“งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา”
“หนังสือมีหน้าแรก ย่อมต้องมีหน้าสุดท้าย”
นี่คงเป็นสัจธรรมที่เราต่างเข้าใจกันดี และสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับวงดนตรีที่มีอายุกว่า 40 ปีอย่าง “คาราบาว” ตำนานเพลงเพื่อชีวิตของไทย ที่ได้จัดคอนเสิร์ตในวาระครบรอบ 40 ปีในการทำงานของวงดนตรีเพื่อชีวิตระดับตำนานวงนี้ แต่ไม่นานก่อนคอนเสิร์ตจะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แฟน ๆ ต่างก็ได้รับข่าวว่าคาราบาวได้ตัดสินใจแยกวงกันอย่างเป็นทางการ นั่นจึงทำให้คอนเสิร์ตใหญ่ในครั้งนี้กลายเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของวงไปโดยปริยาย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้แฟน ๆ ทั้งหลายที่ได้ไปรวมตัวกัน ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ต่างตั้งอกตั้งใจ ใช้หัวใจอยู่กับช่วงเวลานี้อย่างดีที่สุด เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำครั้งสำคัญเอาไว้ในหัวใจตลอดไป
เป็นเรื่องน่าประทับใจที่เห็นแฟน ๆ ที่รักคาราบาวมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น และบัตรคอนเสิร์ตเองก็ขายหมดเกลี้ยงไปเป็นที่เรียบร้อย แฟนเพลงเรือนหมื่นมากันมากมายทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก (มาก) ได้เห็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยมาเต้นข้าง ๆ คุณพ่อคุณแม่ ชูมือชูไม้เป็นรูปหัวควายคาราบาว จนถึงระดับเบบี๋เด็กเดือน ! ก็มีคุณพ่อคุณแม่พามาเย้วด้วย ก่อนงานจะเริ่มก็มีบูธต่าง ๆ ให้แฟน ๆ ได้ทำกิจกรรมทั้งซื้อของที่ระลึก ถ่ายภาพ หรือดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มเย็น ๆ
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/DJI_0483-1024x767.jpg)
แฟน ๆ หลายคนมารอตั้งแต่ช่วงบ่าย พอคล้อยเย็นวงปาป้าเบนซ์ (Papa Benz) วงเปิดก็ขึ้นมาเล่น วงดนตรีทรีโอที่มีแค่ 3 สมาชิก ร้อง-กีตาร์ เบส และกลอง แต่ก็สร้างความประทับใจในทุกท่วงทำนอง บรรเลงได้อย่างชวนเพลิดเพลิน นับว่าเป็นการอุ่นเครื่องให้กับแฟน ๆ คาราบาวได้เป็นอย่างดี
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_4605-1024x681.jpg)
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_4566-680x1024.jpg)
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_4626-1024x680.jpg)
เมื่อพูดถึงคาราบาวแล้ว คำว่า “ตำนาน” ที่ใครต่อใครต่างมอบให้ ไม่ใช่อะไรที่เกินเลย คาราบาวได้สร้างสรรค์บทเพลงอมตะไว้เป็นร้อยเป็นพัน เชื่อได้เลยว่าเราต่างก็มีเพลงของคาราบาวอยู่ในช่วงชีวิตทั้งหลายของเรา เป็นเพลงประกอบชีวิตในแต่ละมิติ แต่ละช่วงวัย แตกต่างกันออกไป ในแง่ดนตรีเพลงของคาราบาวมีทั้งความสนุกสนาน ความขี้เล่น ความจริงจัง สุขุม ลุ่มลึก และเฉียบคม ท่วงทำนองติดหู ผสมผสานแนวดนตรีที่หลากหลายทั้งโฟล์ก ร็อก คันทรี เฮฟวี่ เร็กเก และอีกมากมาย ที่สำคัญคือคาราบาวสามารถผสมผสานดนตรีสากลแบบตะวันตกเข้ากับกลิ่นอายความเป็นไทยได้อย่างลงตัวและเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ มีการใส่สำเนียงเสียงดนตรีพื้นบ้านและนำเครื่องดนตรีท้องถิ่นของไทยเข้ามาปรับใช้ได้อย่างลงตัว ส่วนในด้านเนื้อหานั้น เพลงของคาราบาวก็เล่าเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตผู้คนในสังคมไทยได้อย่างเฉียมแหลม หลายบทเพลงเป็นเสมือนบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์บ้านเมือง หลายบทเพลงแฝงไว้ด้วยแง่มุมเชิงปรัชญาให้เราได้ใช้เวลาครุ่นคิดไตร่ตรอง ทั้ง ๆ มีเนื้อหาลุ่มลึกและลึกซึ้งและเข้าถึงคนฟังได้ง่าย อาจเพราะเพลงของคาราบาวมีความละเมียดละไมและใช้ภาษาที่เรียบง่ายบนความสละสลวยไพเราะ นั่นจึงทำให้ใครต่อใครก็สามารถเข้าถึงบทเพลงของคาราบาวได้
ปัจจุบันวงคาราบาวมีสมาชิกทั้งหมด 8 คน ได้แก่ แอ๊ด ยืนยง โอภากุล, เล็ก ปรีชา ชนะภัย, เทียรี่ สุทธิยงค์ เมฆวัฒนา, อ๊อด เกริกกำพล ประถมปัทมะ, ดุก ลือชัย งามสม, หมี ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ, โก้ อัทธนันต์ ธนอรุณโรจน์ และ อ้วน ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย และคาราบาวทั้ง 8 ก็พร้อมแล้วที่จะมามอบความสุขให้กับแฟน ๆ คนไทยผู้มีหัวใจรักควายคาราบาว
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/DJI_0323-1024x767.jpg)
ช่วงแรก โหมโรงความมันส์
เมื่อถึงเวลา 19.09 นาที แสงไฟก็ดับลง ภาพเคลื่อนไหวปรากฏบนหน้าจอ LCD ขนาดยักษ์ที่ถูกจัดวางไว้ด้านข้างเวทีทั้งสองด้าน VTR อินโทรเข้าสู่คอนเสิร์ตในครั้งนี้ได้เริ่มขึ้น ผลงานเพลงของคาราบาวถูกนำเสนอผ่าน VTR เห็นถึงพัฒนาการของวงและเทคโนโลยีบันทึกเสียงไปในเวลาเดียวกัน เริ่มตั้งแต่อัลบั้มแรกในรูปแบบม้วนเทป มาสู่ซีดี และจบลงที่บัตรคอนเสิร์ต 40 ปีคาราบาวในที่สุด เสียงเฮดังลั่นฮอลล์อิมแพค
เมื่อกวาดสายตาจากหน้าจอมาสู่กลางเวที เห็นร่างของชายคนหนึ่งและกีตาร์ของเขาปรากฏตัวขึ้นภายใต้แสงไฟที่สาดส่องลงมา โดยที่รอบข้างยังคงอยู่ภายใต้ความมืด เขาคือ “ยืนยง โอภากุล” หรือที่เรารู้จักกันว่า “แอ๊ด คาราบาว” ฉากบนเวทีค่อย ๆ สว่างขึ้นพร้อมเสียงดนตรีแรกของวงคาราบาวที่กำลังถูกบรรเลงโดยแอ๊ด คาราบาว
“จากสุพรรณมากับรถไปรษณีย์
สตางค์พอมีแต่จำต้องประหยัด
เข้าสู่เมืองกรุงมุ่งมาเป็นเด็กวัด
ได้ข้าวก้นบาตรหล่อเลี้ยงชีวี”
เสียงกีตาร์ดังคลอไปกับเนื้อเพลงท่อนแรกของโชว์นี้ ในบทเพลง “40 ปีคนคาราบาว” บทเพลงที่คล้ายเป็นการอินโทรเรื่องราวและกล่าวถึงวิถีของวงดนตรีที่ชื่อ ‘คาราบาว’
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z62_9094-1024x576.jpg)
สมาชิกในวงค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นเมื่อเนื้อเพลงได้กล่าวถึง “เลยได้เพื่อนใหม่เป็นนักดนตรี สูงยาวเข่าดี ปรีชา ชนะภัย” ทันใดเล็ก คาราบาว มือกีตาร์หนวดสวยก็ปรากฏขึ้นมาบนเวทีพร้อมกีตาร์ตัวเก่งของเขา “เต้นกินรำกินเป็นศิลปินไส้แห้ง กลางคืนแสดงวงเพรสซิเดนท์เล่นเพลงฝรั่ง กลางวันแสดงโรงแรมนานาแนวคันทรี กับคุณเทียรี่ สุทธิยง เมฆวัฒนา” แล้วเทียรี่ มือกีตาร์หน้าหยกของวง ก็ก้าวขึ้นมาเป็นคนต่อไป
“เพราะลมหายใจเข้าออกเป็นเพื่อชีวิต
เพราะลมหายใจเข้าออกคือคาราบาว”
“40 ปีแล้ว ยังขอตอกย้ำ
จะก้มหน้าทำหน้าที่ ฅนคาราบาว”
บทเพลงได้บอกเล่าความเป็นมาและการโคจรมาพบกันของสมาชิกในวง อีกทั้งยังตอกย้ำปณิธานของวงดนตรีที่ชื่อคาราบาว นับเป็นบทเพลงที่ดีสำหรับการเปิดคอนเสิร์ตครั้งสำคัญนี้ ท่วงทำนองเริ่มต้นด้วยความอบอุ่น ก่อนที่จะมาสู่จังหวะสามช่าอันสนุกสนานที่เป็นลายเซ็นของวงคาราบาว ปลุกเร้าแฟนเพลงให้เพลิดเพลินไปกับโชว์นี้
หลังจากบทเพลงแรก จากลิสต์เพลงทั้งหมด “40 เพลง” ของคอนเสิร์ตนี้ได้จบลง คาราบาวก็ได้จัดชุดเพลงฮิตสุดมันส์มาอย่างต่อเนื่องไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็น “บางระจัน” บทเพลงแรกที่โหมโรงความมันส์ได้อย่างดุเดือด ทั้งแสง สี เสียง บนเวทีที่ดีไซน์มาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ (และหลังจากนี้มีอีกหลาย ๆ เพลงเลยที่ LCD บนเวที ตรงกลางหนึ่ง และแนวตั้ง 6 ตัว ข้างละ 3 ได้ดีไซน์ความงามและอารมณ์ของแต่ละบทเพลงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม) นอกจากนี้ยังมีเปลวเพลิงปะทุ พลุ และเสียงระเบิด มาสร้างบรรยากาศและอารมณ์ได้อย่างสุด นาทีนี้ไม่มีใครนั่งติดเก้าอี้แล้ว ลุกขึ้นมาเต้นและชูมือรูปหัวควายคาราบาวและร้องตามกันอย่างพร้อมเพรียง
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/ATR0699-1024x683.jpg)
จากนั้นแอ๊ด คาราบาวก็เล่าประวัติความเป็นมาที่น่าตื่นเต้นของเจ้ากีตาร์ตัวเก่งของ เล็ก คาราบาว ที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนและเคยใช้ถ่ายในหนังเรื่อง “เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ” (ภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2528 นำแสดงโดยคาราบาวทั้งวง) และถูกขโมยไปเป็นเวลาเกือบ 40 ปี จนตามกลับมาได้ในที่สุด ซึ่งความสำคัญของกีตาร์ตัวนี้ในประวัติศาสตร์วงคาราบาวก็คือ มันเป็นกีตาร์ที่ใช้อัดเสียงในเพลง “วณิพก” และนี่ก็คือบทเพลงต่อไปที่คาราบาวได้ขับขานให้เราฟังกันอย่างสนุกสนาน และมันช่างชื่นใจที่ได้ฟังเสียงโซโลกีตาร์โดย เล็ก คาราบาว จากกีตาร์ตัวเก่งที่มีเรื่องราวความเป็นมาตัวนี้
ต่อมาคาราบาวได้พาเราเข้าสู่บรรยากาศของคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ ‘ทำโดยคนไทย’ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของคาราบาว จัดขึ้นที่สนามกีฬาเวโลโดรม เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2528 ด้วยบทเพลง “เมด อิน ไทยแลนด์” ที่ ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย หรือ อ้วน คาราบาว มือกลองของวง รับหน้าที่บรรเลงเสียงขลุ่ยในบทเพลงอันยอดเยี่ยมนี้ของคาราบาว
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/BV2_2948-681x1024.jpg)
เพื่อความเป็นสิริมงคลของบรรดาแฟน ๆ คาราบาวได้ต่อด้วยบทเพลง “หลวงพ่อคูณ” ให้แฟน ๆ ได้ร้องตามลั่นไปกับท่อน “ชั่วดีอยู่ในกะโหลก มาเขกโป๊ก ๆ จำไว้ให้ดี” บทเพลงนี้แต่งโดย พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ซึ่งใส่เนื้อร้องที่แสดงให้เห็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและหลักธรรมคำสอนของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ได้อย่างชัดเจน
จากนั้นก็มันส์กันอย่างต่อเนื่องกับ “ราชาเงินผ่อน” ในจังหวะสามช่าสุดสนุกและเนื้อร้องที่บอกเล่าวิถีของผู้คนในโลกทุนนิยมได้เป็นอย่างดี เพลงนี้ร้องโดย อ้วน คาราบาว
มาสนุกกันต่อกับ “ซาอุดรฯ” บทเพลงสะท้อนยุคสมัยที่แรงงานไทยนิยมไปทำงานเมืองเศรษฐีน้ำมัน จากนั้นก็มาออกทะเลไปกับ “เฒ่าทะเล” ที่ร้องโดย เล็ก คาราบาว
ต่อด้วย “หำเทียม” เพลงโปรดของใครหลาย ๆ คน หนึ่งในเพลงที่มีอารมณ์สนุกสนานและน่ารัก และเป็นหนึ่งในเพลงของคาราบาวที่ถูกแบนหรือถูกสั่งห้ามเปิดโดย กบว. ในยุคนั้น
จากนั้นแอ๊ด คาราบาวก็กล่าวเปิดเพลงต่อมา โดยเท้าความถึงเหตุการณ์ประทับใจแต่หนหลังที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำวงดนตรี
“วง V.I.P. มาเล่นที่โรงหนังสกาลา ผมก็ไปยืนเกาะรั้วดูวงดนตรีต้นแบบที่ทำให้พวกเราเป็นวันนี้นะครับ ขอร้องเพลงให้กับพี่แหลม มอริสิน กีตาร์คิงส์สักเพลงครับพี่น้องครับ” และแล้วท่วงทำนองของบทเพลง “กีตาร์คิงส์” บทเพลงที่แสดงความคารวะต่อมือกีตาร์ระดับตำนานของไทย แหลม มอริสัน ก็ดังขึ้นมา
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_5070-1024x680.jpg)
ต่อกันด้วย “คนล่าฝัน” บทเพลงให้กำลังใจคนที่ท้อให้ขอมีพลังและแรงใจไฟฝัน เพื่อให้มีกำลังเดินหน้าตามล่าความฝันต่อไป จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเพลงที่ร้องโดยสมาชิกคนอื่น เริ่มด้วย “สัญญาหน้าฝน” (แบบสามช่า) ที่ร้องโดย อ้วน คาราบาว ที่ตีกลองไปร้องไปได้ม่วนแท้ จากนั้น “คนขี้โกง” ร้องโดย เทียรี่ คาราบาว ก็เป็นเพลงต่อมา ต่อด้วย “บาปบริสุทธิ์” ที่ร้องโดย เล็ก คาราบาว เพลงนี้ฟังปกติก็ว่าเพราะแล้ว พอได้มาฟังสด ๆ วันนี้รู้สึกมันมีพลังและ เล็ก คาราบาว ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ๆ
จากนั้นแสงบนเวทีก็ดับลง และ VTR ตัวที่ 2 ก็ถูกเปิดขึ้นมา สมาชิกวงคาราบาวแต่ละคนได้พูดความในใจถึงวงดนตรีที่ตัวเองผูกพันและอยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิต พร้อม ๆ กับการไล่ย้อนประวัติศาสตร์ของวงด้วยภาพที่บันทึกจากช่วงเวลาทั้งหลายบนเส้นทางดนตรีของคาราบาวจากปีปัจจุบันและไปหยุดตรงที่ปี “พ.ศ. 2524” อันเป็นปีที่ประวัติศาสตร์ของวงดนตรีที่ชื่อคาราบาวได้เริ่มต้นขึ้น
ช่วงโฟล์ก
จากนั้นคาราบาวก็พาเราเข้าสู่บรรยากาศอันนุ่มนวล อบอุ่น สบาย ๆ ในสไตล์อะคูสติกกับบทเพลง “ลุงขี้เมา” ผลงานเปิดตัวของคาราบาวในปี พ.ศ. 2524 จากอัลบั้มชุดแรก “ขี้เมา” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง “Anak” (เป็นคำในภาษาตากาล็อกแปลว่า “ลูก”) ที่ร้องและแต่งโดย เฟรดดี้ อากีลาร์ (Freddie Aguilar) บทเพลงดังที่ทำลายสถิติของฟิลิปปินส์ในปี 1979 และยังขึ้นสู่อันดับ 1 ในญี่ปุ่นและได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศอื่น ๆ เช่น แองโกลา ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง และบางส่วนของยุโรปตะวันตก ท่วงทำนองของเพลงนี้ได้ถูกนำมาผสานเข้ากับเนื้อร้องที่แต่งโดย แอ๊ด คาราบาว กลายเป็น “ลุงขี้เมา” เพลงนี้โดนใจคอเพลงตัวจริงในยุคนั้นทันที เพราะท่วงทำนองที่มีความละเมียดละไมไพเราะและเนื้อร้องที่มีความลึกซึ้งกินใจ
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/BV2_3229-1024x681.jpg)
ตอนนี้คอนเสิร์ตก็ก้าวเข้าสู่เซ็ตเพลงช่วงโฟล์กซองอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาราบาวตั้งใจนั่งไปคุยไปในบรรยากาศสบาย ๆ แต่พอเข้าเพลงที่ 3-4 ของลิสต์แฟนเพลงก็ลุกขึ้นมาเต้นกันต่อละ
‘มาจากสุพรรณ มากรุงเทพฯ โดนเพื่อนล้อ อาศัยวัดอยู่ ไม่มีเงิน ไปทานข้าวหมูแดง ก็ซัดหอมหมดถ้วย ต่อมาเฮียเจ้าของร้านเลยไม่ยอมขายให้’ นี่คือเรื่องเล่าชีวิตของ แอ๊ด คาราบาว เมื่อครั้งเดินทางเข้ามาสู่เมืองกรุง เกริ่นนำเข้าสู่บทเพลงต่อไปคือ “ตุ๊กตา” บทเพลงแรกในโชว์นี้ที่เราได้ยินท่วงทำนองจากเครื่องดนตรีสำคัญของดนตรีโฟล์กอย่างเมาท์ออร์แกนที่เป่าโดย แอ๊ด คาราบาว ต่อด้วยเสียงร้องขับขานประสานกันของเล็กและเทียรี่ คาราบาว ในเพลง “ลูกรอ” และมาสู่ลำนำของขลุ่ยไม้ไผ่ในเพลง “ไม้ไผ่” กับท่อนโซโล่สุดว้าวจากเสียงกีตาร์โปร่งของ เล็ก คาราบาว ผสานขลุ่ยจาก อ้วน คาราบาว
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/BV2_3245-681x1024.jpg)
จากนั้นก็มาถึงหนึ่งบทเพลงสุดคลาสสิกของคาราบาว “คนเก็บฟืน” นำพาผู้ฟังสู่ช่วงเวลาเชิงปรัชญาที่ให้เราได้ปล่อยกายปล่อยใจไหลไปกับท่วงทำนองและเนื้อร้องที่ชวนขบคิดใคร่ครวญถึงความหมายของชีวิต แน่นอนว่ามาฟีลนี้แล้วก็ต้องต่อด้วย “ทะเลใจ” บทเพลงอันไพเราะ เรียบง่ายที่มาพร้อมความหมายสุดลึกซึ้งหนึ่งในเพลงในดวงใจของแฟนเพลง
“เพลงต่อไปนี้คือเพลงที่ผมตั้งใจ จะให้พี่น้องช่วยกันร้องเพราะว่าเพลงนี้เราเคยร้องกันเป็นหมู่ ‘ชีวิตสัมพันธ์’ ครับ”
“ชีวิตสัมพันธ์” คือบทเพลงต่อมาอันเป็นบทเพลงที่เพื่อนพ้องน้องพี่ศิลปินเพื่อชีวิตร่วมร้องกันในคอนเสิร์ตตำนานของวงการเพลงไทย “คอนเสิร์ตชีวิตสัมพันธ์ สายธารสู่อีสานเขียว” เมื่อปี พ.ศ. 2530 แม้ในครั้งนี้จะแม้ไม่มีศิลปินมากมายมาร่วมร้องเช่นครั้งนั้น แต่แฟน ๆ ก็ช่วยกันร้องบทเพลง ‘เชิงนิเวศ’ ที่ไพเราะละมุนละไมของคาราบาวเพลงนี้จนเสียงกระหึ่มดังไปทั้งฮอลล์อิมแพค ก่อนจะจบช่วงโฟล์กลงอย่างงดงาม
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z62_9349-1024x681.jpg)
จากนั้นแสงของเวทีก็ได้ดับลง VTR ตัวที่ 3 ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเพื่อทำหน้าที่เชื่อมต่อช่วงเวลาและอารมณ์ไปสู่ช่วงต่อไป “คุณคือใคร… ไม่สำคัญ เพราะเราทุกคนชอบในสิ่งเดียวกัน เพราะเราทุกคนคือแฟนเพลงคาราบาว” ข้อความปรากฏขึ้นมาเพื่อบอกกับแฟน ๆ ว่าทุกคนคือคนสำคัญ คือครอบครัวคาราบาว ก่อนที่สมาชิกในวงแต่ละคนจะมากล่าวคำขอบคุณและพูดถึงแฟน ๆ ผ่าน VTR ตัวนี้
ช่วงที่ 3 บทเพลงใหม่ผสานเพลงเก่าคลาสสิก
เข้าสู่พาร์ตที่ 3 ของโชว์ด้วยบทเพลง “ดอกไม้กับผีเสื้อ” จากอัลบั้มชุดใหม่ ‘40 ปี ฅนคาราบาว’ ร้องโดย เล็ก คาราบาว จากนั้น แอ๊ด คาราบาว ก็กล่าวเปิดเพลงต่อมา โดยเล่าว่าลูกเล่นสำคัญของเพลงนี้อยู่ที่การมีตัวเลขซ่อนอยู่ในเพลงมากมาย และเคยทำให้คนถูกหวยจากเลข “66” เพลงนี้ก็คือ “ยอดมนุษย์ 2 %” เพลงอารมณ์บลูส์ ที่สะท้อนความเป็นจริงของโลกและสัจธรรมของชีวิตผ่านตัวเลขได้อย่างน่าสนใจ
บทเพลงต่อมาคือ “แม่สาย” หนึ่งในเพลงที่เป็นลายเซ็นของ เทียรี่ คาราบาว เป็นหนึ่งในเพลงเศร้าของคาราบาวที่มีความไพเราะและลึกซึ้ง แฟนเพลงร้องตามกันสุดเสียงไปเลย
ต่อกันด้วย “ลุงฟาง” บทเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ” ชายผู้ที่กลับคืนสู่วิธีธรรมชาติด้วยการทำนาโดยไม่ต้องทำนา เก็บเวลาไว้คุยกับตะวัน ผู้เขียนหนังสือ “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว”
จากนั้นคาราบาวก็พักทักทายแฟน ๆ ทั้งใกล้และไกลในฮอลล์อิมแพค “ได้ยินผมชัดไหมครับ เสียงชัดเจนนะครับ เดี๋ยวมาร้องเพลงรักกับผมสักเพลง” และเข้าสู่บทเพลง “รักต้องสู้” และมาต่อกันที่ “นางงามตู้กระจก” อีกหนึ่งเพลงฮิตของวงและเสียงร้องในบทเพลงที่เป็นลายเซ็นของ เทียรี่ คาราบาว
และก็กลับมามันส์กันต่อกับเพลง “เจ้าตาก” หนึ่งในเพลงสุดมันส์ของคาราบาวที่มาพร้อมแสง สี เสียงและเอฟเฟกต์แบบจัดเต็ม งานนี้ไม่มีใครนั่งติดเก้าอี้แล้ว ! จากนั้นก็มาที่เพลงโจ๊ะ ๆ เต้นกันสนุก ๆ กับ “รักทรหด” ต่อด้วย “คนจนผู้ยิ่งใหญ่” เพลงนี้มีเซอร์ไพรส์ระหว่างที่เพลงกำลังบรรเลง ก็มีธนบัตร 40 ปีคาราบาวถูกโปรยลงมาจากเบื้องบนให้แฟน ๆ ได้เก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึก
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z62_9194-1024x576.jpg)
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z9A_3117-1024x683.jpg)
ธนบัตรยังลอยลงมาอย่างช้า ๆ ไม่หยุด เพลงต่อมาก็เข้ามาต่อเลยกับ “คนหนังเหนียว” เพลงแสบ ๆ คัน ๆ เปี่ยมอารมณ์ขันที่เล็กและเทียรี่ คาราบาว ร้องโต้ตอบกัน จากนั้นก็มาต่อที่ “วิชาแพะ” และเพลงในสไตล์ร็อกแอนด์โรล “บิ๊กสุ”
แล้วก็มาเพลิดเพลินกันต่อกับเพลง “กระถางดอกไม้ให้คุณ” เพลงน่ารัก ๆ ประจำตัวของ เกริกกำพงษ์ ประถมปัทมะ หรือ อ๊อด คาราบาว ที่เล่นเบสไปร้องไปได้อย่างน่าเอ็นดู
จากนั้นก็เปลี่ยนเวทีให้กลายเป็นเสมือนอควาเรียมใน “รั้วทะเล” และต่อด้วย “หลงวัฒน์” เพลงที่สะท้อนช่วงเวลาที่คนไทยหลงในวัฒนธรรมต่างชาติจนลืมของดีของไทย
“บทเพลงต่อไปนี้คือเพลงที่แต่งเพื่อพี่น้องคาราบาวที่ไปอยู่กับพระเจ้า” แอ๊ด คาราบาว กล่าวนำไปสู่บทเพลงใหม่ “คาราบาวในโลกของพระเจ้า” บทเพลงรำลึกถึงบรรดาสมาชิกของคาราบาวที่จากไป บนเวทีได้ฉายใบหน้าของสมาชิกคาราบาวทั้งหลายให้ได้อยู่ร่วมเวทีไปกับ 8 สมาชิกในปัจุบัน
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/ATR9545-1024x683.jpg)
ช่วงสุดท้าย ความในใจจากควายเฒ่าคาราบาว
เมื่อจบเพลงนี้แสงบนเวทีก็ดับลงอีกครั้ง เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญกับ VTR บอกเล่าเรื่องราวของวงดนตรีที่ชื่อคาราบาว จากจุดเริ่มต้น บันทึกหน้าแรกของเรื่องราว ผ่านหน้าประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ของตำนานคาราบาว จนมาถึงบันทึกบทสุดท้ายในปีนี้ที่วงคาราบาวได้ประกาศแยกย้ายยุบวงอย่างเป็นทางการ ทุกคนกลับมาบนเวทีอีกครั้ง กับช่วงเวลาที่สมาชิกแต่ละคนได้บอกความในใจที่มี ได้พูดแสดงความรู้สึกที่มีต่อแฟน ๆ ผู้ชม และการเดินทางบนเส้นทางสายดนตรีกับคาราบาวมาอย่างยาวนาน
หมี คาราบาว ก็ได้กล่าวขอบคุณวงและแฟน ๆ “ส่วนตัวผมนะครับ ผมรักคาราบาว เหมือนที่ทุกคนรัก ไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมขอขอบคุณวงคาราบาวและพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนครับ”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_4930-681x1024.jpg)
ส่วน อ้วน คาราบาว ก็กล่าวถึงความรู้สึกประทับใจที่ได้เป็นสมาชิกวงคาราบาวเมื่อ 22 ปีก่อน “ที่ผมตั้งใจใส่ชุดขาวเหมือนนักเรียนแบบนี้ เพราะเมื่อ 22 ปีที่แล้วผมได้มีโอกาสเล่นกับคาราบาวในตอนที่วงมีอายุ 20 ปี ที่ผมปักไว้บนอกเสื้อด้านซ้ายก็คือปีที่ผมเข้ามาเป็นสมาชิกวงคาราบาว ปี 2543 ครับผม”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_4973-1024x681.jpg)
ดุก คาราบาว กล่าวขอบคุณสมาชิกในวงและ “พี่เล็ก คาราบาว ที่เป็นผู้ชักนำเข้ามาสู่วงคาราบาวและพี่แอ๊ด คาราบาว ที่ดูแลผมมาเป็นอย่างดีกว่า 32 ปีครับ” ก่อนจะกล่าวต่อด้วยแววตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาว่า “แต่ว่างานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ควายฝูงนี้ก็ต้องมีวันแยกทางกันไป อายุพวกเราก็เยอะมากแล้วครับ สำหรับผมก็ 71 แล้วครับปีนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วครับ มันตื้นตันครับ ขอบคุณครับ”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/BV2_3197-681x1024.jpg)
โก้ คาราบาว ออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงกระฉับกระเฉง “วันนี้รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะไม่เคยพูดแบบนี้ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณวงคาราบาวที่เอาผมมาเล่นด้วย” ก่อนที่ แอ๊ด คาราบาว จะแซวป๋าโก้ที่กำลังตื่นเต้นและถามว่า “ปีนี้ป๋าอายุเท่าไหร่แล้ว” ผู้ถูกถามมีสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีพลางตอบกลับมาว่า “จะบอกทำไมเล่า แค่ 75 เอง” ทำเอาแฟน ๆ ส่งเสียงกรี๊ดเชียร์กันใหญ่ เป็นโมเมนต์ที่น่ารักดี จากนั้น โก้ คาราบาว ก็กล่าวขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนและแฟนเพลงที่มาชมคอนเสิร์ตในวันนี้
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/ATR8382-1024x683.jpg)
อ๊อด คาราบาว เป็นคนต่อไปที่กล่าวขอบคุณ เล็กและแอ๊ด คาราบาว ที่ชักชวนมาอยู่วง พร้อมทั้งคำขอบคุณพิเศษถึงที่มาที่ไปของบทเพลงอันเป็นที่จดจำ “อีกเรื่องนึงก็คือขอบคุณพี่เล็กที่เล่าเรื่องกระถางดอกไม้ให้คุณ และก็พี่แอ๊ดแต่งเพลง พี่เล็กทำเพลง จนเป็นเพลงลายเซ็นของผม” ก่อนจะกล่าวขอบคุณแฟนเพลงและทีมงานทุกคน และทิ้งท้ายไว้อย่างซาบซึ้ง “ส่งที่อยากจะบอกในใจ ผมชอบเล่นดนตรี และเดือนเมษานี้ก็อดเล่นดนตรีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง วันสุดท้ายของชีวิตจะเป็นยังไง แต่วันนี้ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คน ขอบคุณทีมงานทุก ๆ คน ขอบคุณแฟนพลงทุก ๆ คนครับ ลาก่อนครับ สวัสดีครับ”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_5057-680x1024.jpg)
เทียรี่ คาราบาว ออกมากล่าวต่อด้วยท่าทีเปี่ยมอารมณ์ขัน กล่าวขอบคุณวงและแฟนเพลง พร้อมทั้งบอกว่าอย่าเรียกพวกเขาว่า ‘ศิลปินในตำนาน’ “ห้ามเรียกพวกเราว่าศิลปินในตำนาน ต้องเรียกว่าศิลปินหน้าใหม่ เพราะได้เวลาไปทำหน้าใหม่แล้ว” (หัวเราะ)
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z62_8925-819x1024.jpg)
เล็ก คาราบาว ใช้บทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อการนี้ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีออกมา ในเพลงที่มีชื่อว่า “วิถีควายเฒ่า”
“บัดนี้ถึงเวลาแยกย้าย ควายเอ๋ย ควายเฒ่าคาราบาว”
ไปเถิดไปพี่น้องจงไปดี ตามวิถีควายเฒ่าเล่าเรื่องราว
จากกันนั้นเป็นธรรมดา อนิจจาไม่จากเป็นก็จากตาย
ค.ควายรับใช้ ค.คน อยู่บนหนทางสายดนตรี”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z62_9431-819x1024.jpg)
แอ๊ด คาราบาว ออกมากล่าวเป็นคนสุดท้าย เล่าถึงเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วย “เสียงดนตรี” ของตน ตั้งแต่ออกจากสุพรรณมาสู่กรุงเทพ ฯ ได้เดินทางไปยังฟิลิปปินส์ พบแรงบันดาลใจและได้กลั่นทุกอย่างออกมาเป็นคาราบาว ก่อนจะบอกถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำต่อไป “หลังจากหยุดวงคาราบาวแล้ว สิ่งที่ผมจะทำต่อก็คือ เป็นคนแต่งเพลง ผมชอบแต่งเพลง และเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ คือเล่นดนตรีก็ไม่ได้เก่ง ร้องเพลงก็ไม่ได้เพราะ แต่สิ่งที่ผมเขียนออกมาจากความรู้สึก ได้ฝากผลงานไว้ให้กับวงคาราบาวนั้น ผมคิดว่ามันจะอยู่ต่อไปอีกร้อย ๆ ปี ถึงแม้พวกเราจะไม่อยู่แล้ว แต่บทเพลงของพวกเราจะยังอยู่ต่อไป”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/TE2_6275-1024x681.jpg)
และมันก็เป็นเช่นที่คาราบาวได้กล่าวไว้ว่า “บนหนทางแห่งตัวโน้ตไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว” บนเส้นทางสายดนตรีมีเรื่องราวและผู้คนมากมายหลายหลาก เข้ามาผสานสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกวงหรือว่าแฟนเพลง ทั้งหมดทั้งมวลต่างเชื่อมร้อยใจด้วยเสียงดนตรี และในช่วงเวลานี้ทั้งคาราบาวและแฟนเพลงต่างตระหนักดีถึงสัจธรรมแห่งการพบ พราก จาก จร ทุกการเดินทางมีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุด และในตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่บนหลักหมายสุดท้ายของเส้นทางดนตรีที่ควายคาราบาวได้ดุ่มเดิน น้ำเสียงสั่นเครือและนัยน์ตาคลอน้ำตา แววตาแห่งความผูกพัน ต่างถูกแสดงออกมาผ่านสมาชิกในวงและแน่นอนว่าช่วงเวลานั้นอารมณ์แห่งความรัก ความผูกพัน ความตื้นตันก็เกิดขึ้นกับแฟนเพลงด้วยเช่นกัน มองไปทางไหนก็เห็นน้ำในตามาเอ่อคลอแววตาของบรรดาแฟนเพลง
และแน่นอนว่าหลังจากช่วงเวลาแห่งความเศร้าซึ้งแล้วก็ต้องมาปลุกอารมณ์ชุบชูใจให้สนุกด้วยบทเพลงฮิตที่สุดตลอดกาลที่หลายคนคงเดาได้ไม่ยากว่าจะต้องถูกนำมาเล่นปิดโชว์อย่างแน่นอนบทเพลงนั้นก็คือ “บัวลอย” จบบทเพลงที่ 40 ปิดตำนานวงคาราบาวกับ “คอนเสิร์ต 40 ปีคาราบาว” ที่ถึงแม้โชว์จะจบแต่อารมณ์แฟน ๆ ยังไม่จบ ยังคงรอคอยให้ศิลปินที่ตนเองรักออกมาเล่นต่อไป อย่างน้อยอีกสักเพลงก็ยังดี ที่จะได้ยินเสียงดนตรีและเสียงขับขานบทเพลงจากคาราบาว
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/ATR0338-1024x683.jpg)
ภายในเวลาไม่นานความปรารถนาของแฟน ๆ ก็เป็นอันสมหวัง คาราบาวกลับมาอีกครั้งเพื่อส่งแฟนเพลงกลับบ้านโดยปลอดภัยและพกพาความประทับใจกับความทรงจำดี ๆ กลับบ้านไปด้วย พวกเขาเลือกบทเพลง “มนต์เพลงคาราบาว” เพลงเปิดการแสดงเมื่อครั้งอดีต ให้เป็นบทเพลงที่ 41 ที่เกินมาจากลิสต์ที่ตั้งใจไว้ในโชว์นี้ และปิดท้ายด้วย “กัญชา” เพลงที่ แอ๊ด คาราบาว ร้องทอดเสียงยาวที่สุดและทรงพลังสุด ๆ แม้กระทั่งขวบปีนี้เสียงของ แอ๊ด คาราบาว ที่ขับขานบทเพลงนี้ก็ยังน่าประทับใจไม่มีเปลี่ยนแปลง 2 บทเพลงส่งท้ายกลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่คาราบาวมอบให้กับแฟน ๆ
เมื่อเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ต 40 ปีคาราบาว เพลงสุดท้ายในคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ของวงดนตรีเพื่อชีวิตไทยได้จบลง แฟนเพลงก็ได้พกพาความทรงจำและความประทับใจที่ไม่มีวันลืมเลือน พร้อมคำมั่นสัญญาจากวงคาราบาวเป็นความหวังเอาไว้ให้แฟน ๆ ได้ดีใจว่าไม่แน่ในอีก 3 ปีข้างหน้าเราอาจจะได้กลับมาพบกันใหม่กับ “คอนเสิร์ตครบรอบ 45 ปี คาราบาว”
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/11/Z9A_3538-1024x683.jpg)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส