[รีวิว] The Good Bad Mother : ดราม่าคอมเมดี้สุดดาร์ก ที่ทำให้เราน้ำตาไหลและตกหลุมรัก
Our score
8.2

บท

แบเซยอง

กำกับ

ชิมนายอน

จำนวนตอน

14 ตอน

ช่องทางรับชม

NETFLIX

วันเวลาออกอากาศ

พุธ-พฤหัส เวลา 22:00 น.

[รีวิว] The Good Bad Mother : ดราม่าคอมเมดี้สุดดาร์ก ที่ทำให้เราน้ำตาไหลและตกหลุมรัก
Our score
8.2

[รีวิว] The Good Bad Mother : ดราม่าคอมเมดี้สุดดาร์ก ที่ทำให้เราน้ำตาไหลและตกหลุมรัก

จุดเด่น

  1. บทมีความสุดโต่ง แต่ก็ชัดเจนตรงประเด็นในแง่ของการสื่อความหมาย
  2. ดำเนินเรื่องรวดเร็ว เข้มข้น และซ่อนปมสงสัยให้น่าติดตาม
  3. การแสดงของรามีรันและอีโดฮยอน บ่งบอกถึงการเป็นนักแสดงคุณภาพระดับท็อปได้จริง ๆ สมบทบาทมาก

จุดสังเกต

  1. ยังคงมีเรื่องราวลับ ๆ ที่ตั้งใจซ่อนอเอาไว้ ซึงเป็นสไตล์ที่คุ้นชินของซีรีส์เกาหลี จนไม่คิดว่าจะมีเซอร์ไพรซ์อะไรนัก
  • บท

    7.0

  • โปรดักชัน

    7.0

  • การดำเนินเรื่อง

    8.0

  • การแสดง

    10.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    9.0

เมื่อความรักของแม่ ยิ่งใหญ่เหนือภูเขาและกว้างกว่าท้องทะเล สายตาของแม่จึงพยายามมองหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูก และมองไปไกลเกินกว่าจะคาดเดาได้ จนอาจจะลืมคิดไปว่าความรักที่ทุ่มเทลงไปมันดีที่สุดแล้วจริงหรือ สิ่งที่เราคิดแทนเขา คือสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ หรือเป็นสิ่งที่เราต้องการกันแน่ ‘The Good Bad Mother | แม่ดี แม่ร้าย’ ซีรีส์ที่สะท้อนความรัก และผลลัพธ์จากความคาดหวังของแม่ ที่ได้ตั้งใจทำเอาไว้อย่างละเอียดยิบ เพื่อตะโกนดัง ๆ ต่อหน้าแม่ทุกคน และกระซิบข้างหูลูก ๆ ไปพร้อม ๆ กัน

The Good Bad Mother | แม่ดี แม่ร้าย : เล่าเรื่องราวของ ‘ยองซุน’ (รามีรัน) แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงดู ‘คังโฮ’ (อีโดฮยอน) ลูกชายของเธอด้วยตัวคนเดียวจากอาชีพเลี้ยงหมู เพราะสามีตายจากไปอย่างไม่เป็นธรรม เธอเข้มงวดกับลูกชายเพราะไม่อยากให้เขาโตขึ้นแล้วมีชีวิตเหมือนกับเธอและสามี ที่ไม่มีทั้งเงินและอำนาจมาต่อกรกับความอยุติธรรม จนเธอกลายเป็นแม่ใจร้ายที่สร้างความขมขื่นให้กับลูกตัวเอง คังโฮเติบโตมาในกรอบของแม่ทุกกระเบียดจนกลายมาเป็นอัยการอย่างที่แม่หวัง และเกินเลยไปกว่าที่แม่คาดคิดเอาไว้

จนเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นเมื่อคังโฮประสบอุบัติเหตุ ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำและกลับไปเป็นเด็ก 7 ขวบอีกครั้ง เขาลืมชีวิตที่ผ่านมาทุก ๆ อย่าง ลืมอดีตที่เคยมีมากับ ‘อีมีจู’ (อันอึนจิน) รักแรกและเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตที่เกิดวันเดือนปีเดียวกันกับเขา เขาลืมอดีตที่ไม่น่าจดจำทุก ๆ อย่าง จนยองซุนตัดสินใจที่จะกลายเป็น ‘แม่ดีในแม่ร้าย’ เพื่อคังโฮอีกครั้ง

ปรัชญาชีวิตแบบ หมู หมู

เรื่องนี้เริ่มต้นมาด้วยปรัชญาชีวิตแบบหมู หมู ที่ว่าด้วยชีวิตแสนสะอาดตามธรรมชาติของหมูที่ถูกทำให้สกปรกโดยมนุษย์ ด้วยการพูดถึงไลฟ์สไตล์ของหมูว่า หมูเป็นสัตว์ที่รักสะอาด มันขับถ่ายที่เดิมเสมอ และจะนอนในที่ที่สะอาด มันมักจะเอาตัวไปคลุกโคลนเพื่อลดอุณหภูมิและป้องกันแมลง แต่มนุษย์มักจะขังหมูไว้ในคอกแคบ ๆ ทำให้มันคลุกโคลนไม่ได้ จนต้องเอาตัวไปคลุกกับอึและฉี่ของตัวเอง จนในที่สุดก็ทำให้หมูอารมณ์ดีกลายเป็นหมูที่มีอารมณ์รุนแรงขึ้น ช่างน่าสงสารจริง ๆ หมูเอ้ย

แต่ที่น่าสงสารมากกว่านั้นคือ ทั้ง ๆ ที่หมูเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ตั้งแต่หัวจดเท้า แต่หมูก็เงยหน้าไม่ได้มันจึงมองเห็นโลกแค่ด้านเดียวโดยไม่เคยเห็นท้องฟ้าเลย สิ่งที่จะทำให้หมูมองเห็นท้องฟ้าหรือโลกอีกด้านหนึ่งได้คือการล้มตัวลง เหมือนมนุษย์ที่ต้องล้มลงเสียก่อนถึงจะเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิม อาห์ เริ่มต้นมาก็ร่ายมนตร์ปรัชญาใส่คนดูซะแล้ว บ่งบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ต้องอัดแน่นไปด้วยดราม่าเข้มข้นอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

บทซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเทียบชีวิตของมนุษย์กับหมู ที่กว่าจะมองเห็นโลกอีกด้านหนึ่งได้ ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคเสียก่อนถึงจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่า ชีวิตที่ผ่านมาได้ทำผิดพลาดอะไรไป และการล้มลงก็เป็นได้ทั้งบทลงโทษจากความผิดพลาดและพรจากสวรรค์ที่เปิดโอกาสให้เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ด้วยการให้ยองซุนผู้เป็นแม่ได้พบว่าที่ผ่านมาการเป็นแม่ร้ายของตัวเอง ที่ถึงแม้จะทำไปด้วยเจตนาดี แต่ก็เป็นการทำร้ายจิตวิญญาณของลูกตัวเองจนไม่ต่างอะไรกับหมูที่เธอเลี้ยงอยู่ในคอกเลยสักนิด

คังโฮที่เคยเป็นเด็กร่าเริงต้องถูกพรากรอยยิ้มไปทีละน้อย จากน้ำมือและความหวังดีของแม่ตัวเอง เขาไม่เคยได้ออกไปทัศนศึกษากับเพื่อนในโรงเรียน ไม่เคยได้เที่ยวเล่นนอกบ้าน ไม่เคยได้ดูทีวีรายการโปรดและไม่แคยแม้แต่จะได้กินข้าวหมดจาน “อย่ากินข้าวจนอิ่ม เพราะมันจะทำให้ง่วงจนอ่านหนังสือไม่ได้” นี่คือคำที่แม่บอกกับเขาทุกวัน จนฝังอยู่ในความทรงจำชนิดที่แกะไม่ออก แม้ในวันที่สูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม และเป็นฉากที่ทำให้คนดูจุกอยู่ในอกและอดเสียน้ำตาความขมขื่นของคังโฮไม่ได้..แง น้ำตาไหลเลยจ้า

เสียงหัวเราะที่ปนเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

การดำเนินเรื่องของเรื่องนี้ใช้คำว่าฉับไวได้เต็มปาก แต่เป็นความฉับไวที่เข้มข้น และอัดแน่นด้วยหลากหลายความรู้สึก นี่เพิ่งผ่านไปแค่ 4Ep เท่านั้นเองค่ะก็เข้มข้นกันซะขนาดนี้ เป็นดราม่าคอมเมดี้สุดดาร์ก ที่ช่วงขำ ช่วงเศร้า ช่วงบีบจิต สลับสับเปลี่ยนมาสร้างอารมณ์ให้คนดูคล้อยตามได้แบบไม่มีพัก ชนิดที่ว่าหากมีการตั้งกล้องถ่ายคลิปขณะชมซีรีส์เอาไว้ อาจจะได้เห็นหญิงบ้านางหนึ่ง เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้และเดี๋ยวก็นั่งยิ้มให้กับจอโทรทัศน์อยู่นั่นแหละ

เรียกได้ว่าเป็นบทละครที่สุดโต่งในทุกทาง ไม่มีตรงกลางสักนิดเดียว ถึงแม้ว่าจะมีความกลมกล่อมก็ตามเถอะ ด้วยการสร้างให้ยองซุนเป็นแม่ที่ใจแข็งอย่างหินผา ทั้งในช่วงที่เลี้ยงดูคังโฮจนเติบโต และในช่วงที่ดูแลคังโฮที่ความจำถดถอย จุดนี้เชื่อว่าผู้เขียนบทต้องการให้เราสัมผัสได้ถึงความแกร่งของแม่เลี้ยงเดี่ยวมีปม ที่สามีมาตายจากอย่างน่าสงสัยแต่ไม่มีใครยอมช่วยเธอ การเรียนรู้ชีวิตที่ขมขื่นเพราะไร้อำนาจและเงินทอง ทำให้เธอทุ่มความหวังมาที่ลูกจนลืมไปเสียสนิทว่า นั่นคืออีกชีวิตหนึ่งที่ต้องการความสุขและเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ ไม่ต่างไปจากเธอ

ทุกครั้งที่มีซีนแม่ลูก ก็มักจะเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะความสงสารที่อยากจะบอกว่า แม่…มันเกินไปไหมเนี่ยแม่ แต่เมื่อคังโฮโตขึ้นและเริ่มต่อกรกับแม่ได้เท่านั้นแหละ เราก็อยากจะดีดหูเจ้าลูกชายตัวดี ว่าคังโฮ เอ็งมันชักจะทำเกินไปแล้วนะ เรียกว่าทั้งบทและการแสดงของ อีโอฮยอนและรามีรัน สามารถจับคนดูให้จดจ่ออยู่กับอารมณ์ตรงนั้นได้อยู่หมัด โดยเฉพาะในซีนแห่งความพยายามของแม่ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกายของลูกให้ได้ ถึงแม้จะดูใจหินและสุดโต่งในเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ไปสักหน่อย แต่ถ้ามองในแง่ของารสื่อความหมาย ซีนที่ว่าก็จับจิตบีบใจเอามาก ๆ เลยทีเดียว

ซึ่งเป็นคอมเมดี้สุดดาร์ก ที่ผสมไปกับคอมเมดี้ขำกลิ้งของบรรดาสมาชิกในหมู่บ้านทั้งหลาย ที่ต่างก็มา สร้างสีสันและความสงสัยใคร่รู้ให้กับเราอยู่เนือง ๆ ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของอีมีจู ที่เกิดวันเดือนปีเดียวกันกับคังโฮ​ และเป็นรักแรกของกันและกัน ความเป็นมาของเด็กแฝด ‘เยจิน’ (กิโซยู) และ ‘ซอจิน’ (พักดาออน) ที่ไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงเป็นไอ้วายร้ายที่ไหนกันแน่ และอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสงสัยอย่าง ภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน ที่ใจคอจะแปะแผ่นมาร์กหน้าแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน จริงดิ และความลับที่ซีรีส์ยังไม่บอกอีกมากมายแต่ก็ทำให้เห็นว่าเรื่องราวนั้น ๆ มีหลังม่านที่แตกต่างจากหน้าจอแน่ ๆ

4 ตอนนี้สอนให้รู้ว่า

อย่างที่บอกว่าซีรีส์ดำเนินไปด้วยความเข้มข้นและฉับไวปานลิงลม แต่ก็เป็น 4 ตอนคุณภาพที่เชื่อว่าอาจสะกิดใจของใครสักคนได้แน่ ๆ โดยเฉพาะคนเป็นแม่ที่กำลังวาดอนาคตให้ลูกด้วยมือของแม่เอง ด้วยการเขียนบทที่สุดโต่งแต่ก็ชัดเจนตรงประเด็นในแง่ของการสื่อความหมาย เพราะในชีวิตจริงคงไม่มีใครเข้มงวดถึงขนาดบอกลูกว่า “อย่ากินข้าวจนอิ่ม เพราะมันจะทำให้แกง่วงจนอ่านหนังสือไม่ได้” ซีรีส์ทำให้เห็นว่าความดุดันและเอาจริงเอาจังที่แม่ทำ สร้างความหวาดกลัวให้ลูกมากกว่าความเคารพรัก

หนำซ้ำยังไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้กับลูกได้ ว่าที่แม่ทำไปทุกอย่างเพราะความรัก ส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่า บทซีรีส์เรื่องนี้เป็นการเขียนขึ้นมาเพื่อสะท้อนบางแง่มุมของสังคม ที่ยังคงมีการแข่งขันอย่างหนักหน่วงในทุกสาขาอาชีพ และลูกก็ได้กลายเป็นความหวังและตัวแทนความฝันของพ่อแม่ จนภาระหนักตกมาที่สองบ่าเล็ก ๆ ลูกมากกว่าใคร ๆ

ฉากที่ลูกทิ้งข้าวที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะกลัวแม่เห็น ฉากที่แม่ทุ่มทีวีจนพังเพราะลูกกำลังดูรายการที่ชอบ ความเข้มงวดที่ถูกกระทำไม่ต่างจากหมูในคอกแคบ ๆ เลยสักนิด เป็นการบ่งบอกว่า การเข้มงวดกับลูกจนเกินพอดี นอกจากทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง ยังประทับความทรงจำที่ขมขื่นลงในหัวใจลูกอีกต่างหาก จนสุดท้ายผลงานของแม่ที่ตั้งใจปั้น ก็อาจจะบิดเบี้ยวและแตกต่างไปจากที่คิดอย่างที่ไม่มีวันคาดถึง และน้อยคนที่จะได้มีโอกาสกลับมาเริ่มต้นใหม่ อย่างในละคร

เรียกได้ว่าเพียง 4EP ก็สร้างเรื่องสร้างราวให้เราอยากจะติดตามอยู่มากมาย ทั้งสร้างความสุข ความเศร้าที่ทำให้คนดูคล้อยตามไปกับอารมณ์ของตัวละคร ทั้งมุมดาร์ก ๆ และมุมน่ารักที่ต่อจากนี้คังโฮและยองซุนสองแม่ลูกจะเรียกเสียงหัวเราะและน้ำตาจากคนดูได้อีกมากมาย รวมไปถึงอีมีจูและ ‘บังซัมชิก’ (ยูอินอู) ตัวปัญหาประจำหมู่บ้าน ที่เป็นอีกสองตัวละครหลักของเรื่อง และจะทำให้เนื้อเรื่องที่เหลืออยู่เข้มข้นกว่านี้อีกแน่นอน แฟน ๆ ชะเง้อคอรอดูแก้อาการลงแดงกันได้เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส