อย่าง ออสติน บัตเลอร์ (Austin Butler)

ถึงจะพลาดรางวัลลูกโลกทองคำ แต่เฟรเซอร์ก็ไล่กวาดรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหลายเวทีทั้ง Critics’ Choice Movie Awards, SAG Awards และรางวัลใหญ่ของปีอย่างออสการ์ 

แม้เฟรเซอร์ไม่อาจกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่การได้รับรางวัลใหญ่ ๆ ในฐานะนักแสดง เปรียบเสมือนฟ้าหลังฝนที่งดงามสำหรับผู้ชายคนนี้จริง ๆ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส