แมตต์ เดมอน (Matt Damon) อดีตนักแสดงหนุ่มที่แจ้งเกิดแบบเต็มตัวจากหนังสงคราม ‘Saving Private Ryan’ (1998) รวมทั้งยังเป็นผู้เขียนบทหนังมือฉมังที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม จากการแสดงและเขียนบทหนัง ‘Good Will Hunting’ (1997) ร่วมกับ เบน เเอฟเฟล็ก (Ben Affleck) และกลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าอีกคนของวงการที่แสดงและมีผลงานภาพยนตร์ในหลากหลายบทบาท ทั้งบทสายลับ เจสัน บอร์น ในแฟรนไชส์ ‘Bourne’ และหนังไซไฟ ‘The Martian’ (2015)

โดยล่าสุด เขากำลังเตรียมรับบทเป็น พลโทเลสลี โกรฟส์ (Leslie Groves) ผู้อำนวยการโครงการวิจัยระเบิดปรมาณูที่มีชื่อว่า โครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ในภาพยนตร์ ‘Oppenheimer’ ผลงานกำกับล่าสุดของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่จะเข้าฉายในวันที่ 20 กรกฏาคมที่จะถึงนี้

Matt Damon Oppenheimer

โดยล่าสุด ตัวเขารวมทั้งแสดงนำจาก ‘Oppenheimer’ ทั้ง คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) ผู้รับบท เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer), เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) ผู้รับบทเป็น แคตเธอรีน ออปเพนไฮเมอร์ (Katherine Oppenheimer) ภรรยาของออปเพนไฮเมอร์ ได้ให้สัมภาษณ์โปรโมตหนังกับรายการออนไลน์ทาง YouTube ที่มีชื่อว่า Jake’s Takes

โดยส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ นักแสดงและนักทำหนังฝีมือล้นอย่างเดมอน ได้เปิดเผยช่วงเวลาอันยากลำบากของชีวิตช่วงหนึ่ง สาเหตุก็เพราะว่า เขาได้มีโอกาสไปแสดงหนังเรื่องหนึ่ง ก่อนที่เขาจะก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่า หนังที่เขาแสดงนั้น จะกลายไปเป็นหนังที่คุณภาพย่ำแย่เกินกว่ามาตรฐานที่เขาตั้งไว้ และสิ่งนั้นทำให้ตัวเขาเองรู้สึกลำบากใจ หดหู่ และถึงขั้นทำให้เขาต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้าไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

เดมอนกล่าวถึง ‘หนังห่วยเรื่องนั้น’ ในบทสัมภาษณ์ว่า “ผมเองคงบอกไม่ได้ว่าเป็นหนังเรื่องไหนนะครับ… แต่บางครั้งเราเองก็รู้ดีว่า หนังบางเรื่องที่คุณหวังไว้ บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหวัง แต่คุณยังต้องทำมันต่อไป ผมจำได้เลยว่า พอหนังถ่ายทำไปได้ครึ่งทาง และคิวถ่ายก็ยังเหลืออีกหลายเดือน ผมเลยพาครอบครัวไปกองถ่าย ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาลำบากใจเหมือนกัน ภรรยาผมต้องคอยดึงสติผมอยู่เรื่อย ๆ เพราะตอนนั้นผมกำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้า ผมเอาแต่ถามตัวเองตลอดว่า ‘นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่วะ ? ‘”

“ภรรยาต้องคอยบอกกับผมว่า ‘พวกเราอยู่ข้าง ๆ คุณนะ’ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ความรู้สึกภาคภูมิใจของตัวผมเอง ส่วนใหญ่มาจากเธอทั้งนั้นครับ การเป็นนักแสดงมืออาชีพที่ต้องทำงานราว 14 ชั่วโมงต่อวัน และทุ่มเททำทุกอย่างเต็มที่ แม้จะรู้ดีว่าความพยายามเหล่านั้นจะสูญเปล่า เพียงแต่ถ้าเราทำงานทุกอย่างด้วยทัศนคติที่ดี มันก็จะทำให้คุณกลายเป็นมืออาชีพได้นะครับ แล้วเธอก็ช่วยผมได้มากเลยในเรื่องนั้น”

แม้เดมอนจะไม่ได้เปิดเผยว่า ‘หนังห่วย’ ที่ทำให้เขาซึมเศร้าเรื่องนั้น แท้จริงคือหนังเรื่องไหนกันแน่ แต่เท่าที่เขาเคยเปิดเผยเรื่องนี้ในอดีต ก็อาจทำให้แฟนหนังหลายคนเดาได้ไม่ยากว่า หนังที่พาเขาพบเจอกับหายนะครั้งหนึ่งในชีวิตก็คือ หนังเรื่อง ‘The Great Wall’ หนังสัตว์ประหลาดกลิ่นอายจีนโบราณ ที่กำกับโดย จางอี้โหมว (Zhang Yimou) ที่ออกฉายเมื่อปี 2016

ในหนัง เดมอนต้องรับบทเป็น วิลเลียม การิน ทหารรับจ้างชาวยุโรปที่ถูกบังคับให้ร่วมมือกับกองทัพของจักรวรรดิเพื่อปราบอสูรกายกินเนื้อคนที่บุกเข้ามายังอาณาจักร รวมทั้งยังเป็นที่มาของการสร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันการรุกรานจากอสูรกายอีกด้วย

Matt Damon The Great Wall

ตัวหนังเป็นการร่วมทุน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น แม้จะมีทัพนักแสดงซูเปอร์สตาร์ทั้งฝั่งจีนและฮอลลีวูดมาร่วมแสดงไม่น้อย ทั้ง เพโดร พาสคาล (Pedro Pascal), วิลเล็ม ดาโฟ (Willem Dafoe) และ หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) รวมทั้งชื่อชั้นของจางอี้โหมวด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ เพราะตัวหนังถูกนักวิจารณ์สับเละ ทำคะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้มะเขือเน่าไปที่ 35% ทำรายได้ Box Office ทั่วโลก 334.9 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ในในสหรัฐอเมริกาได้ไม่ถึง 50 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญ

ซึ่งเดมอนเคยแง้มถึงความรู้สึกหายนะต่อหนังเรื่องนี้ในพอดแคสต์ WTF With Marc Maron ในปี 2021 ว่า “ผมเคยรู้สึกว่า นี่มันหายนะชัด ๆ มันมั่วซั่วตั้วเหล็งไปหมด มันไม่มีความเป็นหนังอะไรเลย”

เดมอนกล่าวเสริมในตอนนั้นเพิ่มเติมว่า “ตอนนั้นผมรู้สึกได้ถึงคำจำกัดความของคำว่านักแสดงมืออาชีพเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองขี้แพ้แล้วก็เอาแต่พูดว่า ‘โอเค ฉันเหลือเวลาจากนี้อีกแค่ 4 เดือนโว้ย’ ความรู้สึกเหมือนคุณถูกตีโอบในสงคราม ผมว่าผมคงต้องตายแหง ๆ แต่ผมก็ต้องทำงานต่อไป มันโคตรแย่ที่สุดเท่าที่ผมจะจินตนาการได้ ผมหวังว่าผมจะไม่ต้องเจอกับความรู้สึกนั้นอีก”


ที่มา: Variety, Insider

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส